10 บทเรียนที่เราเรียนรู้จากการเดินทาง การเดินทาง = ? ยิ่งเราได้ออกเดินทางดูโลกกลมๆสีฟ้าใบนี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรู้จักคำว่า ชีวิต [ที่แท้จริง] มากขึ้นเท่านั้น เพราะการเดินทาง มันจะทำให้เราได้รู้ว่า โลกรอบตัว ไม่ได้อีกแค่ด้านเดียว และไม่มีอะไร ถูก หรือ ผิด เพราะการเดินทางในแต่ละครั้งมันคือ แหล่งความรู้ที่ไม่มีสิ้นสุด มันอาจจะเป็นทางเดียวที่จะได้เปิดโลก ปรับทัศนคติ เกิดคุณค่าและนิยามความหมายของตัวตนของตัวเองขึ้นมาใหม่ เพราะชีวิตเราเกิดมาเพียงแค่ครั้งเดียวเชื่อเถอะว่าทุกก้าวคุณได้ออกเดินทางนั้น มันจะคุ้มค่าแบบไม่เสียเปล่าเลย ------------------------------------------------------------------- ซึ่งฝนก็เป็นคนๆนึงที่ทำงานเฉกเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาทั่วไป แต่แล้ว อยู่ๆวันนึงมันก็เกิดความรู้สึกว่าชีวิตมันมีแค่นี้หรอ? ทำงาน ทำงาน กิน นอน ปาร์ตี้? หลังจากที่คลุกอยู่กับความคิดนั้นได้ไม่นาน ทริปแรกของเราก็คลอดและเหมือนมันไปกระตุ้นสวิซต์อะไรสักอย่างในใจ เพราะทริปแรกเราก็เที่ยวแบบ backpack กันเลยทีเดียว ทริปแรกเราไปมาทั้งหมด 5 ประเทศ 13 เมือง ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 38 วันถ้วน ! หลังจากทริปแรกจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 2 ปีกว่าๆแล้วคะ จนถึงตอนนี้เราก็เดินทางตลอด รวมๆเราเดินทางกันมาจะ 20 ประเทศได้แล้ว เหมือนเสพติดยังไงไม่รู้เนอะ และสไตล์การเดินทางของเรานั้น เราชอบไปที่แบบลุยๆ สมบุกสมบันนิดๆ โหดหน่อยๆ ไปแบบมีแพลนบ้าง แต่ส่วนมากจะไม่มีแพลนที่ยึดติดอะไร นับจากวันแรกของการแบกเป้ขึ้นหลัง เราค้นพบแล้วว่า..."การเดินทาง" ทำให้ชีวิตเรากลับมามีความหมายอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่ก้าวเท้าออกจากที่นึงไปยังอีกที่นึง เราเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก เพราะเราได้เจอกับสิ่งใหม่ๆ มีทั้งดีบ้าน ไม่ดีบ้าง อารมเอาจริงดิ!!!! แบบนี้ก็ได้หรอ!!!!.....นี่ก็มีบ่อย เจอคนแปลกหน้าจนกลายมาเป็นเพื่อน สิ่งที่ได้รับจากการแบกเป้มา 2 ปี นั่นคือ น้ำใจ มิตรภาพ และรอยยิ้มที่เราได้ตลอดทั้งการเดินทาง ~ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เราจะหลงรักการเดินทางแบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับเรา...เราได้ใช้ชีวิตจริงๆก็เพราะ "การเดินทาง" ส่วนเงินก้อน เวลา และปัจจัยอื่นๆที่คุณแลกกับการได้ออกไปสำรวจโลกใบนี้ เรื่องราวทั้งหมด สิ่งที่คุณพบเจอ การผจญภัยเหล่านั้น มันไม่มีทางบุบสลาย เพราะมันอยู่ในตัวคุณ ดังนั้น จงดีใจซะเถอะที่คุณเป็นนักลงทุนระยะยาว แล้วความหมายของชีวิตคุณล่ะคืออะไร ? จงอย่าปล่อยให้ความสุขเป็นเรื่องของอนาคต เชื่อว่าคนที่ตั้งเป้าและเอาแต่เดินหน้าต่อสู้อย่างแสนสาหัสไม่ลืมหูลืมตาเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขในภายภาคหน้า จะทำให้เขาพลาดสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิต และเขาก็จะผิดหวังไม่เป็นท่าเมื่อพลาดเป้า เราควรทำเพื่อเป้าหมายที่มีอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำเพื่อความสุขในปัจจุบัน แต่อย่าตั้งความหวังให้กับความสุขที่ยังมาไม่ถึง เพราะยิ่งสูงเท่าไร ตกลงมายิ่งเจ็บเท่านั้น ความสบาย ≠ ความสุขเสมอไป ประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทางนั้นทำให้ฝน รู้สึกว่าคำว่า 'บ้าน' มันกว้างขวางขึ้น จนเริ่มเห็นว่าโลกก็เป็นบ้านของเราได้เหมือนกัน ทำลายข้อจำกัดที่สร้างขึ้นซะ การออกเดินทางก็เช่นกัน แค่เก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง “ประสบการณ์รออยู่" ว่ามาขนาดนี้แล้วจะรอช้าอยู่ใย ป๊ะ เก็บกระเป๋า.....แล้วแบกเป้ขึ้นหลังกันเถอะ !! และนี่คือ 10 บทเรียนที่เราเรียนรู้จากการเดินทางที่ผ่านมาของเราคะ #การเดินทางสวยงามเสมอ #ชีวิตก็เช่นกัน -------------------------------------------------------- สามารถแวะเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล
หรือสอบถามกันได้ที่นี่เลยคะ
