เอกลักษณ์ ของ เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ มี ลักษณะ อย่างไร


  1. DSpace at Silpakorn University
  2. Silpakorn University
  3. Archaeology

Please use this identifier to cite or link to this item: http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/611

Title:  เจดีย์ทรงระฆังสมัยรัตนโกสินทร์ในจังหวัดจันทบุรี พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕
Other Titles:  BELL-SHAPED CHEDI AT THE 24-25 CENTURIES A.D. IN CHANTHABURI PROVINCE
Authors: 
Nimnuan, Phattawikorn
Keywords:  เจดีย์ทรงระฆัง
พุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕
ศิลปะรัตนโกสินทร์
BELL-SHAPED CHEDI
24-25 CENTURIES
RATTANAKOSIN ART
Issue Date:  18-Nov-2558
Publisher:  มหาวิทยาลัยศิลปากร
Abstract:  วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อต้องการศึกษารูปแบบของเจดีย์ทรงระฆังในจังหวัดจันทบุรี ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕ ว่ามีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมและมีคติการสร้างอย่างไร รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างกรุงเทพฯ กับเมืองจันทบุรีในสมัยนั้นมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทำไมจึงมีเจดีย์ทรงระฆังแบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ ๔ และเจดีย์ทรงระฆังรูปแบบ อื่น ๆ เกิดขึ้นที่เมืองจันทบุรี การศึกษาในครั้งนี้มีเจดีย์ที่ได้ทำการศึกษาทั้งหมด ๘ องค์ คือ พระเจดีย์วัดโยธานิมิต พระเจดีย์ที่เชิงเขาสระบาป พระเจดีย์วัดไผ่ล้อม พระเจดีย์วัดทองทั่วด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออกเฉียงใต้ อลงกรณ์เจดีย์ เจดีย์อิสรภาพ และเจดีย์วัดโบสถ์เมือง โดยทำการแบ่งกลุ่มในการศึกษาของเป็น ๒ กลุ่ม คือ ๑. กลุ่มเจดีย์ทรงระฆังที่มีส่วนรองรับองค์ระฆังเป็นมาลัยเถาสามชั้น ๒. กลุ่มเจดีย์ทรงระฆังที่มีส่วนรองรับองค์ระฆังเป็นมาลัยเถามากกว่าสามชั้น ผลที่ได้จากการศึกษาพบว่า เจดีย์ทรงระฆังที่พบในเมืองจันทบุรี มีรูปแบบที่เป็นเจดีย์แบบพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่ ๔ อย่างแท้จริง ที่มีความเกี่ยวข้องกับการเสด็จประพาสหัวเมืองจันทบุรีในสมัยรัชกาลที่ ๔ และในสมัยรัชกาลที่ ๕ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบงานช่างระดับท้องถิ่นของเจ้าเมืองที่สร้างเจดีย์ขึ้นตามคติความเชื่อของเจดีย์ปากน้ำ และมีการนำเอารูปแบบเจดีย์แบบพระราชนิยมมาสร้างเป็นงานของตนเองที่มีรูปแบบโดยรวมที่ใกล้เคียงกัน สำหรับงานช่างกลุ่มสุดท้ายนี้เป็นงานช่างเฉพาะตัวบุคคลที่เข้ามามีบทบาทที่เมืองจันทบุรี และมีการสร้างเจดีย์ทรงระฆังที่มีรูปแบบผสมสานระหว่างเจดีย์แบบพระราชนิยมกับมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล The purposes of this study were to study patterns of bell – shaped Chedi in the 24-25 centuries A.D. in Chanthaburi province concerning architectural patterns and style as well as building concept. This research further studied: the relationship between Bangkok and Chanthaburi at that time; and why Rama IV era’s bell – shaped chedi occurred in Chanthaburi. The chedi considered in this study consisted of 8 chedi which were Chedi at Yothanimit temple, Chedi at Khao Sabab’s foothills, Chedi at Pai Lom temple, west and southeast Chedi of Thong Tour temple, Alongkorn Chedi, Itsaraphap Chedi, and Chedi at Bot Muang temple. The chedi in this study were divided into 2 groups which were 1) bell – shaped chedi in which the platform was a series of three convex mouldings and 2) bell – shaped chedis in which the platform was a series of more than three convex mouldings. The result of this study showed that the bell – shaped chedi in Chanthaburi were truly King Rama IV royal concept of Chedi concerning royal visits to Chanthaburi in King Rama IV and King Rama V’s era. Secondly, there was a form of local skill of the ruler who built the chedi inspired by Pak Nam Chedi belief and used the royal concept of chedi as a model, causing the overall shape looked familiar to the royal concept one. Finally, the last form of craft was individual skill of crafting which paid a role in Chanthaburi. Also, building chedi was way more integrating between royal concept and individual style.
Description:  55107213 ; สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ -- ภัททวิกรม์ นิ่มนวล
URI:  http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/611
Appears in Collections: Archaeology

Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.

เอกลักษณ์ ของ เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ มี ลักษณะ อย่างไร

เอกลักษณ์ ของ เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ มี ลักษณะ อย่างไร

แต่ละแบบก็จะเรียกได้ว่าฮิตสร้างในสมัยต่างๆ กันไป โดยเจดีย์ทรงปรางค์และเจดีย์ทรงเครื่องจะพบได้ในสมัยรัชกาลที่ 1-3 ซึ่งได้มีการสืบทอดรูปแบบมาจากศิลปะแบบอยุธยาตอนปลายและจะพบมากในสมัยรัชกาลที่ 3

     ส่วนเจดีย์ทรงระฆังนั้นจะพบสร้างขึ้นในวัดช่วงรัชกาลที่ 4 เป็นการย้อนรูปแบบกับไปทำตามเจดีย์ทรงระฆังในสมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่งรัชกาลที่ 4 ได้สถาปนาขึ้นใหม่จนถือได้ว่าเป็นรูปแบบพระราชนิยมในรัชสมัยนั้น

     สุดท้ายเจดีย์เพิ่มมุมไม้สิบสองที่พบได้ไม่มากนัก แต่ก็มีองค์สำคัญคือ เจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ที่สร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับเจดีย์ทรงเครื่องของรัชกาลก่อนหน้านี้ทั้งสามรัชกาล

     เจดีย์รูปแบบต่างเหล่านี้จะมีลำดับความสำคัญและความนิยมไปจนถึงหมดความนิยมในช่วงเวลาที่ต่างกันออกไป โดยจะอธิบายเพิ่มเติมลักษณะรูปแบบสำคัญ ที่มา คติการสร้าง หน้าที่การใช้งานในเอนทรี่ถัดไป

เอกลักษณ์ ของ เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ มี ลักษณะ อย่างไร


เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์มีลักษณะอย่างไร

สถาปัตยกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระสถูปเจดีย์ซึ่งสร้างในรัชกาลที่ 1–3 นิยมสร้างพระปรางค์กับพระเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองเป็นหลัก เจดีย์ทรงเครื่อง เป็นอีกรูปแบบของเจดีย์ที่สร้างมาแต่สมัยอยุธยา ถูกนำมาสร้างโดยสามารถกำหนดได้อย่างแน่ชัดว่านิยมสร้างในสมัย รัชกาลที่ 1–3 เท่านั้น เจดีย์ในสมัยรัตนโกสินทร์พบเพียง 4 รูปแบบ คือ ...

เจดีย์ทรงพิเศษในสมัยอยุธยามีลักษณะใด

เจดีย์ทรงปรางค์แบบของกรุงอยุธยาเป็นทรงแท่งเหลี่ยมหยักมุมคล้ายทรงฝักข้าวโพด เจดีย์ที่มียอดทรงดอกบัวตูมของสุโขทัย มีฐานสี่เหลี่ยมหลายชั้น ตั้งซ้อนลดหลั่นรองรับทรงแท่งหยักมุม โดยมีทรงดอกบัวตูมเป็นยอดเจดีย์ทรงระฆังของเชียงใหม่ หรือเรียกรวมว่าแบบล้านนา มีทรงแท่งหยักมุม รองรับทรงกรวยสูง ดังนี้สะท้อนสุทรียภาพที่แตกต่างของ ...

ลักษณะสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นอย่างไร

- การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด - การปกครองส่วนกลาง มีลักษณะดังนี้ คือ มีอัครมหาเสนาบดี 2 ตำแหน่ง และมีจตุสดมภ์ทั้ง 4 ฝ่าย ภายใต้การดูแลของสมุหนายก - การปกครองส่วนภูมิภาค ได้มีการแบ่งหัวเมืองเป็น 3 ประเภท คือหัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมืองประเทศราช

เจดีย์ทรงระฆังสร้างขึ้นในสมัยใด

4. เจดีย์ทรงระฆังจึงเริ่มแพร่หลายกันมากขึ้นในสุโขทัยตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ 19 เพราะขณะนั้น เอกสารโบราณมักระบุถึงพระสงฆ์ที่ไปศึกษาพุทธศาสนาจากเมืองมอญ-ลังกากลับมาเช่น พระสุมนเถระ