นอกจากผู้ให้บริการทางการเงินต้องให้บริการด้วยความรับผิดชอบแล้ว ลูกค้าก็ต้องใช้บริการด้วยความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยกันลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหน้าที่ที่ควรปฏิบัติในฐานะผู้ใช้บริการทางการเงินมีดังนี้ Show
01 วางแผนการเงินการวางแผนการเงินจะช่วยให้คุณรู้ฐานะทางการเงินของตนเอง และจัดการกับรายรับ-รายจ่ายได้อย่างเหมาะสม สามารถตั้งเป้าหมายการเงินและคิดหาวิธีที่จะทำให้สำเร็จ ซึ่งคุณสามารถศึกษารายละเอียดการวางแผนการเงินเพิ่มเติมได้จาก"หนังสือรู้รอบเรื่องการเงิน ตอน วางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด" 02 ติดตามข่าวสารทางการเงินอย่างสม่ำเสมอควรศึกษาและเรียนรู้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อการตัดสินใจที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง รู้เท่าทันโฆษณา และไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ 03 เข้าใจรายละเอียดและเปรียบเทียบข้อมูลก่อนเลือกใช้บริการอย่าลืมอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบริการทางการเงินที่ต้องการใช้บริการให้เข้าใจก่อน และไม่ลืมที่จะหาข้อมูลจากผู้ให้บริการทางการเงินหลาย ๆ แห่ง แล้วนำมาเปรียบเทียบเพื่อเลือกสิ่งที่ดี มีเงื่อนไขที่รับได้ และเหมาะกับคุณมากที่สุด ที่สำคัญ อย่าเซ็นชื่อลงในใบสมัครใช้บริการใด ๆ โดยไม่ได้อ่านหรือไม่เข้าใจเงื่อนไขในสัญญาเด็ดขาด หากสงสัยต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ให้เข้าใจ และแน่ใจว่ารับเงื่อนไขได้ก่อนเซ็นชื่อในสัญญา อาจใช้เวลาสักนิดแต่ก็ดีกว่ามานั่งเสียดายหรือตามแก้ไขปัญหาภายหลัง 1. ข้อมูลของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ รายชื่อและเว็บไซต์ข้อมูลอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมเปรียบเทียบ2. ข้อมูลของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนข้อมูลเปรียบเทียบผลตอบแทนด้านหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุน3. ข้อมูลของหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ข้อมูลเกี่ยวกับแบบประกันชีวิตที่มีขายในปัจจุบัน 04 ตรวจทานความถูกต้องของธุรกรรมทางการเงินทุกครั้งควรตรวจสอบรายละเอียดและความถูกต้องทุกครั้งที่ทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น ชื่อบัญชี เลขที่บัญชี จำนวนเงิน รายการใช้จ่ายในใบสรุปยอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตเทียบกับใบรายการขายสินค้า (sales slip) ถ้าพบว่าไม่ถูกต้อง ให้รีบติดต่อผู้ให้บริการทางการเงินเพื่อขอแก้ไขให้ถูกต้อง รวมถึงควรปรับสมุดบัญชีเงินฝากบ่อย ๆ โดยเฉพาะบัญชีที่มีบัตรเอทีเอ็ม เพราะหากทิ้งไว้นาน รายการต่าง ๆ จะถูกรวมเป็นยอดเดียว ทำให้ตรวจสอบยาก 05 เมื่อเป็นหนี้ต้องชำระก่อนจะก่อหนี้ ควรเข้าใจกฎเหล็กของลูกหนี้ 2 ข้อ คือ "ก่อหนี้เท่าที่จำเป็นและจ่ายไหว" และ "เป็นหนี้ต้องจ่าย" เพราะการก่อหนี้เกินตัวจนจ่ายไม่ไหว นอกจากดอกเบี้ยจะพอกพูนแล้ว ยังเสียประวัติเครดิตที่จะขอกู้ใหม่ในอนาคตด้วย รวมถึงอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ แต่ถ้าชำระหนี้ไม่ไหวจริง ๆ ควรรีบปรึกษาเจ้าหนี้เพื่อหาทางแก้ไขร่วมกัน การขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้มีหลายวิธี เช่น ขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป ขอลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระหนี้ต่องวดลง ขอลดหย่อนค่าธรรมเนียมหรือค่าปรับกรณีผิดนัดชำระ แต่ผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าที่ผ่านมาคุณมีวินัยในการชำระหนี้ตรงเวลาแค่ไหนด้วย คำถามถามบ่อยถ้าต้องการเปรียบเทียบผลตอบแทนของเงินฝากแบบขั้นบันได ซึ่งกำหนดเงื่อนไขการฝากไม่เหมือนกัน ทั้งระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ย จะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการนำอัตราดอกเบี้ยเพียงช่วงสุดท้ายของแต่ละโครงการบัญชีเงินฝากแบบขั้นบันได (Step up) มาเปรียบเทียบกันเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเพราะลักษณะของบัญชีเงินฝากแบบขั้นบันไดจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเดือนสุดท้ายไว้สูง ๆ เพื่อโฆษณาจูงใจ แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากนั้น ช่วงเวลาของแต่ละโครงการมักไม่เท่ากัน จึงควรพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของทั้งโครงการ ซึ่งแบงก์ชาติได้กำหนดให้สถาบันการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการเปรียบเทียบข้อมูลก่อนการตัดสินใจใช้บริการเพื่อนขอให้ช่วยค้ำประกันเงินกู้ และสถาบันการเงินจะขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต ในฐานะผู้ค้ำประกันเรามีสิทธิ์ปฏิเสธได้หรือไม่ หากคุณไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลเครดิตของตนเองก็สามารถปฏิเสธได้ เพราะสถาบันการเงินไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้ผู้ค้ำประกันลงนามในใบยินยอมให้ตรวจสอบข้อมูลเครดิต แต่หากกังวลว่าสถาบันการเงินอาจไม่อนุมัติเงินกู้ให้เพื่อนก็สามารถไปขอตรวจข้อมูลเครดิตของตัวเองแล้วนำมายื่นให้สถาบันการเงินได้
เรื่องที่น่าสนใจ
ลิงก์ที่น่าสนใจ
|