ชื่อสินค้า: การเดินทาง ท่องเที่ยว คะแนน: การเดินทางเพื่อโลกสวยมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกล้ามเนื้อขาแข็งแรงเพื่อการทรงตัวและเคลื่อนที่ ในยุคแรก มนุษย์ใช้เพียงขา 2 ข้าง ในการพาร่างกายให้เคลื่อนที่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งต่อมาเมื่อรูปแบบในการดำรงชีวิตการบริโภคและการผลิตเปลี่ยนแปลงไปมนุษย์ได้คิดค้นวิธีการเดินทางใหม่ๆเพื่อสนองความต้องการในการเคลื่อนที่ไปมาในระยะทางที่ไกลและเวลาที่ รวดเร็วขึ้น การเดินทางของคนไทย การเดินทางของคนไทย มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามวิถีชีวิต ในอดีต สังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ชีวิตไม่เร่งรีบนัก การกินการอยู่มักมาจากการผลิตเองทำเอง การเดินทางจึงใช้วิธีเดินเท้าและแรงงานสัตว์ โดยชุมชนที่ตั้ง ถิ่นฐานในพื้นที่ที่มีลำน้ำคูคลอง ก็ได้อาศัยเรือเป็นพาหนะเดินทางอีกทางหนึ่ง ต่อมาเมื่อวิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนแปลงไปในสังคมอุตสาหกรรม การกินการอยู่จำเป็นต้องซื้อต้องขาย ชีวิตมีความเร่งรีบมากขึ้น เมืองขยายขึ้น การเดินทางจึงต้องเน้นความสะดวก รวดเร็ว และสามารถขนส่งสินค้าปริมาณมากในเวลาจำกัด ดังนั้น รถยนต์จึงเป็นพาหนะ ที่ได้รับความนิยมใช้สูงสุดเมื่อเทียบกับการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ การเดินทางกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเดินทางและคมนาคมขนส่งมีการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้ได้กำลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ ทำให้มีการปล่อยก๊าซพิษชนิดต่างๆ สู่สิ่งแวดล้อม เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน มึนงง และหมดสติ) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (ทำให้ทางเดินหายใจระคายเคืองและปอดบวมและเป็นตัวการสำคัญในการทำให้เกิดภาวะฝนกรด) สารไฮโดรคาร์บอน (เป็นอันตรายต่อเยื่อตา ถ้าหายใจเข้าไปจะทำให้ระบบการหายใจระคายเคือง) ออกไซด์ของไนโตรเจน (เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและขัดขวางการรับออกซิเจน ไปเลี้ยงร่างกายของเฮโมโกบินในเม็ดเลือดแดง) และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (เป็นตัวการสำคัญในการเกิดภาวะเรือนกระจก) เป็นต้น การเดินทางของท่านมีส่วนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกมากแค่ไหน ในการเผาไหม้น้ำมันเบนซินและดีเซลทุกทุกหนึ่งลิตรพบว่ามีก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ถูกปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมประมาณ 2.3 และ 2.7 กิโลกรัม ตามลำดับ ดังนั้นหากมีการขับรถรถยนต์เป็นระยะทางปีละ 25,000 กิโลเมตร ในอัตราการการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 8.3 กิโลเมตรต่อลิตร(รวมทั้งปี จะมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการเดินทางมากถึง 3,000 ลิตร) เท่ากับว่าได้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่สิ่งแวดล้อมมากถึงปีละ 7.2 ตัน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดังกล่าวจะลอยขึ้นไปสะสมรวมกับก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วที่ชั้นบรรยากาศ และหากจะทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดังกล่าวหมดไป จะต้องปลูกต้นไม้มากถึง 800 ต้น ทั้งนี้ ต้นไม้แต่ละต้นจะมีความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ยปีละ 9 กิโลกรัม (คิดจากสมมติฐานที่ว่าต้นไม้ดังกล่าวจะต้องเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุยืนยาวไม่น้อยกว่า 40 ปี) เดินทางอย่างไร ถึงจะมีผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด
ขับรถอย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน การเดินทางโดยรถยนต์เป็นการเดินทางที่ใช้พลังงานมากที่สุด ดังนั้นเพื่อช่วยลดพลังงานในการเดินทาง และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเดินทาง ควรเลือกวิธีการเดินทางโดยเริ่มจากสิ่งต่อไปนี้ การเตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง
การขับรถอย่างถูกวิธี
การบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ผู้ขับขี่รถยนต์ควรดูแลส่วนต่างๆ ของรถยนต์ เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงาน ดังนี้
|