กลายเป็นว่าการตัดอะแดปเตอร์ออกไปจากกล่อง iPhone ทุกรุ่นที่มีการขายอยู่ ไม่ได้มีผลกระทบกับผู้ใช้ที่คิดจะเปลี่ยนเป็น iPhone 12 เพียงอย่างเดียว สำหรับผู้ใช้ที่คิดจะเปลี่ยนไปใช้ iPhone รุ่นอื่น ๆ อย่าง iPhone 11, XR, และ SE Apple
ได้มีการเปลี่ยนสายชาร์จในกล่องเป็น USB-C to Lightning เช่นกัน ที่ก่อนหน้านี้จะแถมสาย USB-A to Lightning และอะแดปเตอร์ 5W ที่ใช้กับ USB-A ทำให้ผู้ใช้เสมือนถูกบีบบังคับให้ซื้ออะแดปเตอร์ใหม่ด้วย การเปลี่ยนในครั้งนี้ทำให้ผู้ใช้อยู่ในสถานการณ์ที่มีทางเลือกเพียง 2
ทาง คือใช้สายชาร์จเดิม หรือซื้ออะแดปเตอร์ใหม่ USB-C แทนเท่านั้น สำหรับผู้ใช้ iPhone เดิมที่คิดจะเปลี่ยนจาก iPhone รุ่นเก่า เป็น iPhone 11, XR, หรือ SE และสำหรับผู้ที่ย้ายค่ายมาก็อาจจะต้องเลือกระหว่างการซื้ออะแดปเตอร์ใหม่ หรือซื้อสายชาร์จใหม่เท่านั้น แต่ผู้ใช้จะไม่ถูกจำกัดว่าต้องใช้ของ Apple เท่านั้น ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ของ Third-party ได้ด้วย ทั้งนี้ Apple ได้มีการลดราคาทั้งหูฟังและอะแดปเตอร์ลงเหลือเพียงชิ้นละ 690 บาทเท่านั้น แถมอะแดปเตอร์เป็นอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 20W ด้วย สามารถสั่งซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Apple Online Store See also พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส โทรศัพท์ iPhone เป็นโทรศัพท์ระบบปฏิบัติการ iOS เพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีวิวัฒนาการล้ำหน้าทั้งด้านการออกแบบ ดีไซน์ และแอปพลิเคชันที่ได้มาตรฐาน รวมถึงความเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกมีความก้าวล้ำทางเทคโนโลยีต่างเป็นจุดเด่นของโทรศัพท์ iPhone แม้โทรศัพท์ iPhone และอุปกรณ์เสริมจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับราคาและความเสถียรของตัวเครื่องรวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ถูกบรรจุลงในโทรศัพท์มือถือจากแบรนด์ Apple ก็ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม คุ้มค่า ซึ่งอุปกรณ์เสริมที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในสื่อโซเชียลต่าง ๆ ก็คือ สายชาร์จไอโฟน ปัจจุบันพัฒนามาจนเป็นรุ่น iPhone11 แต่ผู้ใช้หลายคนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับสายชาร์จ iPhone ว่าเป็นแบบเดียวกันกับรุ่นก่อน ๆ หรือไม่ และแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร เพราะรูปร่างหน้าตาของสายชาร์จมีความคล้ายคลึงกันมาก ซึ่งหากแบ่งตามความสามารถในการใช้งานจริง ๆ สามารถแบ่งสายชาร์จตามรุ่นได้ดังนี้ เปรียบเทียบสายชาร์จไอโฟน ตามรุ่นต่างๆ รุ่นไหนใช้ร่วมกันได้บ้าง?เป็น iPhone รุ่นเดียวที่ยังใช้สายแบบเก่าคือ เป็นแบบ Dock to USB Cable 2.0 ที่มีหัวต่อ USB สำหรับเสียบกับอแดปเตอร์และคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายโอนข้อมูล หัวต่ออีกด้านมีลักษณะที่แบนและมีขนาดใหญ่อย่างเห็นได้ชัด เพื่อใช้สำหรับ iPhone 4 และ iPhone 4S โดยเฉพาะ แม้ว่าจะใช้กับ iPhone รุ่นอื่น ๆ ไม่ได้ แต่สามารถใช้สายนี้สำหรับการชาร์จ IPod ได้ เป็นสายชาร์จรุ่นเดียวกันทั้งหมดจึงสามารถใช้ร่วมกันได้ โดยลักษณะของสายเป็นแบบ Lightning USB 2.0 ด้านที่เป็น USB ใช้สำหรับต่อกับอแดปเตอร์เพื่อชาร์จไฟหรือเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่อถ่ายโอนข้อมูล ส่วนอีกด้านที่มีลักษณะแบนและมีแถบสีทองสำหรับเสียบกับโทรศัพท์ iPhone 5 – iPhone 7 เป็นสายชาร์จแบบ Lightning USB – C ซึ่งเป็นสายชาร์จสำหรับอแดปเตอร์ชาร์จไวและใช้สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง iPhone และเครื่อง MAC โดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะของหัวต่อด้าน USB จะมีความแตกต่างกับ USB 2.0 อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้หากไม่ได้ใช้ซิงค์กับเครื่อง MAC ก็สามารถใช้สายแบบเดียวกับ iPhone 5 – iPhone 7 ได้เช่นกัน iPhone 11 ขึ้นไปจนถึงรุ่น 14 ในปัจจุบันเป็นรุ่นที่มีการพัฒนาให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้ด้วยแท่นชาร์จไร้สาย Qi แต่ก็ยังสามารถใช้สายชาร์จแบบ Lightning USB ของรุ่นอื่นๆ ได้ด้วยเช่นกัน และยังรองรับการชาร์จไวผ่าน Lightning USB – C อีกด้วย บทส่งท้ายจะเห็นได้ว่า สายชาร์จไอโฟน แต่ละแบบมีความแตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถใช้ชาร์จร่วมกันได้ ดังนั้น ก่อนใช้สายของ iPhone เครื่องอื่นมาชาร์จกับเครื่องของตนเอง ควรดูให้ดีก่อนว่าเป็นสายชาร์จของรุ่นไหนเพื่อเป็นการถนอมโทรศัพท์ไม่ให้เสื่อมสภาพไว ซึ่งนอกจากเราจะมาเปรียบเทียบสายชาร์จไอโฟนแต่ละรุ่นให้ดูกันแล้ว เราก็ยังมี 3 วิธีดูแล รักษาสายชาร์จให้ใช้ได้นานกันอีกด้วย โดยวิธีดูแลรักษาไม่ให้สายชาร์จ iPhone เสื่อมสภาพไวสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด หาก สายชาร์จไอโฟน แต่ละรุ่นเกิดความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ ควรซื้อเส้นใหม่จาก Shop Apple หรือสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ของ Apple โดยตรง เพื่อเป็นการถนอมโทรศัพท์ไม่ให้เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ รวมถึงเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้กับสายปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานที่แม้จะมีราคาถูกกว่าสายแท้แต่คงไม่คุ้มกับค่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
|