ท่าทางในการทำสมาธิ 4 อย่าง มีอะไรบ้าง

     หลาย ๆ คนคงประสบปัญหาที่ว่าไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ ทำให้อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ใช้เวลาในการอ่านมากแต่ไม่มีประสิทธิภาพ อ่านจบก็จำไม่ได้ ไม่เข้าใจ ใช่ไหมละครับ ปัญหาเหล่านั้นจะแก้อย่างไร วันนี้ Top-A tutor มีทางออกมาให้ครับ กับ 7 วิธีสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือ

ท่าทางในการทำสมาธิ 4 อย่าง มีอะไรบ้าง

1. อ่านในที่ที่เงียบ สงบ

     สถานที่อ่านเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือได้เป็นอย่างดีเลยละครับ การเลือกอ่านในที่ที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะ เสียงดังนั้น คงไม่ทำให้น้อง ๆ เกิดสมาธิในการอ่านหนังสือได้อย่างแน่นอนใช่ไหมละครับ เพราะเมื่อกำลังจะมีสมาธิก็ถูกดึงความสนใจไปโดยเสียงของผู้คนนั่นเอง ดังนั้นถ้าอยากจะมีสมาธิในการอ่านนั้นก็ควรจะหาสถานที่อ่านที่เงียบ ๆ เช่น ห้องนอนของตัวเอง ห้องสมุด เป็นต้น นั่นเอง

2. ต้องมีความมุ่งมั่น

     หลาย ๆ ครั้งสาเหตุของการไม่มีสมาธินั้นเกิดจากตัวน้องเอง ที่ไม่มีความมุ่งมั่น ไม่มีความตั้งใจในการอ่าน ดังนั้นน้อง ๆ ต้องสร้างความมุ่งมั่นในตัวเองขึ้นมาด้วยนะครับ ต้องมีเป้าหมายว่าเราจะต้องอ่านหนังสือบทนี้ให้จบภายในวันนี้ หรือภายในกี่วัน และทำให้ได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ด้วยละ

3. ถ้าจะอ่านกับเพื่อน เลือกอ่านกับเพื่อนที่มีสมาธิ

     ถ้าหากว่าน้อง ๆ จำเป็นต้องถามเพื่อนเยอะในการอ่านเนื่องจากมีหัวข้อที่ไม่เข้าใจเยอะ ก็ควรเลือกอ่านกับเพื่อนที่ขยัน และมีสมาธิในการอ่านสูง เพราะเพื่อน ๆ ลักษณะนั้นจะไม่มีกวนน้อง หรือชวนน้องคุยในเวลาอ่านหนังสืออย่างแน่นอน ทำให้การอ่านของน้องมีประสิทธิภาพและยังได้ถามเพื่อนในประเด็นที่ไม่เข้าใจได้อีกด้วย

4. อย่าอ่านในที่ ๆ สบายเกินไป

     จินตนาการถึงการนอนอ่านหนังสือบนเตียง และเปิดแอร์ดูนะครับ แค่คิดก็ง่วงแล้วใช่ไหมละครับ ดังนั้นการอ่านหนังสือในที่ และท่าทางที่สบายเกินไปลักษณะดังกล่าว จะทำให้น้องเกิดอาการง่วงได้ สมาธิในการอ่านของน้อง ย่อมไม่เกิดขึ้นหรอกครับ ดังนั้นเลือกสถานที่ และท่าทางที่เหมาะสมในการอ่านหนังสือกันนะครับ

5. เคลียร์งานอื่นให้เสร็จก่อนแล้วจึงเริ่มอ่าน

     น้อง ๆ อาจมีงานอื่นเช่น การบ้าน งานกิจกรรมของโรงเรียน หรืองานส่วนตัวอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องทำในวันนั้น พี่แนะนำให้เคลียร์งานเหล่านั้นให้เสร็จก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มต้นอ่านหนังสือครับ เพราะถ้าหากยังเคลียร์งานเหล่านั้นไม่เสร็จแล้วมาอ่านหนังสือ ก็จะทำให้มีสมาธิไม่เต็มที่กับการอ่านหรอกครับ เนื่องจากยังกังวลเกี่ยวกับภาระงานเหล่านั้นอยู่นั่นเอง

