การใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหา Show การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาร่วมกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถทำได้โดยใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ต่าง ๆ และการเขียนโปรแกรม ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1.การใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ในการแก้ปัญหา เช่น ไมโครซอฟต์เวิร์ด ไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยนต์ ไมโครซอฟต์เอกซ์เซล ไมโครซอฟต์แอกเซส ซอฟต์แวร์โปรเดสท็อบ เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมต่าง ๆ เหล่านี้จะสามารถช่วยแก้ปัญหาในการทำงานได้ ดังนี้ ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เวิร์ด(Microsoft Word) ช่วยแก้ปัญหาในการจัดทำงานเอกสารต่าง ๆ เช่น ช่วยให้การพิมพ์งานเอกสารทำได้รวดเร็วมากกว่าการใช้พิมพ์ดีดไฟฟ้า มีการตรวจสอบการสะกดไวยากรณ์เพื่อป้องกันการพิมพ์ที่ผิดพลาด สามารถลบคำผิดและปรับปรุงข้อความในเอกสารได้ง่ายและสะอาดเรียบร้อย โดยไม่ต้องใช้น้ำยาลบคำผิด แก้ปัญหาสิ้นเปลืองเวลาในการส่งจดหมายเวียนภายในองค์กรโดยพิมพ์จดหมายต้นแบบเพียงฉบับเดียวแล้วส่งไปให้ทุกหน่วยงานในองค์กรผ่านทางคอมพิวเตอร์แทนการถ่ายสำเนาเอกสาร แล้วให้คนส่งเอกสารนำส่งทีละหน่วยงาน เป็นต้น ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เอกซ์เซล(Microsoft Excel) ช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับการคำนวณตัวเลข จัดทำตารางข้อมูล แผนภูมิและกราฟ เช่น การคำนวณตัวเลขหลายจำนวนในตารางข้อมูล การใช้สูตรคำนวณแทนการใช้เครื่องคิดเลข การจัดทำตารางข้อมูลให้สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย การใช้ข้อมูลในตารางสร้างแผนภูมิแลกราฟได้อย่างง่ายดาย ถูกต้องและแม่นยำ เป็นต้น ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์แอกเซส(Microsoft Access) ช่วยแก้ปัญหาการจัดเก็บข้อมูล โดยจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะดวกต่อการค้นหาและนำมาใช้ ซอฟต์แวร์ไมโคซอฟต์เพาเวอร์พอยนต์(Microsoft PowerPoint) ช่วยแก้ปัญหาการนำเสนองาน โดยทำให้การสร้างงานนำเสนอทำได้ง่าย และน่าสนใจกว่าการนำเสนองานตามปกติที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์โปรเดสท็อป (Pro/DESKTOP) ช่วยแก้ปัญหาในการออกแบบและสร้างชิ้นงานจำลอง โดยอำนวยความสะดวกในการออกแบบและสร้างชิ้นงานจำลองด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่มีในซอฟต์แวร์ซึ่งมีความแม่นยำ และทราบผลทันที รวมถึงประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุ อุปกรณ์มาเขียนแบบหรือสร้างชิ้นงานจำลอง 2.การเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา เป็นการใช้ความรู้ความสามารถด้านภาษาคอมพิวเตอร์และประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ในด้านต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ดังตัวอย่าง
โปรแกรมเชิงวัตถุและโปรแกรมเชิงจินตภาพแตกต่างกันอย่างไร โปรแกรมเชิงวัตถุ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ จะแยกงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่าวัตถุ เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกใช้ โดยสามารถนำมาประกอบและรวมกันได้ แต่จะเห็นผลลัพธ์เมื่อพัฒนาซอฟต์แวร์เสร็จแล้ว ในขณะที่โปรแกรมเชิงจินตภาพ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สามารถมองเห็นผลลัพธ์ของงานได้ตั้งแต่เริ่มพัฒนาโปรแกรมโดยไม่จำเป็นต้องรอให้การพัฒนานั้นเสร็จสมบูรณ์ โปรแกรมเมอร์/นักเขียนโปรแกรม(Programmer) เป็นอาชีพที่ทำงานเกี่ยวกับการเขียนชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการทำงานและแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องภาษาคอมพิวเตอร์และการใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี วิธีการแก้ปัญหา มนุษย์ทุกคนต้องเคยพบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านสุขภาพ ปัญหาการเรียน ปัญหาการทำงาน ปัญหาครอบครัว ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการแก้ปัญหาแตกต่างกันไป ตามความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ โดยใช้วิธีการแก้ปัญหาที่เคยศึกษาผ่านมาหรือเคยทดลองใช้แล้วประสบความสำเร็จ เช่น วิธีลองผิดลองถูก วิธีการขจัด วิธีการใช้เหตุผล เป็นต้น ซึ่งเมื่อพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่า วิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ต่างมีขั้นตอนที่เหมือนกัน วิธีการแก้ปัญหาเป็นหนึ่งในขั้นตอนการประมวลผลของกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งแบ่งได้ ขั้นตอน ดังนี้ 1.การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหา เป็นขั้นตอนการทำความเข้าใจกับปัญหา เพื่อแบ่งแยกให้ชัดเจนโดยใช้คำถามต่อไปนี้
