หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ

หนังสือเล่มนี้ ได้อัญเชิญ พระบรมราโชวาท พระราชดำรัส และเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงพระราชทานไว้ในโอกาสต่าง ๆ ตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ และบทสัมภาษณ์นักบริหาร 70 คน ที่น้อมนำพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส เนื้อหาในเพลงพระราชนิพนธ์ มาใช้ในการบริหารงาน การดำเนินชีวิต และมีความเจริญก้าวหน้า เนื้อหา อาทิ

โลกจะสุขสบายนั้นเป็นได้หลายทาง ต้องหลบสิ่งกีดขวางหนทางให้พ้นไป จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ สุขและทุกข์อย่างไรเพราะใจตนเอง โลกมืดมนเพียงใดหัวใจอย่าคร้ามเกรง ตั้งหน้าชื่นเอาไว้ย้อมใจด้วยเพลง ไยนึกกลัวหวาดเกรงยิ้มสู้... (“ยิ้มสู้” เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 16 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2495)

... ในเวลาที่ดิฉันมีเรื่องกังวลใจ ก็จะนึกถึงบทเพลงนี้ และปรับมุมคิดใหม่ว่า ปัญหาคือโอกาส หากเรามีสติ ไม่จมดิ่งกับปัญหา เราก็จะพบทางออก จากจุดนี้ทำให้ดิฉันขยายแนวคิดออกไปอีกว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ควรจะยิ้มรับ และเลือกมองในสิ่งดี ๆ ที่เสริมสร้างกำลังใจ แม้บางครั้งเรื่องนี้จะเป็นไปในทางลบก็ตาม หากเราลองพลิกมุมคิดให้ไปในแนวทางบวก เพียงเท่านี้การดำเนินชีวิตก็มีความสุขได้ (บทสัมภาษณ์ ประธานกรรมการบริษัท สุทธิภาคย์ ออแกไนเซอร์ จำกัด)

หนังสือเล่มหนึ่งจากหลายเล่มในนิทรรศการหนังสือแนะนำ “ตามรอยพ่อ” จัดแนะนำ ชั้น 1 สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดือน ธันวาคม 2562

หนังสือเล่มเล็ก เรื่อง ครอบครัวพอเพียง ผลงานของนักเรียนโรงเรียนบ้านเนินมะปราง https://drive.google.com/open?id=10N4bwj29IeL9qRNlnpdPGb7sPgVV7ZNx # เล่มที่ 14/2561

Posted by ห้องสมุดโรงเรียนบ้านเนินมะปราง on Sunday, November 4, 2018

คัดลอกมา

ขอบูชาคุณ ครูบาอาจารย์

#หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเล็ก
ปลุกพระ – ปลุกผ้ายันต์
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

เริ่มต้นที่จะนำมาเล่าให้ฟังคือว่า
ตอนท้ายชีวิตของหลวงพ่อปานตอนนั้นท่านฝึกให้หลวงพ่อเล็ก หลวงพ่อเล็กนี่เป็นพระที่มีกรรมฐานสำคัญมาก แล้วเป็นพระที่หลวงพ่อปานไว้วางใจและเกรงใจมาก เพราะว่ามีอำนาจรองจากหลวงพ่อปาน

ถ้าจะว่ากันไปตามความจริงแล้วละก็ พระในวัดน่ะเกรงใจหรือว่ากลัวหลวงพ่อเล็กมากกว่าหลวงพ่อปาน เพราะหลวงพ่อปานท่านไม่ค่อยได้อยู่วัด อำนาจการปกครองต่าง ๆ ตกอยู่กับหลวงพ่อเล็กองค์เดียว การจัดสรรระเบียบต่าง ๆ หลวงพ่อเล็กเป็นผู้บังคับ

หลวงพ่อเล็กเป็นพระที่ไม่ค่อยอยากพูด ตามปกติท่านนั่งเฉย ๆ วันหนึ่ง ๆ ถ้าไม่มีใครไปพูดธรรมะธัมโมกับท่าน วันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องพูดอะไรกัน แต่ว่าถ้าใครไปพูดเรื่องธรรมะธัมโมกับท่าน รู้สึกว่าท่านพอใจมาก คุยกับเขาได้ตลอดวัน

