ความกดดัน การแข่งขันในการทำงาน และสภาพเศรษฐกิจชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันอาจจะทำให้เกิดความเครียดกับทุกคนได้ บางคนอาจจะหาทางระบายออกความเครียดได้อย่างดี แต่บางคนก็อาจจะเก็บความเครียดสะสมไว้โดยไม่รู้ตัวจนกลายเป็น ‘อาการเครียดสะสม’ ที่แสดงออกทางร่างกาย และอาจส่งผลกับสุขภาพได้ เพื่อสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่แข็งแรงกันถ้วนหน้า ‘วัตสัน’ ขอชวนทุกคนมาเช็ก 5 สัญญาณบ่งบอก ‘อาการเครียดสะสม’ และวิธีจัดการความเครียดที่สามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง Show
5 ‘อาการเครียดสะสม’ ที่ทุกคนต้องรู้!1. นอนไม่หลับ หรือตื่นระหว่างคืนสัญญาณบ่งบอกอาการเครียดสะสมข้อแรกก็คืออาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือสะดุ้งตื่นระหว่างคืน เป็นการบ่งบอกว่าภายในจิตใจมีสิ่งที่กำลังกังวลแฝงอยู่ และเมื่อนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานานก็จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และส่งผลต่อสุขภาพใจจนอาจจกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ 2. พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงหากเพื่อน ๆ ของคุณเริ่มส่งสัญญาณมาแล้วว่าคุณมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เช่น พูดน้อยลง เริ่มเก็บตัวเงียบคนเดียว ไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน นี่อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่าอาการเครียดสะสมเริ่มเกิดขึ้นกับคุณแล้วหล่ะ รีบหาวิธีจัดการกับความเครียดโดยด่วน 3. รู้สึกเศร้าหมอง วิตกกังวลตลอดเวลานั่งอยู่เฉย ๆ ก็เศร้า หรือมีความวิตกกังวลตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณมีอาการเครียดสะสม อาจจะเนื่องมาจากการทำงานที่มีความเครียด และความกดดันมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจนคุณอาจจะชินชา แต่ร่างกายไม่หลอกคุณอย่างแน่นอน 4. อาการทางร่างกายผิดปกติข้างต้นอาจจะเป็นอาการที่ส่งผลกระทบทางจิตใจ แต่ถ้ามีอาการเครียดสะสมมากและต่อเนื่องมายาวนานอาจจะส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางร่างกายได้ด้วย เช่น เริ่มมีอาการหายใจถี่ หรือกลั้นหายใจบ่อย ๆ , ปวดและวิงเวียนศีรษะอย่างไม่ทราบสาเหตุ, ปวดท้อง หรืออาจจะถึงขั้นอาเจียนได้เลย 5. มีความคิดต้องการฆ่าตัวตายเมื่ออาการเครียดสะสมมีมากจนถึงขั้นที่ส่งผลกระทบกับจิตใจอย่างหนัก อาจจะส่งผลให้ผู้ที่มีอาการเครียดสะสมอาจจะมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย หรือมีการตัดพ้อถึงการฆ่าตัวตายกับคนรอบข้าง ซึ่งทุกคนจะต้องช่วยกันสังเกตุให้ดี เพื่อจะได้ช่วยหาวิธีการจัดการความเครียดในลำดับถัดไป 5 วิธีจัดการความเครียดทำได้ง่ายด้วยตนเอง1. หาเวลาพักบ้างในช่วงที่ต้องทำงานอยู่บ้านกัน อาจจะทำให้หลาย ๆ คนไม่สามารถแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนออกจากกันได้อย่างชัดเจน ช่วงเวลานี้เลยทำให้หลายคนมีอาการเครียดสะสมมากขึ้น ดังนั้นวิธีการจัดการความเครียดที่เบสิกที่สุดก็คือการหาเวลาพักผ่อน ทิ้งเรื่องงานไปบ้าง เปลี่ยนไปดูหนัง ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่เราชอบก็จะเป็นวิธีจัดการความเครียดให้ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงไปได้ 2. Food therapyเครียดนักก็กินไปเลยซิคะ ! หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่าเหงา เศร้า ซึม เครียด การกินนี่แหละที่จะช่วยได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงนะ เพราะในช่วงเวลาที่เราได้ทานของอร่อย ๆ หรืออะไรก็ตามที่เราอยากจะทานก็จะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ช่วยให้เรารู้สึกดีมากขึ้นได้ประมาณนึงเลยทีเดียว ถือเป็นวิธีจัดการความเครียดที่ง่าย แต่ว่าได้ผล แต่อย่าเผลอกินมากจนเกินไปหล่ะ 3. ออกกำลังกายแต่ถ้าไม่อยากจะกินให้หุ่นเสีย แต่อยากจะจัดการความเครียดไปพร้อม ๆ กับได้รูปร่างฟิต ๆ มาเป็นของแถมก็ลองใช้วิธีออกกำลังกายดูก็เวิร์คเช่นเดียวกัน เพราะในระหว่างที่ออกกำลังกายร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา อีกทั้งการออกกำลังกายยังเป็นวิธีจัดการความเครียดที่ดี เพราะจะทำให้เราเลิกโฟกัสกับความเครียดตรงหน้า เปลี่ยนไปออกกำลังแทน แต่ไม่ต้องหักโหมจนเกินไปนัก ขอแค่ออกกำลังกายเบา ๆ ก็เพียงพอ 4. จัดตารางชีวิตบางทีความเครียด และความกดดันอาจจะมาจากการจัดการชีวิตของตัวเองไม่ได้ เพราะงานก็ต้องทำหลายโปรเจค ไหนจะต้องแบ่งเวลาไปทำธุระปะปังส่วนตัวอย่างอื่นอีกร้อยแปด จนเผลอเททุกอย่างกลายเป็นดินพอกหางหมูจนทำให้เครียดเมื่อใกล้ถึงเวลาต้องสะสางทุกสิ่ง ลองวิธีจัดการความเครียดด้วยการจัดตารางชีวิตเพื่อช่วยเคลียความวุ่นวาย และทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงแบบไม่ต้องเหนื่อย และไม่ต้องเครียด 5. ระบายความเครียดออกมาบ้างถ้าหากลองทำทุกวิถีทางแล้วยังไม่สามารถสลัดความเครียดออกจากตัวเองได้ วิธีจัดการความเครียดที่อยากแนะนำก็คือการระบายความอัดอั้น ความเครียดที่อยู่ในจิตใจนั้นออกมา อาจจะเป็นการพูดระบายออกมาให้เพื่อนฟัง ผ่านสายด่วนสุขภาพจิต หรืออาจจะลองขอนัดเข้าพบจิตแพทย์เพื่อจะได้มีคนที่รับฟังความเครียด และช่วยกันหาแนวทางออกจากปัญหาที่ต้องเผชิญโดยลำพังก็ได้ ความเครียดสามารถส่งผลได้กับทั้งทางกาย และทางจิตใจเราได้อย่างมากมายไม่น่าเชื่อ ดังนั้นลองเช็คตัวเอง บ่อย ๆ ว่าเราเริ่มมีอาการเครียดสะสมแล้วบ้างหรือไม่ และอย่าลืมหาวิธีจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม จะได้สุขภาพกายดี สุขภาพจิตดี แฮปปี้ได้ทุกวัน ข้อใดเป็นอาการที่เกิดจากความเครียดปวดหัว ปวดตามร่างกาย. ลำไส้ทำงานปั่นป่วน มีปัญหาการย่อยอาหาร ท้องเสีย. ใจสั่นง่าย เหงื่อออก. อ่อนล้า ไม่อยากทำอะไร. ความดันโลหิตสูง. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ. โรคหัวใจ. โกรธ หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย. ความเครียดทางจิตใจมีอะไรบ้างเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย ความทุกข์ใจ ความกดดัน ร่างกายจะตอบสนองต่อเหตุการณ์เหล่านั้นด้วยภาวะเครียด มี 3 ประเภทคือ ความเครียดเฉียบพลัน ความเครียดเฉียบพลันเป็นช่วงเวลา และความเครียดเรื้อรังที่อาจนำไปสู่ความผิดปกติทางร่างกายต่างๆ ได้
ข้อใดเป็นอาการที่บ่งบอกว่า นักเรียนกำลังประสบกับปัญหาความเครียด ซึ่งถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่สุขภาพร่างกายตื่นตัวมาก ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ มือเท้าเย็น เวียนศีรษะ ปวดไมเกรน หายใจไม่สุด และเจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย แรงขับทางเพศลดลง
ความเครียดที่รุนแรงทำให้เกิดโรคใดผลต่อสุขภาพทางกาย ได้แก่ อาการไม่สบายทางกายต่างๆเช่น ปวดหัว ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกาย ความผิดปกติของหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะ อาการท้องผูกท้องเสียบ่อยๆ นอนไม่หลับ หอบหืด เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ฯลฯ
|