6. พักสมองด้วย

     การอ่านหนังสืออย่างหามรุ่งหามค่ำนั้น น้องอาจมีสมาธิในการอ่านได้ เพียงแค่ช่วงแรก ๆ เท่านั้นแหละครับ และเมื่ออ่านไปสักประมาณ 1-2 ชั่วโมงติดต่อกัน สมองจะเริ่มล้า และสมาธิในการอ่านก็จะลดลง ถ้าหากยังฝืนอ่านไปจนจบได้ เมื่อมาคิดย้อนกลับอาจไม่เข้าใจเนื้อหาส่วนหลัง ๆ เลยก็เป็นได้ จะเห็นได้ว่ากลายเป็นน้องจะพักก็ไม่ได้พัก จะอ่านก็ไม่มีประสิทธิภาพเสียเวลาเปล่าใช่ไหมละครับ ดังนั้นพี่แนะนำให้อ่านแล้วมีช่วงพักที่น้องจะได้ลุกออกจากหนังสือเดินไปที่อื่นบ้าง แล้วกลับมาอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ต่อไป ก็คงจะดีกว่านะครับ

7. อย่าอ่านไป ทำอย่างอื่นไป

     หลาย ๆ คนที่รู้สึกว่าการอ่านหนังสือเป็นเรื่องน่าเบื่อ แล้วอาจใช้วิธีอ่านไปดูซีรีย์หรือดูหนังไปด้วย อะไรลักษณะนี้ใช้ไหมละครับ การทำอย่างนั้นจะทำให้การอ่านหนังสือนั้นไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่เสียเวลาอ่าน เพราะสมาธิของน้องจะไม่เพ่งมาที่การอ่านเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องแบ่งไปที่ ซีรีย์ที่ดู หรือหนังที่ดู ด้วย ส่งผลให้อ่านแล้วไม่ได้ผลดีหรอกครับ พี่แนะนำว่าถ้าหากว่าอยากดูซีรีย์หรือหนังเรื่องอะไรก็ดูให้จบก่อนเริ่มอ่านหนังสือ เพื่อที่จบแล้วจะได้มีสมาธิในการอ่านหนังสืออย่างเต็ม 100 % อย่างนั้นดีกว่าครับ


**รับสอนพิเศษตัวต่อตัว สอนพิเศษที่บ้าน โดยติวเตอร์คณะแพทย์ และวิศวะ Top-A tutor

ท่าทางในการทำสมาธิ 4 อย่าง มีอะไรบ้าง

 ขอบคุณภาพประกอบจาก

www.chaoprayanews.com

ติดตามบทความดีๆเพิ่มเติมจากพี่ๆจุฬา และมหิดล ได้ที่.....

Home

Mind

10 ประโยชน์จากการทำสมาธิ ..เปลี่ยนคุณภาพชีวิตคุณให้ดีขึ้นทันตา

ท่าทางในการทำสมาธิ 4 อย่าง มีอะไรบ้าง

หลายคนมักบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘โลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน’ แต่แท้จริงแล้ว โลกเราไม่ได้อยู่ยากเลยค่ะ

เพียงแต่เราเองต่างหากที่ทำตัวเรื่องมากกับโลก เพราะฉะนั้น หากต้องการใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ท่ามกลางความผาสุข

คุณรู้ไหมคะว่าการทำสมาธินั้นช่วยได้มากทีเดียว ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เรามาทำสมาธิกันบ่อยๆ ดีกว่าโดยทำง่ายดายมากเพียงแค่กำหนดลมหายใจเข้าออกหรือที่เรียกว่า ‘อานาปานสติ’ นั่นเอง

สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการทำสมาธินั้นมีหลายอย่างทีเดียว ว่าแต่มีอะไรบ้าง ตามเรามาดูไปพร้อมกันเลยนะคะ

ท่าทางในการทำสมาธิ 4 อย่าง มีอะไรบ้าง

1.ช่วยให้จิตใจผ่องใส อ่อนโยน

การทำสมาธิจะช่วยให้จิตใจเรานิ่งสงบ ท่ามกลางจิตที่กำหนดภายใต้ลมหายใจเข้าออก เราจะรู้ตัวตลอดเวลา สามารถตามทันทุกอารมณ์ ยิ่งเรากำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ลึกๆ ด้วยแล้ว มันจะยิ่งช่วยกล่อมเกลาจิตใจเราในตัว ทำให้เราเป็นคนสุขุมนุ่มลึก ใจเย็น อ่อนโยนและมองโลกรอบตัวในแง่ดีงามมากขึ้น อารมณ์ก็จะแจ่มใส และยังส่งผลให้สุขภาพดีตามมาอีกด้วย

2.ช่วยผ่อนคลายความเครียด

การทำสมาธิเมื่อจิตใจเรานิ่งมากๆ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับลมหายใจแล้ว สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลออกมาจนแผ่ซ่านความเย็นไปทั่วสรรพางค์กายอย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียวค่ะ ด้วยเหตุนี้ จึงช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อย่างปลิดทิ้งทันตาและยังทำให้เรามีจิตใจสงบเยือกเย็น และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแน่นอน