พระองค์นี้มีเวลาทำงานตรงตามเวลาเสมอ เวลาของท่านแต่ละอย่างที่ท่านกำหนดไว้ท่านไม่ยอมให้คลาดเคลื่อน นี่เป็นระเบียบของท่านเองนะ

▪️ปลุกพระ – ปลุกผ้ายันต์▪️

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนท้ายชีวิตของหลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานทำรูปของท่านแล้วมีรูป "ยันต์เกราะเพชร" เมื่อทำแล้วหลายพันผืนสำหรับแจกบรรดาพุทธบริษัทที่มีความต้องการ ท่านทำแจกของท่านจริง ๆ นะไม่ได้ขาย

คำว่าแจกนี่ไม่มีคำว่าขายติดอยู่ด้วย หมายความว่าถ้าใครมาขอท่านให้เลย เรื่องที่เขาจะเอาเงินเอาทองมาให้ท่านหรือไม่น่ะ ท่านก็ไม่ถาม ไม่เคยถาม ฉันนี่แหละเป็นคนแจก ใครมาขอฉันเป็นคนแจก ท่านไม่เคยถามเลยว่าค่าผ้ายันต์ค่าพระของท่านได้เท่าไหร่ ไม่เคยได้ยินเสียงถามตลอดชีวิต

คราวหนึ่งหลวงพ่อปานไม่ได้สั่งพิมพ์เอง เป็น นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ คนนี้เรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้ากับหลวงพ่อปาน ทำจนมีผล ทำคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าจนเป็นฌาน....

คราวนี้มาว่ากันถึงเรื่องผ้ายันต์ ในเมื่อนายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์มาพิมพ์ถวายหลวงพ่อปานจำนวนหลายพันผืน เมื่อเขาพิมพ์มาแล้วหลวงพ่อปานก็สั่งหลวงพ่อเล็กให้เอาผ้ายันต์ไปเสก

หลวงพ่อเล็กนำมาเสก 3 เดือน ถือว่าครบไตรมาสพรรษาหนึ่งพอดี หลวงพ่อเล็กนี่เราทราบกันอยู่แล้วว่าท่านได้สมาบัติ 8 แต่ว่ายิ่งไปกว่านั้นสำหรับวิปัสสนาญาณนี่จะได้อะไรฉันไม่ทราบฉันไม่รู้หรอก สิ่งที่จะรู้กันได้ ถ้าเราได้ถึงไหนเราก็รู้กันว่าคนอื่นเขาได้ถึงเพียงนั้นที่รู้เลยไปเราไม่รู้

ตอนนั้นฉันยังทรงสมาบัติ 8 เหมือนกันแต่ว่าไม่ได้ฝึกอภิญญาครบถ้วน เลยกลายเป็นพระไม่ใช่อภิญญา นี่ฟังให้ดีนะสมาบัติ 8 ก็อาศัยกสิณกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน ไม่จำเป็นต้องใช้กสินทั้งหมด 10 อย่าง ใช้กสินกองใดกองหนึ่งเป็นพื้นฐาน ยกเอารูปขึ้นมาตั้งแล้วก็เพิกกสิณนั้นเสีย และใช้รูปฌานขึ้นมาแทน ถ้าทำได้ทั้ง 4 อย่างก็เรียกว่าทรงอรูปฌาน 4 อย่าง ได้เป็นฌาน 8 ไป นี่ฟังกันไว้เท่านี้นะ หลวงพ่อเล็กได้ฌาน 8 สมาบัติ 8 เลยกว่านั้นฉันไม่รู้...

เมื่อได้รับผ้ายันต์มาแล้วก็นั่งเสก เสกด้วยอำนาจของสมาธิ เข้าฌานสมาบัติ 3 เดือน เวลากลางคืนนะ เสกกี่ชั่วโมงไม่ทราบ แต่ไม่ใช่ว่าตลอดวันตลอดคืน อย่านึกว่า ตลอดวันตลอดคืน 3 เดือนไม่ถูก ไม่กินข้าวไม่กินปลา นี่มันก็เกินไป ว่ากันตามแบบปกติ ฟังเรื่องของพระนะ

พอครบ 3 เดือนวันออกพรรษา หลวงพ่อเล็กเรียกฉันเข้าไปบอกให้แบกผ้ายันต์ ฉันคนเดียวมันแบกไม่ไหวก็เอาไอ้เพื่อนอีก 3 คนมาช่วยกันแบกผ้ายันต์มาถวายหลวงพ่อปาน ยังไม่ทันจะถึงเลยห่างอีกประมาณสัก 10 วาได้กระมัง หลวงพ่อปานเห็นเข้าท่านโบกมือบอกไม้บอกว่า "ไม่เอา ๆ ยังไม่เสร็จ ๆ ยังใช้ไม่ได้" นี่ท่านร้องไป ก็เป็นอันว่าไม่เอาเข้าไปให้ท่าน เอากลับ.....

