โดยสรุป ได้มีการกำหนดปริมาณรังสีที่ยอมรับกันว่ามีความปลอดภัย ในกรณีที่ถูกรังสีทั้งร่างกาย ดังนี้
แม้รังสีจะมีอันตราย แต่ก็มีประโยชน์เช่นกัน เราสามารถนำรังสีมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมาย ด้วยเหตุนี้ จึงต้องหาวิธีการ ที่จะป้องกันไม่ให้รังสีเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แนวทางง่ายๆ คือ ต้องหาวิธีการที่จะทำให้ได้รับรังสีน้อยที่สุด โดยงานที่ต้องใช้ประโยชน์จากรังสีนั้น ไม่เสียหาย ถึงแม้ว่าระดับรังสีที่มีอยู่จะยอมรับได้ว่าปลอดภัย แต่นั่นเป็นขีดจำกัดที่กำหนดไว้ เป็นหลักในการออกแบบ และวางแผนการทำงานด้านรังสีเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติ ผู้ทำงานทางรังสีจะต้องป้องกันตนเอง เพื่อให้ได้รับรังสีน้อยที่สุด และต้องไม่เกินระดับที่ร่างกายสามารถรับได้ สำหรับหลักการป้องกันอันตรายจากรังสีนั้น มีข้อปฏิบัติเบื้องต้น ดังนี้ Show ๑. กรณีต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก (Sealed source) ต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก หมายถึง สารกัมมันตรังสีถูกบรรจุอยู่ในภาชนะโลหะที่ห่อหุ้มปิดมิดชิด สารกัมมันตรังสีไม่สามารถเล็ดลอดออกมาข้างนอกได้ ที่ออกมาได้มีแต่รังสีที่แผ่ออกมาเท่านั้น การทำงานกับต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึกที่จะทำให้ตนเองได้รับรังสีน้อยนั้น มีหลักปฏิบัติง่ายๆ ๓ ข้อ คือ ๑. เวลา ใช้เวลาปฏิบัติงานในบริเวณที่มีรังสีให้น้อยที่สุด หรือถ้าจำเป็นต้องอยู่นานจะต้องคำนวณระยะเวลาว่าอยู่ได้นานที่สุดเท่าไร จึงจะรับรังสีไม่เกินระดับที่ยอมรับได้โดยปลอดภัย ปกติในบริเวณที่มีรังสีจะมีป้ายบอกระดับรังสี และถ้าระดับรังสีค่อนข้างสูง จะมีการบอกถึงระยะเวลาที่สามารถอยู่ได้ในบริเวณนั้นด้วย นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทักทายพูดคุยที่ไม่จำเป็นในบริเวณที่มีรังสี ๒. ระยะทาง พยายามอยู่ให้ห่างจากต้นกำเนิดรังสีให้มากที่สุด เพราะระดับรังสีจะลดลง ๔ เท่า เมื่อระยะทางห่างออกไป ๑ เท่า หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายต้นกำเนิดรังสี อย่าใช้มือจับ เพราะจะได้รับรังสีที่มือปริมาณสูงมาก ควรใช้ปากคีบหรือใช้คีมจับ ที่มีด้ามยาวๆ และต้องถือให้ต้นกำเนิดรังสีห่างจากตัวมากที่สุด ๓. เครื่องกำบังรังสี กรณีที่ต้นกำเนิดรังสีแผ่รังสีในปริมาณสูง ต้องทำให้ระดับรังสีที่สูงนั้นลดน้อยลงจนอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งสามารถทำได้ โดยการใช้เครื่องกำบังรังสีวางกั้น หรือวางล้อมรอบไว้ระหว่างต้นกำเนิดรังสีกับตัวเรา วัสดุที่ใช้กั้นรังสีแกมมาและรังสีเอกซ์ นิยมใช้ตะกั่วหรือคอนกรีต ส่วนรังสีนิวตรอนจะใช้น้ำหรือพาราฟิน สำหรับรังสีแอลฟาและรังสีบีตาไม่ค่อยมีปัญหา เพราะรังสีแอลฟา ใช้เพียงกระดาษหนาเล็กน้อยก็กั้นได้ ส่วนรังสีบีตาใช้แผ่นอะลูมิเนียมที่ไม่หนามากนัก ๒. กรณีต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึก (Unsealed source) ต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึก หมายถึง สารกัมมันตรังสีที่ไม่ได้มีการบรรจุหรือห่อหุ้มปิดผนึกมิดชิดถาวร ต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึกอาจเกิดการแพร่กระจาย ฟุ้งกระจาย หกเปรอะเปื้อน หรือรั่วซึมออกจากภาชนะที่บรรจุได้ ในการทำงานกับต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึกนี้ นอกจากต้องใช้หลักการ ๓ ข้อ คือ เวลา