3.ลดอารมณ์โกรธหรือโมโหร้ายได้

การหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ จะทำให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองได้ดี เพราะจิตเราจะอยู่กับลมหายใจตลอดเวลา เราจะรู้ทุกการเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่คิด พูดและทำจะมาพร้อมสติอยู่เสมอ เมื่อไรที่เราเริ่มโกรธใครหรือกำลังโมโหร้ายหงุดหงิด เชื่อไหมว่าจิตเบื้องลึกที่ผ่านการทำสมาธิมาแล้วอย่างดีจะสอนเตือนตัวมันเอง ทำให้เราดึงอารมณ์ให้กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับลมหายใจ และหากเราทำได้เช่นนี้บ่อยๆ ก็ย่อมเปลี่ยนจากคนที่มักมีอารมณ์ร้าย เกรี้ยวกราดง่ายมาเป็นคนที่ใจเย็นลงได้มากขึ้นแนนอน

ดังนั้น ประโยชน์จากการทำสมาธินี่แหละค่ะที่จะช่วยระงับความโกรธแค้นชิงชัง ทำให้จิตใจเรานึกไปถึงการเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสามารถอโหสิกรรมให้เพื่อนมนุษย์ที่ทำให้เราโกรธเคืองลงได้ เพราะฉะนั้น ทราบกันเช่นนี้แล้ว จะต้องหมั่นฝึกสมาธิบ่อยๆ กันแล้วนะคะ

4.ช่วยให้ความจำดีและสมองทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับนักเรียน นักศึกษาหรือแม้แต่คนวัยทำงานที่จะต้องใช้สมองในการคิด วางแผนและใช้ไอเดียมากๆ นั้น การหมั่นทำสมาธิบ่อยๆ ย่อมช่วยเสริมสร้างทั้งความจำดี ช่วยกระตุ้นให้เกิดสมาธิ ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ เพราะจิตที่ผ่านการฝึกมาจนเกิดสมาธิจะทำให้ความคิดของเราที่คิดและทำ กลั่นออกมาจากลมหายใจอันประณีต สติจะสอนสั่งให้เราดำเนินชีวิตอย่างละเมียดละไมมากขึ้น ดังนั้นแล้ว หากใครอยากให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นทุกด้าน ให้การทำงานของศักยภาพสมองเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ฝึกสมาธิบ่อยๆ สิคะ ..ช่วยได้แน่นอน

5.ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ผ่องใส ดูเด็กกว่าวัย

เวลาที่เราฝึกสมาธิ เราจะต้องกำหนดลมหายใจเข้าออก โดยสูดหายใจเข้าไปให้เต็มท้องลึกๆ ช้าๆ และปล่อยลมหายใจออกมายาวๆ เมื่อทำแบบนี้สม่ำเสมอ ก็ย่อมช่วยให้ออกซิเจนเข้ามาฟอกเลือดภายในร่างกายได้ เป็นการดีท็อกซ์สารพิษในตัว ส่งผลให้สมองไบรท์ คิดอะไรก็ลื่นไหลและสารแห่งความสุขที่หลั่งออกมาก็ทำให้เรามีความสุข บำบัดทุกข์ ผ่อนคลายความเครียดได้ผล แน่นอนค่ะว่านี่คือ ยาอายุวัฒนะของจริงแถมยังส่งผลให้ผิวพรรณสะอาด ผ่องใส เลือดลมไหลเวียนดี ผิวเต่งตึงจนอ่อนเยาว์กว่าวัยในที่สุด

6.ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้สง่าผ่าเผย

คนที่ทำสมาธิบ่อยๆ บุคลิกภาพย่อมดีแน่นอน เพราะสมาธินั้นจะทำให้เขามีสติกับตัวอยู่ตลอดเวลา และด้วยความที่สมาธิทำให้เราใจเย็นและรอบคอบมากขึ้น บุคลิกท่าทางของเราที่แสดงออกผ่านการคิด พูดและทำ รวมถึงอากัปกิริยาต่างๆ ที่เราแสดงออกมันจะมาพร้อมท่วงจังหวะที่อ่อนโยน สง่า ไม่รีบร้อนหรือแสดงท่าทีแบบคนหุนหันพลันแล่น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคนที่มีปัญญาและน่าคบหา คนแบบนี้ไปที่ไหนก็ย่อมมีแต่คนอยากพูดคุยด้วยและอยากสร้างสัมพันธไมตรีด้วยแน่นอน

7.สุขภาพดี บำบัดโรคได้

คนที่ฝึกสมาธิบ่อยๆ จะช่วยบำบัดโรคและสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอายุยืนยาวได้ค่ะ เพราะสมาธิจะช่วยบำบัดความเครียดส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลง แถมสารแห่งความสุขยังมีประสิทธิภาพเป็นดั่งยาวิเศษที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดของร่างกายได้ด้วยนะคะ ดังนั้น หากใครอยากมีสุขภาพดี อายุยืนแนะนำให้หันมาทำสมาธิบ่อยๆ ควบคู่กับการกินอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอยู่เสมอ รับรองคุณจะมีสุขภาพชีวิตที่ดีและมีอายุยืนยาวแน่นอน

