Apple watch se กับ series 6 ต่างกันอย่างไร

Apple Watch

เปรียบเทียบ Apple Watch Series 7 กับ Apple Watch SE ซื้อรุ่นไหนดี?

เปิดจองกันไปแล้วสำหรับ Apple Watch Series 7 ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการปรับปรุงในอีกหลายๆด้าน ซึ่งเราเชื่อได้ว่าคงมีผู้ใช้งานหลายๆคนได้ทำการจับจองกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เปิดจองกันไปแล้วสำหรับ Apple Watch Series 7 ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและการปรับปรุงในอีกหลายๆด้าน ซึ่งเราเชื่อได้ว่าคงมีผู้ใช้งานหลายๆคนได้ทำการจับจองกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อ Apple Watch รุ่นไหนดีระหว่าง Series 7 หรือ SE เพราะทั้ง 2 รุ่นก็มีความต่างกันอยู่พอสมควรกลัวซื้อมาแล้วไม่ตอบโจทย์ ในวันนี้เราจะมาสรุปให้ฟังว่ามันต่างกันยังไงและเราควรซื้อรุ่นไหนดีเพื่อให้คุ้มกับการใช้งานของเรามากที่สุด

Apple watch se กับ series 6 ต่างกันอย่างไร

เปรียบเทียบสเปค Apple Watch Series 7 กับ Apple Watch SE

Apple Watch Series 7 Apple Watch SE
ขนาด 41mm. และ 45 mm. 40 mm. และ 44mm.
จอ Always-On Retina Display
ขอบจอหนา 1.7 มม.
Always-On
ขอบจอหนา 3 มม.
กันน้ำ กันฝุ่น IP6X และกันน้ำขณะว่ายน้ำที่ 50 เมตร กันน้ำขณะว่ายน้ำที่ 50 เมตร
ความละเอียดจอ 396 x 484 พิกเซล 368 x 448 พิกเซล
วัสดุ อะลูมิเนียม
สแตนเลสสตีล
ไทเทเนียม
อะลูมิเนียม
เซ็นเซอร์สุขภาพ เซ็นเซอร์ออกซิเจนในเลือด
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 3
การตรวจจับการล้ม
การตรวจสอบ เสียงรบกวน
เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัล รุ่นที่ 2
การตรวจจับการล้ม
การตรวจสอบเสียงรบกวน
ชิป S7 64bit dual-core processor
แรงกว่าชิป S5 20%
S5 64 bit dual-core processor
แบตเตอรี่ สูงสุด 18 ชั่วโมง
สายชาร์จเร็วแบบแม่เหล็กเป็น USB‑C
สูงสุด 18 ชั่วโมง
สายชาร์จ USB‑C แบบแม่เหล็ก
ราคาเริ่มต้น GPS: ฿13,900
GPS + Cellular: ฿17,500
GPS: ฿9,900
GPS + Cellular: ฿11,500

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่าง Apple Watch Series 7 และ Apple Watch SE เลยก็คือเรื่องของขนาด โดย Apple Watch Series 7 มาพร้อมกับขนาดตัวเรือน 41mm. และ 45mm. ที่ใหญ่กว่า Apple Watch SE รุ่นละ 1mm. ซึ่งเอาจริงๆเมื่อมาอยู่ในข้อมือแล้วคาดว่าน่าจะให้ความรู้สึกที่ไม่ต่างกันมากนัก

Apple watch se กับ series 6 ต่างกันอย่างไร

นอกจากขนาดของตัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้นแล้วขนาดของหน้าจอก็ใหญ่ขึ้นด้วยเช่นกัน โดย Apple Watch Series 7 มาพร้อมกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า Apple Watch SE เกือบ 20% เป็นผลมาจากขอบจอที่บางลงเหลือเพียง 1.7มม. เท่านั้น โดยเอาจริงๆหากซื้อมาเพียงแค่ใช้งานทั่วไปอย่างเช่น รับการแจ้งเตือนหรือใช้เพื่อออกกำลังกายบ้าง ขนาดหน้าจอของ Apple Watch SE ก็ถือว่าไม่ได้เล็กจนเกินไป

ส่วนในเรื่องของความทนทานนั้น Apple Watch Series 7 จะได้เปรียบทาง SE อยู่นิดหน่อยที่มาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นที่ IP6X ที่ทำให้มันสามารถป้องกันฝุ่นได้ดีกว่าจึงทำให้ปลอดภัยในการใส่ไปเล่นทรายตามชายหาดหรือที่ที่มีฝุ่นเยอะๆมากกว่า

Apple watch se กับ series 6 ต่างกันอย่างไร

แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 รุ่นสามารถกันน้ำได้ลึกสุดเท่ากันที่ 50 เมตร โดย Apple บอกว่ามันปลอดภัยเฉพาะใส่ว่ายน้ำในสระเท่านั้น ส่วนใครคิดที่จะใส่ไปว่ายในทะเลก็อาจจะต้องรับความเสี่ยงกันเอาเอง

มาถึงส่วนสำคัญสำหรับ Apple Watch กันแล้วอย่างเซ็นเซอร์เพื่อสุขภาพ โดย Apple Watch Series 7 สามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, วัด ECG และสามารถวัดออกซิเจนในเลือดได้ เมื่อเทียบกับ Apple Watch SE ที่สามารถใช้วัดได้แค่อัตราการเต้นของหัวใจเท่านั้นไม่สามารถวัด ECG และออกซิเจนในเลือดได้

แต่อย่างไรก็ตามเอาจริงๆแค่วัดอัตราการเต้นของหัวใจมันก็เพียงพอแล้วสำหรับซื้อมาใช้ออกกำลังกายหรือใช้งานทั่วไป รวมถึงการวัดออกซิเจนในเลือดของ Apple Watch Series 7 ยังไม่มีความแม่นยำสักเท่าไหร่อีกด้วย

ในส่วนของชิปประมวลผลนั้นแม้ Apple Watch Series 7 จะเร็วกว่า Apple Watch SE ก็จริง แต่คาดว่าการใช้งานจริงน่าจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนัก เพราะตัวผมเองใช้ Apple Watch Series 4 อยู่ยังไม่รู้สึกว่ามันช้าแต่อย่างใดเลย

สรุปซื้อรุ่นไหนดี

  • Apple Watch Series 7: เหมาะกับคนที่ต้องการฟีเจอร์ด้านสุขภาพแบบครบครันและต้องการเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดของ Apple ซึ่งหากใครที่มีงบพอก็แนะนำให้ซื้อตัวนี้เลยเพราะเราจะได้ฟีเจอร์ที่ครบมากกว่า
  • Apple Watch SE: เหมาะกับคนที่มีงบจำกัดแต่อยากได้ Apple Watch เพื่อมาใช้คู่กับ iPhone และออกกำลังกาย ที่ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่เทียบเท่ากับ Apple Watch Series 7 แต่มันก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไป

ราคา

Apple Watch Series 7

อะลูมิเนียม: เริ่มต้นที่ ฿13,900

สแตนเลส: เริ่มต้นที่ ฿23,900

ไทเทเนียม: เริ่มต้นที่ ฿27,900

Apple Watch SE

อะลูมิเนียม: เริ่มต้นที่ ฿9,900

และนี่คือข้อมูลที่เราทำการรวบรวมมาเพื่อช่วยให้คนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหนดีได้ตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยหวังว่ามันจะมีประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน