โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด

โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด

โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
วิธีการแสดงเหตุผล แบ่งได้ ๒ วิธี คือ
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
1. วิธีนิรนัย หมายถึง การแสดงเหตุผลจากส่วนรวมไปหาส่วนย่อย มีผลลัพธ์ "แน่นอน" มักจะเป็นเรื่องจริง
หรือสัจธรรม เช่น คนเราเกิดมาก็ต้องตาย
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
2. วิธีอุปนัย หมายถึง การแสดงเหตุผลจากส่วนย่อยไปหาส่วนรวมแบบที่ผลลัพธ์ไม่จ าเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเลย
(ไม่แน่ใจ) เช่น รุ่นพี่เราสอบติดกันเยอะมาก รุ่นเราคงจะเป็นอย่างนั้น
การอนุมานเหตุและผลที่สัมพันธ์กัน มี ๓ ประเภท คือ
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
3. การอนุมานจากผลไปหาผล
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
1. การอนุมานจากเหตุไปหาผล ใช้ความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่หาข้อสรุปว่าเหตุที่ปรากฏนั้นจะท าให้เกิดผลลัพธ์อะไร
ตามมา โดยแยกออกมาก่อนว่าส่วนใดเป็นเหตุ (เรารู้เหตุแล้ว) ส่วนใดเป็นผล (ส่วนที่เราคาด) ตัวอย่าง ถ้านักเรียน
เห็นว่าเพื่อนสนิทของนักเรียนตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือทุกวัน นักเรียนก็อนุมานเป็นข้อสรุปได้ว่า เพื่อนสนิท
ของนักเรียนคงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่นอน
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
ตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือ(เหตุ)-------การอนุมาน---------สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้(ผล)
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
2. การอนุมานจากผลไปหาเหตุ ใช้ความรู้ความเข้าใจที่มีอยู่หาข้อสรุปหาเหตุที่ปรากฏนั้น ดังตัวอย่าง ภาคเรียนที่ ๑
นักเรียนชายได้ผลการเรียนพอใช้ทุกคน เราก็อาจอนุมานข้อสรุปอันเป็นเหตุได้ว่า นักเรียนชายคงตั้งอยู่ในความ
ประมาท ไม่เอาใจใส่ในการเรียนเท่าที่ควร ทั้งๆที่ข้อสอบก็ไม่ยาก
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
นักเรียนชายได้ผลการเรียนพอใช้(ผล)-------การอนุมาน---------ไม่เอาใจใส่ในการเรียน(เหตุ)
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
3. การอนุมานจากผลไปหาผล เป็นการพิจารณาเหตุการณ์อย่างหนึ่งว่าเป็นผลของเหตุใดเหตุหนึ่ง แล้วพิจารณา
ต่อไปว่าเหตุนั้นอาจจะก่อให้เกิดผลอื่นใดได้อีกบ้าง ตัวอย่าง นักเรียนส่วนใหญ่สอบวิชาคณิตศาสตร์ตก
ปรากฏการณ์นี้เราอาจอนุมานได้ว่า มีเหตุมาจากนักเรียนขาดความรู้ ความเข้าใจ ไม่เอาใจใส่ในการเรียนคณิตศาสตร์
ให้เพียงพอ การไม่เข้าใจคณิตศาสตร์เพียงพอนี้เองเป็นเหตุให้นักเรียนพลอยสอบวิชาฟิสิกส์ตกไปด้วย การสรุปว่า
นักเรียนจะสอบวิชาฟิสิกส์ตก โดยอาศัยผลจากการที่นักเรียนสอบคณิตศาสตร์ตกเช่นนี้ เรียกว่า เป็นการอนุมานจาก
ผลไปหาผล
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
ไม่เข้าใจคณิตศาสตร์(เหตุ)
โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
ตกคณิตศาสตร์(ผล)-----การอนุมาน----------ตกฟิสิกส์(ผล)

โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด

โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด
http://www.mwit.ac.th/~saktong/learn6/86.pdf

โครงสร้างของการแสดงเหตุผลคือข้อใด

�˵ؼ�
          ���¶֧ ��ѡ����� ��鹰ҹ ��ࡳ�� ��Т���稨�ԧ ��觷�˹�ҷ���ͧ�Ѻ�����ػ


�����ػ
          ���¶֧ ����ԹԨ��  ��͵Ѵ�Թ㨠 ���͢���ص�����ǡѺ����ͧ�����ͧ˹��


�ç���ҧ�ͧ����ʴ��˵ؼ�� �� 2 ��ǹ ���
          1. �˵ؼ� ���� ���ʹѺʹع
          2. �����ػ (����Ӥѭ)


���ҷ����㹡���ʴ��˵ؼ�
          1. ���ѹ�ҹ����� �繵���Ҡ ���� .....�֧, �������......���Щй�� �·��.......�֧,.......�����.........
          2. ������ѹ�ҹ�����
                     ������ҧ
                    �١�ҡ�ҡ��
          3. �����������ͺ觪��������˵ؼ� �����繢����ػ
                     ��Ҿ��Ң���ػ���.................... ���˵ؼ��Ӥѭ��� .......................
          4. ���˵ؼ�������ͻ�Сͺ�ѹ
                    ������ҧ
                    �Դ���ô�����͹�صá���¤������ö�Ҩ����ص��繤����դ������ �ӵ�����繻���ª�����ѧ��


�Ը��ʴ��˵ؼ� ��С��͹��ҹ�˵���м�
          1. �Ըչ�ù�� ��� ����ʴ��˵ؼŨҡ��ǹ��������ǹ����
                    ������ҧ
                    �硷ء����ͧ��ä����ѡ����ͺ���
                    �ѹ����
                    ���Щй�鹠 �ѹ��ͧ��ä����ѡ����ͺ���
          2. �Ը��ػ��� ��� ����ʴ��˵ؼŷ�����ѡɳдѧ���
                    - ����ʴ��˵ؼŨҡ��ǹ���� �����ǹ���
                    ������ҧ
                    ����ǧ��� ��о���ǡ�� �Т����� ��ҧ���á��ǹ���͹�Ҩҡ����ҡ������
                    �ѹ����ػ��� �ӷ���鹵���� �� �ء�Ӥ��С��͹�Ҩҡ�������ҡ����͹�ѹ
                    - ���������º ������Ҩ���
                    ������ҧ
                    �͡�ٹ���кҹ���͹�������͹�ء�շ���ҹ��
                    - ������˵���м��Ѿ��������ѹ��ѹ
                               1. �ҡ�˵���Ҽ�
                               2. �ҡ������˵�
                               3. �ҡ����Ҽ