8.ช่วยลดน้ำหนักได้

เพราะจิตใจที่นิ่งเงียบ มาพร้อมสมาธิรู้ทุกลมหายใจเข้าออก จะควบคุมความคิดเราให้อยู่กับปัจจุบันและอยากทำแต่สิ่งดีๆ ให้ตัวเอง เราจะมีความสุข เบาสบายตัวแทบตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ อาการแบบนี้มันจะทำให้เราอิ่มเอิบ มีความสุขอย่างปีติเหลือล้นอยู่ภายใน แม้แต่การกินอาหารก็ทำให้เราเลือกสรรแต่อาหารเพื่อสุขภาพ เคี้ยวอย่างช้าๆ มีสติไปกับการเคี้ยวทุกคำ และเพราะความอิ่มจากจิตที่มีอยู่แล้วนั้นเองจะยิ่งช่วยให้เรากินอาหารได้น้อยลงแต่อิ่มท้องเร็วขึ้น ด้วยเหตุดังกล่าวจึงทำให้การลดน้ำหนักพลอยประสบผลสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อนั่นเองค่ะ

9.ทำให้มีความสุข

หลายคนปรารถนาอยากมีความสุขและวิ่งตามออกไปหาความสุขนอกบ้าน ในรูปแบบที่ไม่ใช่แก่นสารสำคัญของชีวิตแท้จริง หรือบางคนกลับเข้ามาบ้านอาจจะนำปัญหาหรือความทุกข์กลับเข้ามามากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น สู้หันมาทำสมาธิฝึกทำใจให้นิ่งสงบบ่อยๆ ดีกว่ามั้ยคะ เพราะคุณจะพบว่าการทำสมาธินี่แหละที่จะมอบหนทางแห่งความสุขให้เราได้อย่างแท้จริง จิตใจเราจะแช่มชื่นเบิกบาน อารมณ์ดีสดใส ยิ่งฝึกสมาธิมากใจเราก็จะยิ่งผ่อนคลาย สุขสงบมากและมันย่อมทำให้เราพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ โดยไม่ต้องดิ้นรนออกไปไขว่คว้าหาความสุขนอกบ้านอีกเลย

10.ทำให้เราได้บุญ

นี่คือ ประโยชน์จากการทำสมาธิโดยตรงอีกอย่างหนึ่งค่ะ เพราะเวลาที่เราทำสมาธิหลายคนมักจะเตรียมตัวเริ่มทำด้วยการสวดมนต์เพื่อกล่อมใจให้สงบ จากนั้นก็มานั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ หลายคนที่ทำแบบนี้ก็จะยิ่งได้บุญมาก หรืออย่างน้อยหากเราไม่สะดวกที่จะสวดมนต์ก่อนแต่ทำสมาธิเลยเพื่อหยุดความฟุ้งซ่าน หยุดใจให้สงบนิ่ง แบบนี้อยู่ที่ไหนก็ทำได้ค่ะ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นที่บ้านเท่านั้น นั่งอยู่บนรถ เดินทาง กินข้าว ไปเรียน นั่งทำงาน ฯลฯ ก็สามารถกำหนดจิตให้อยู่กับลมหายใจได้เสมอ

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ ใจที่ปล่อยวางเป็นสุข เมื่อใจเราเป็นสุขเราจะไม่ปรารถนาซึ่งสิ่งใดบนโลกนี้อีกทั้งปวง แม้แต่การโกรธเราก็สามารถระงับได้ กลายเป็นการให้อภัยทานแก่เจ้ากรรมนายเวรและคนที่เราไม่ชอบใจ เราจะได้หลุดพ้นจากบ่วงของกิเลสยังไงล่ะคะ ใครที่อยากสร้างสมบุญ..

คุณจะเห็นได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านไปทำบุญที่วัดเสมอไปก็ได้ เพราะเพียงแค่ทำสมาธิให้จิตใจสงบนิ่งเยือกเย็นจากที่บ้าน ง่ายๆ แค่นี้ก็ถือเป็นการสะสมบุญในตัวอย่างที่คุณไม่คาดคิดแล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับโยชน์จากการทำสมาธิ ใครที่ไม่รู้ว่าทำไมคนเราจะต้องทำสมาธิ ทำแล้วมีผลดียังไง? ช่วยอะไรได้บ้าง หวังว่าคำตอบจากเราดังกล่าวจะเป็นคำตอบที่ดีให้คุณได้และทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีความสุขบนโลกนี้อย่างราบรื่นต่อไป

Related Posts