ตัวอย่าง การวิเคราะห์และกำหนดรายละเอียดของปัญหาเกี่ยวกับการหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ระบุข้อมูลเข้า ® ความกว้างและความยาวของสี่เหลี่ยมผืนผ้า ระบุข้อมูลออก ® พื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า กำหนดวิธีการประมวลผล ® นำความกว้าง และความยาวของสี่เหลี่ยมผืนผ้ามาหาพื้นที่โดยการคูณ 2.การวางแผนในการแก้ปัญหาและถ่ายทอดความคิดอย่างมีขั้นตอน เป็นขั้นตอนการจำลองความคิดในการแก้ปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาสามารถเข้าใจและปฎิบัติตามไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งทำได้ 2 รูปแบบ ดังนี้ 2.1การใช้ข้อความหรือคำบรรยาย เป็นการเขียนเค้าโครงแผนงานด้วยข้อความหรือคำบรรยายที่มนุษย์ใช้สื่อสารกันหรือภาษาคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ทราบขั้นตอนการทำงานของการแก้ปัญหาแต่ละขั้นตอน ดังตัวอย่าง ตัวอย่าง การวางแผนหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยใช้ข้อความหรือคำบรรยาย เริ่มต้น 1.กำหนดค่าความกว้าง 2.กำหนดค่าความยาว 3.คำนวณหาพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าจากสูตร กว้าง x ยาว 4.แสดงผลค่าพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า สิ้นสุด 2.2การใช้สัญลักษณ์ เป็นการใช้สัญลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ มาเรียงต่อกันเป็นแผนภาพเพื่อสื่อสารให้ผู้ที่พบเห็นเข้าใจตรงกัน ซึ่งสัญลักษณ์ที่กล่าวถึงนี้ได้กำหนดขึ้นโดยสถาบันมาตรฐานแห่งชาติอเมริกา (ANSI : The American National Standard Institute) ดังตัวอย่าง
4.การตรวจสอบและปรับปรุง เป็นขั้นตอนการตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินการแก้ปัญหาว่าถูกต้องสอดคล้องกับข้อมูลเข้า ข้อมูลออก และวิธีการประมวลผลหรือไม่ ถ้ายังพบข้อบกพร่องต้องปรับปรุงแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การใช้ขั้นตอนที่ 4 นี้เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงการเขียนหรือพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะช่วยให้สามารถประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดี สิ่งที่คอมพิวเตอร์ต้องรู้เพื่อใช้ในการแก้ปัญหา มีทั้งหมดกี่อย่าง อะไรบ้าง *คอมพิวเตอร์กับการแก้ปัญหา. ขั้นตอนการวิเคราะห์ปัญหา ... . 1. การทำความเข้าใจกับปัญหา ... . 2. การพิจารณาลักษณะของข้อมูลเข้าและข้อมูลออก ... . 3. การทดลองแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ... . 4. การเขียนขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา ... . 5. การทดสอบลำดับขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหา. คอมพิวเตอร์ใช้แก้ปัญหาอะไรบ้างคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาช่วยแก้ปัญหาและส่งเสริมกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมุ่งเน้นแก้ปัญหาตามวิธีการใช้งาน ได้แก่ การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การนำเสนอข้อมูล และการสื่อสารและเครือข่าย
ส่วนสำคัญที่คอมพิวเตอร์ต้องมีในการแก้ปัญหาคืออะไรการแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ จะต้องมีส่วนประกอบสำคัญดังนี้
ข้อมูล หากต้องการให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลให้ได้ข้อมูลตรงตามที่เราต้องการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลที่ละเอียด มีความตรงมาพอ เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เราต้องการ
การแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์มีความสำคัญอย่างไรคอมพิวเตอร์มีบทบาทในการปฏิวัติการทำงานในทุกภาคส่วนของสังคม การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์มีผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น ลดภาระงานที่ทำซ้ำ ๆ รวมถึงเพิ่มความแม่นยำของผลลัพธ์ที่ได้ ขั้นตอนวิธีที่จะสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ตรงตามความต้องการ ต้องผ่านการคิดวิเคราะห์และการออกแบบที่สมบูรณ์ครบถ้วน
|