ระยะทาง และเครื่องกำบังรังสีแล้ว ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการหยิบจับ และต้องระวังไม่ให้สารกัมมันตรังสีเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางจมูก ทางปาก และการสัมผัสกับผิวหนัง ปกติการทำงานกับต้นกำเนิดรังสีแบบนี้ จะทำในตู้ควันที่มีระบบการระบายอากาศผ่านแผ่นกรอง กักสารกัมมันตรังสีอย่างดี การทำงานกับต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึกจะยุ่งยากมากกว่าต้นกำเนิดรังสีชนิดปิดผนึก เพราะต้องมีความรู้ในด้านการขจัดสิ่งเปรอะเปื้อนสารกัมมันตรังสี ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุสารกัมมันตรังสีหกรดพื้น เปื้อนอุปกรณ์ เครื่องมือ และตัวเอง ในการป้องกันอันตรายจากรังสี สิ่งสำคัญที่ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทราบก่อนให้ได้ คือ บริเวณที่ปฏิบัติงานมีระดับปริมาณรังสี มากหรือน้อยเท่าไร ตัวผู้ปฏิบัติงานจะได้รับปริมาณรังสีเท่าไร และถ้าเป็นการปฏิบัติงานกับต้นกำเนิดรังสีชนิดไม่ปิดผนึก ก็ต้องทราบว่า อากาศในบริเวณที่ทำงานมีสารกัมมันตรังสีฟุ้งกระจายปนอยู่เท่าไร
ในปัจจุบันนี้ความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้เข้ามามี บทบาทต่อชีวิตประจำวันและการพัฒนาประเทศในทุก ๆ ด้าน แต่ในแง่หนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยคือ ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ทำให้การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ ขาดการควบคุมดูแลให้ถูกต้องและเหมาะสม จึงเป็นผลให้เกิดอันตรายได้ เช่นเดียวกันกับการนำเอาสารกัมมันตรังสีมาใช้ก็เช่นกันเพราะสารกัมมันตรังสีนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่โทษที่อาจเกิดขึ้นจากรังสีนั้นก็มีมากและหลายระดับทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ ชนิดและระยะเวลาที่ได้รับรังสี เช่น ถ้าได้รับรังสีปริมาณสูงแบบเฉียบพลันอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือการรับรังสีที่อวัยวะสืบพันธ์แล้วทำให้เป็นหมัน ก็ยังไม่น่ากลัวเท่ากับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นผลให้ลูกหลานที่เกิดมาผิดปกติ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานทางด้านรังสีจึงควรมีความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันอันตรายจากรังสีเป็นอย่างดี จึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากรังสีได้อย่างคุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด ที่มาของรังสี สารกัมมันตรังสี คือสารที่สลายตัวปลดปล่อยรังสีออกมา รังสี คืออนุภาคหรือคลื่นที่ปลดปล่อยออกมาจากอะตอมของกัมมันตรังสี สารกัมมันตรังสี จำแนกตามลักษณะการเกิดได้จาก 2 แหล่ง คือ ประโยชน์ของรังสี รังสีแอลฟ่า ใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์สายล่อฟ้า (Am-241 , Ra-226) ,อุปกรณ์กำจัดฝุ่นละอองในผลิตภัณฑ์ (Po-210) , เป็นส่วน ประกอบของอุปกรณ์ตรวจสอบควันไฟ (Am-241) 3. ทางการแพทย์ การจัดเก็บต้นกำเนิดรังสี อันตรายหรือโทษจากรังสี การเกิดอันตรายจากรังสีต่อมนุษย์ อาจแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ คือ อาการของผู้ป่วยที่ได้รับรังสี จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 2. มีผลระยะยาว ( Delayed หรือ Stochastic Effect) การที่ร่างกายได้รับรังสีปริมาณน้อย ๆ ถ้าเซลล์ตายร่างกายจะไม่เกิดอาการผิดปกติใด ๆ
