ประโยชน์ของธรรมชาติมีอะไรบ้าง

ปัจจุบันมีการใช้หลักการของสวนบำบัด ได้แก่ การได้ใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติภายในบริเวณสวน  ทำกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับต้นไม้ ธรรมชาติ นำมาใช้เป็นเวลานานหลายปีในการดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่พักฟื้นในโรงพยาบาลด้วยโรคต่างๆ  การได้มองพื้นที่ที่มีความเป็นธรรมชาติ เขียวขจี หรือสวนที่สวยงาม ร่มรื่นเป็นประจำทุกๆ วัน หรือได้ชื่นชมสวน ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบริเวณสวน นอกจากที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า ประโยชน์ของสวนที่เป็นผลดีต่อสภาพจิตใจ เกิดความสุข สงบ ทำให้คนได้พักผ่อน ผ่อนคลาย ได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ จากการศึกษาเอกสารงานวิจัยต่างๆ ค้นพบว่าสวนบำบัดมีประโยชน์อย่างมากมายในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย ด้านอารมณ์และจิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา (Kreitzer. 2015; Marcus. 2015; Detweiler.; et al. 2012; Söderback. 2004). มีรายละเอียดดังนี้

ประโยชน์ทางด้านร่างกาย
สวนบำบัดมีประโยชน์ทางด้านร่างกาย ดังนี้
1. ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความแข็งแกร่งและความคล่องตัวของกล้ามเนื้อ
การทำสวนและสวนบำบัด ทำให้ทุกส่วนของร่างกายเกิดการกระตุ้น และเพิ่มการเคลื่อนไหวให้กล้ามเนื้อ และชะลอความเสื่อมที่เกิดจากโรคความเสื่อม ช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความแข็งแกร่งและความคล่องตัวของกล้ามเนื้อ ถึงแม้ว่าผู้เข้าร่วมบางคนนั้นจะไม่สามารถใช้กล้ามเนื้อบางมัดได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าไม่สามารถใช้ขาทั้งสองข้างได้  จะเพิ่มความแข็งแรงและความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่แขน ไหล่ เป็นต้น

2.เพิ่มพลังงานและความอดทน
เนื่องจากการทำสวนและสวนบำบัด กิจกรรมต่างๆ ในสวน เป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา การเคลื่อนที่ไปรอบๆ การขุด การพรวนดิน และอื่นๆ ดังนั้นผู้เข้าร่วมต้องมีการเคลื่อนไหวทั้งร่างกาย แม้ว่าผู้เข้าร่วมจะมีข้อจำกัดในการเข้าร่วมก็ตาม

3. ออกกำลังกายการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือกับตา
ความสามารถในการทำงานของกล้ามเนื้อมือและตาให้ทำงานอย่างประสานสัมพันธ์ที่ดี ต้องอาศัยการหมั่นฝึกฝน กิจกรรมปลูกต้นไม้ เริ่มตั้งแต่เตรียมดิน ปลูกหว่านเมล็ด เพาะต้นกล้า พรวนดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ตัดแต่งกิ่ง ลักษณะของกิจกรรมปลูกผักหรือปลูกต้นไม้ มีส่วนช่วยในการพัฒนากล้ามเนื้อเล็กและความสามารถในการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือกับตาอย่างสมดุล
เมื่อพัฒนาความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อมือและตาให้สัมพันธ์กัน การบังคับกล้ามเนื้อทั้งสองส่วนนี้จะพัฒนาให้มีความสามารถในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ได้อย่างมั่นคง เช่น เมื่อผู้เข้าร่วมได้รับการฝึกฝนจนกล้ามเนื้อประสานสัมพันธ์กันดีแล้ว ก็จะมีความพร้อมในการใช้มือ    ในการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การหยิบจับสิ่งของ การจับช้อนส้อมในการรับประทานอาหาร การถือสิ่งของ เป็นต้น

4. พัฒนาการประสานงานและสมดุลของร่างกาย
สมดุลของร่างกายคือ การที่คนเราสามารถยืน นั่ง เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติ ไม่ล้มเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง การได้ทำสวนและสวนบำบัดสามารถช่วยเพิ่มการประสานงานและสมดุลของผู้เข้าร่วม  จากการขุดดิน ซึ่งต้องควบคุมการใช้กล้ามเนื้อแขนและขา จึงต้องการระยะของประสานงานและการทรงตัวที่ดี


ประโยชน์ทางอารมณ์และจิตใจ
สวนบำบัดมีประโยชน์ทางด้านอารมณ์และจิตใจ ดังนี้
1. ช่วยลดความวิตกกังวล และความตึงเครียด
การทำสวนและสวนบำบัดสามารถเป็นสถานที่ที่แต่ละคนสามารถปลดปล่อยความเครียดหรือความโกรธ  การนั่งชื่นชมความงดงามของธรรมชาติในสวนถือเป็นการผ่อนคลาย และการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้การออกกำลังกายในการทำกิจกรรมในสวนต่างๆ เป็นการระบายความโกรธและอารมณ์หงุดหงิด และมีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงงานหนักในการทำสวน ทำให้ขณะทำงานสวน ต้องคิดเกี่ยวกับพืช ดิน และสิ่งที่ทำเป็นการดึงตนเองให้พ้นจากภาวะความเครียด