ถ้าเซลล์ไม่ตายก็อาจเกิดความผิดปกติของเซลล์นั้น ๆผลกระทบที่เกิดขึ้นภายหลังจากได้รับรังสี คือ การเป็นโรคมะเร็งและผลกระทบต่อพันธุกรรม ความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับรังสี และความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งนั้นเกี่ยวข้องกับลักษณะการได้รับรังสีและปริมาณของรังสี ส่วนผลกระทบต่อพันธุกรรมของมนุษย์นั้น สรุปได้ดังนี้ ตาราง แสดงผลกระทบของรังสีต่อการเป็นหมัน ตาราง แสดงผลกระทบของรังสีต่อทารกในครรภ์
ผลผลต่อการเกิดมะเร็ง ซึ่งต้องได้รับรังสีปริมาณมากในครั้งเดียว หรือหลาย ๆ ครั้ง ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน โดยจะแสดงผลเมื่อระยะเวลาผ่านไปหลายปี ตารางแสดงผลกระทบจากรังสีต่อร่างกาย โดย International Commission on Radiological Protection (ICRP) ซึ่งเป็นองค์การสากลในการป้องกันอันตรายจากรังสี ได้รวบรวมผลกระทบจากรังสีต่อร่างกายไว้ดังนี้
ตาราง แสดง ปริมาณรังสีที่จำกัดให้ประชาชนทั่วไปและผู้ปฏิบัติงานทางรังสีได้รับ ต่อปีตามเกณฑ์ ของ ICRP
หมายเหตุ มิลลิซีเวิร์ตเป็นหน่วยวัดปริมาณรังสีที่ร่างกายได้รับ และโดยปกติใน 1 ปี แต่ละคนจะได้รับรังสีจากธรรมชาติประมาณ 2.23 มิลลิซีเวิร์ต ดังนี้
การป้องกันอันตรายจากรังสี สำหรับประชาชนทั่วไป เครื่องวัดรังสีประจำตัวบุคคล คือ อุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูล ปริมาณรังสีจากภายนอกร่างกายที่บุคคลนั้นได้รับ เพื่อใช้ในการประเมินระดับอันตรายจากการได้รับรังสี มีด้วยกัน 3 ชนิด คือ ข้อควรระวังในการใช้เครื่องวัดรังสีประจำตัว ที่มา รุ่งทิพย์ อุดมวิเศษสันต์ การป้องกันอันตรายจากรังสีมีอะไรบ้าง1. ใช้เวลาปฏิบัติงานให้สั้นที่สุด เนื่องจากปริมาณรังสีที่ได้รับนั้นจะขึ้นกับเวลาของการได้รับรังสี และควรหลีกเลี่ยงการได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น 2. รักษาระยะทางให้ห่างจากต้นกำเนิดรังสีให้มากที่สุด การอยู่ห่างเท่ากับเป็นการอาศัยอากาศ เป็นกำแพงกำบังรังสีได้ ถ้าอยู่ที่ห่างจากเดิม 2 เท่า ปริมาณรังสีจะลดลงเหลือ 1 ใน 4.
หลักในการป้องกันรังสีเรียกว่าอะไรALARA (as low as reasonably achievable) หมายถึงการเลือกใช้ปริมาณรังสีให้น้อย ที่สุดเท่าที่จะท าได้ในทางการแพทย์ ซึ่งเป็นหลักการที่ส าคัญในการป้องกันอันตรายจากรังสีโดยจะ พิจารณาถึงความจ าเป็นต้องใช้รังสี (justification of practice) คานึงถึงผลดีผลเสีย ของการน ารังสีมาใช้ ต้องเกิดประโยชน์มากกว่าโทษ มีแนวทางหรือวิธีการใช้ ...
อันตรายจากรังสีมีอะไรบ้าง1. ได้รับรังสี 3 – 5 เกรย์ ไขกระดูกไม่มีการสร้างเม็ดเลือดอาจเสียชีวิตถึง 50 % โดยอาจเสียชีวิตภายใน 30 – 60 วัน 2. ได้รับรังสี 5 – 15 เกรย์ มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาจเสียชีวิตภายใน 10 –20 วัน 3. ได้รับรังสีมากกว่า 15 เกรย์ มีผลต่อระบบประสาท อาจทำให้เสียชีวิตภายใน 1–5 วัน
อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันอันตรายจากรังสีต่างๆในอวกาศคืออะไรชุดกันรังสีที่ว่านี้มีชื่อว่า แอสโทรแรด พัฒนาโดยบริษัทสเต็มแรด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน-อิสราเอล ในอวกาศเต็มไปด้วยรังสีอันตราย เมื่อมนุษย์อวกาศได้รับรังสีนี้เป็นเวลานาน จะส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกาย ซึ่งภารกิจที่จะส่งมนุษย์ไปยังที่ห่างไกลเช่นดวงจันทร์หรือดาวอังคารจะต้องมีการป้องกันรังสีให้ดี
|