2. เพิ่มความเชื่อมั่นและการเห็นคุณค่าของตนเอง
กิจกรรมในสวนต่างๆ สามารถเพิ่มความเชื่อมั่น/เห็นคุณค่าตนเอง  ตัวอย่างเช่น ผู้ที่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรไม่ได้ดี บางทีเพราะมีความพิการหรือบกพร่องทางการเรียนรู้  สามารถเข้าร่วมการทำสวนและสวนบำบัด และทำเมื่อประสบผลสำเร็จ ทำได้ดี เพื่อปลูกต้นไม้ และเห็นต้นไม้เติบโตขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเป็นกำลังใจผู้เข้าร่วม พัฒนาความรู้สึกต่อตนเองไปในทางที่ดี และทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าตนเองมากขึ้น

3. ช่วยกระตุ้นความรู้สึกผ่านการสังเกตสัมผัสกับธรรมชาติ
การทำสวนและสวนบำบัดช่วยกระตุ้นความรู้สึกผ่านการสังเกตสัมผัสกับธรรมชาติ  จากการชื่นชมผ่านรูป, กลิ่น, เสียง และสัมผัส เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติให้มีความสุข สบายใจ เช่น สีสดใสของดอกไม้ที่บานอยู่ตลอดปี ช่วยกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกชื่นและผ่อนคลาย เป็นประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ ให้ผู้เข้าร่วมมีโอกาสชื่นชม นอกจากนี้การทำสวนและสวนบำบัดสามารถช่วยเพิ่มทักษะ      ในการสังเกต ผู้เข้าร่วมจะเริ่มใส่ใจว่าพืชเติบโตได้อย่างไร จะเพาะเมล็ดอย่างไร และอื่นๆ


ประโยชน์ทางสังคม
สวนบำบัดมีประโยชน์ทางด้านสังคม ดังนี้
1. ส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
การทำสวนและสวนบำบัด เป็นประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ทักษะทางสังคม ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับผู้อื่น  ด้วยการทำกิจกรรมหรือการทำงานสวนร่วมกับผู้อื่นทำให้มีการวางแผน การตัดสินใจเลือกและลงมือปฏิบัติ ทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้สึก ความสนใจ ความต้องการทั้งของตนเองและผู้อื่น ถือเป็นการสร้างความชื่อมั่นในการเข้าสังคมด้วย

2. สร้างแรงจูงใจ
การทำสวนและสวนบำบัดเป็นการสร้างแรงจูงใจได้อย่างดี เพราะในการที่แต่ละคนได้มี    ส่วนร่วม และลงมือทำด้วยตนเอง เป็นการสร้างแรงจูงใจ เพิ่มการเห็นคุณค่าตนเอง และพัฒนาความรู้สึกต่อตนเองไปในทางที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ

3. พัฒนาทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น
การทำสวนและสวนบำบัด ในบางครั้งเป็นกิจกรรมกลุ่ม ที่ต้องมีการทำงานร่วมกับผู้อื่น ดังนั้นในแต่ละงาน ก็จะมีการแบ่งความรับผิดชอบให้แต่ละคน ทำให้ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของทีมหรือกลุ่ม ผู้เข้าร่วมจะได้มีโอกาสทำงานร่วมกับเพื่อน ทำให้ได้เรียนรู้การแก้ปัญหาระหว่างการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้จักปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันด้วยดีในสังคม

4. พัฒนาทักษะการดำเนินชีวิต
การทำสวนและสวนบำบัด เป็นการพัฒนาทักษะชีวิต เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถดูแลตนเอง  อยู่ร่วมกับครอบครัว ชุมชนและสังคมได้ มีส่วนช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้มแข็งและมีกำลังในการต่อสู้ปัญหา    โดย การให้อาชีพซึ่งทักษะที่พวกเขาเรียนรู้ในสวนสามารถนำไปใช้กับส่วนอื่นๆ ของชีวิต จากการเรียนรู้เกี่ยวกับพืชและการทำสวนมากขึ้น ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง  กระตุ้นความรู้สึกของการเห็นคุณค่าของตนเอง นอกจากนี้เป็นการสร้างเสริมนิสัยและทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการทำงาน สำหรับผู้เข้าร่วมคนใดที่สนใจและรักในงานเกษตรกรรม ก็สามารถพัฒนาเป็นทักษะอาชีพ สามารถทำงานมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต


ประโยชน์ทางสติปัญญา
สวนบำบัดมีประโยชน์ทางด้านสติปัญญา ดังนี้
1. พัฒนาสมาธิและเป็นการฝึกสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่และตั้งใจ
ธรรมชาติสร้างสมาธิ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ที่อยู่ในสวน การทำสวนและสวนบำบัด การได้อยู่กับธรรมชาติ จากเรียนรู้ขั้นตอนการปลูกต้นไม้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย  จวบจนกระทั่งรอจนถึงวันที่ต้นไม้ผลิดอกออกผล เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สามารถฝึกสมาธิ จากการเฝ้าสังเกตและการติดตามการเจริญเติบโตของต้นไม้ในแต่ละวัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้ฝึกสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่และตั้งใจ มีสมาธิทำอะไรเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น

2. พัฒนาทักษะใหม่ และพัฒนาทักษะอาชีพ
กิจกรรมด้านการจัดหรือการปลูกต้นไม้ ผักและสมุนไพร หรือการประดิษฐ์งานจากดอกไม้ใบไม้ในรูปแบบต่างๆ ในสวนบำบัด นอกจากความเพลิดเพลิน ความสุข ผ่อนคลาย ยังสามารถพัฒนาเป็นทักษะอาชีพได้ สามารถทำงานมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ในอนาคต เช่น อาชีพเกษตรกรรม   การปลูกผักขาย เป็นต้น เป็นการสร้างโอกาสในการมีงานทำ

3. พัฒนาทักษะในการแก้ปัญหาและการคิดวางแผน
การทำสวนและสวนบำบัดสามารถเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาของแต่ละคน  โดยที่เมื่อเพาะปลูกพืชแต่ละชนิด จะปลูกอย่างไร ปลูกลึกแค่ไหน ใช้ดินประเภทใด จะทำอย่างไรเมื่อได้ผลไม่เป็นไปตามที่คิด ถ้าเจอดินที่แข็ง ขุดยาก จะทำอย่างไร?  หรือเพาะเมล็ดแล้วไม่งอก หรืองอกยากจะทำอย่างไร?และอื่นๆ ดังนั้นทำให้แต่ละคนและนักสวนบำบัดต้องคิดและค้นหาหนทางที่พวกเขาจะทำกิจกรรมได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาและการคิดวางแผนอย่างมีระบบด้วยเช่นกัน

4. พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ คือ กระบวนการคิดของสมอง ซึ่งมีความสามารถในการคิดได้หลากหลายและแปลกใหม่จากเดิม การจัดกิจกรรมในการทำสวนและสวนบำบัด เป็นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การรับรู้ความงาม ให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงออกทางอารมณ์หรือความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจินตนาการโดยใช้ธรรมชาติในหลากหลายแบบ เช่น ช่วยให้แต่ละคนคิดว่าจะทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างไร  ทำสวนได้อย่างไร  ที่ตรงไหนเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการปลูกต้นไม้แต่ละชนิด อะไรดูดีที่สุด เป็นต้น ดังนั้น การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ นอกจากก่อให้เกิดความสนุก จากการที่ต้องค้นหาวิธีการคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับการทำสวนตลอดเวลา ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่นำไปสู่การเกิดแนวทางใหม่ๆ ในการดำเนินชีวิต รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่น และความพอใจในตนเองขึ้นมาด้วย

ประโยชน์ของธรรมชาติคืออะไร

๑. เป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ และผลิตผล ๒. เป็นที่รองรับกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ และช่วยเกื้อกูลให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ๓. เป็นแหล่งรองรับของเสีย และของ เหลือเศษจากขบวนการผลิตและการบริโภค ๔. ให้ความรื่นรมย์แก่จิตใจของมนุษย์ เช่น ทิวทัศน์ ภูมิประเทศ ความงามของธรรมชาติ

ประโยชน์ของการรักษาธรรมชาติมีอะไรบ้าง

ประโยชน์ทางตรง 1.การอนุรักษ์ทรัพยากรในระบบนิเวศให้มีความอุดมสมบูรณ์จะช่วยลดผลกระทบจาก ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ หรือช่วยบรรเทาภัยที่มาจากธรรมชาติ เพราะ ทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดล้วนสัมพันธ์และเกี่ยวโยงกันอย่างแยกไม่ได้ 2.ประชาชนมีทรัพยากรมากพอ ที่จะน าไปใช้ประโยชน์ในด้านอุปโภคบริโภคต่อไปแบบ ยั่งยืน

ประโยชน์ของทรัพยากรมีอะไรบ้าง

ประโยชน์ของทรัพยากร ๑. ดินมีความสาคัญต่อการดารงชีวิตของคน สัตว์และพืชเพราะเป็นแหล่งเพาะปลูก ๒. น้า เป็นปัจจัยสาคัญในการทาการเกษตร ๓. อากาศ เป็นสิ่งที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง หากไม่มีอากาศ สิ่งมีชีวิตคงอยู่ไม่ได้ ๔. ป่าไม้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า

อยู่กับธรรมชาติดีอย่างไร

ตอนนี้ก็มีงานวิจัยมากมายที่แสดงให้เห็นว่า การอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินั้น มีส่วนช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจดีขึ้น ทั้งมีส่วนช่วยลดความดัน ทำให้ความเครียดลดลง ภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยทำให้อารมณ์ดี ลดความวิตกกังวล และรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นด้วย