▪️บารมีพระพุทธเจ้า พรหม เทวดา▪️

ตอนนี้หลวงพ่อเล็กกลับมาก็นึกในใจว่า นี่เราทำขนาดนี้ยังใช้ไม่ได้ ใครที่ไหนจะยิ่งไปกว่าเรานะ เราเข้าถึงสมาบัติ 8 นี่ท่านบ่นนะ เราเข้าถึงสมาบัติ 8 แล้วก็คลายสมาธิลงมาพิจารณาวิปัสสนาญาณ จนกระทั่งอารมณ์จิตเป็นแก้วทั้งหมดเป็นแก้วประกายพรึกทั้งหมด แล้วเราจึงเข้าสมาธิใหม่จัดเป็น "โลกุตตรฌาน"

แล้วเราก็อธิษฐานจิตนี่ยังใช้ไม่ได้ ใครก็ใครจะเสกยิ่งไปกว่านี้ ท่านบ่นให้ฟัง ท่านก็บอกว่า เอ้า...ในเมื่อท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ฉันก็จะทำให้ใหม่ ตอนนี้ท่านไปทำใหม่ 7 วัน ท่านทำอย่างไรบ้าง ฉันไม่ทราบ เวลาท่านทำไม่ได้เข้าไปยุ่งกับจิตใจของท่าน

พอครบ 7 วัน ท่านมาเรียกพวกฉันให้ไปแบกมาให้หลวงพ่อปาน ตอนนี้เองเพราะแบกมาหลวงพ่อปานเห็นแต่ไกล ก็กวักมือกวักไม้บอก เออ ๆ เอามา ๆ อย่างนี้สิมันถึงจะใช้ได้ ไอ้คนเก่งคนเดียวน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้คนอื่นเขาเก่งบ้าง เก่งคนเดียวใช้ไม่ได้ ทำอย่างนี้ใช้ได้....

ต่อไปฉันถามหลวงพ่อเล็กว่า "หลวงพ่อขอรับ ตอนก่อนหลวงพ่อเสกยังไงหลวงพ่อปานจึงว่าใช้ไม่ได้ ?" หลวงพ่อเล็กบอกว่า ตอนก่อนฉันเข้าสมาบัติ 8 แล้วใช้วิปัสสนาญาณเต็มที่ คลายจิตออกมาถึงอุปจารสมาธิ อธิษฐานแล้วก็เข้าสมาบัติ 8 ใหม่เท่านี้ 3 เดือนไม่ได้ขาดเลยทุกคืน คืนละ 3 ชั่วโมง ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ หลวงพ่อปานท่านก็ออกมาบอก "อย่างนี้ใช้ไม่ได้หรอกคุณเล็ก คุณเล็กอย่างนี้ใช้ไม่ได้นะ"

คือว่าถ้าเราทำอะไร ถ้าเก่งคนเดียวมันใช้ไม่ได้ ไอ้เราเองน่ะมันไม่ดีพอต้องให้คนอื่นเขาดีบ้าง จึงได้ถามหลวงพ่อเล็กใหม่ว่า "หลวงพ่อขอรับ ตอน 7 วันนี้หลวงพ่อทำยังไงขอรับ?"

ท่านบอกว่า "ในเมื่อฉันใช้สมาบัติ 8 ท่านใหญ่บอกว่าใช้ไม่ได้ ฉันก็กลับ คราวนี้ฉันไม่เอาล่ะ ฉันก็ตั้งท่าบวงสรวงชุมนุมเทวดาอาราธนาบารมีพระทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด รวมทั้งหมดเทวดาทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด ฉันยกยอดเลย ยกยอด

ในเมื่ออาราธนาเห็นท่านมากันครบถ้วนแล้ว ท่านก็มาทำกันคืนหนึ่งประเดี๋ยวเดียว ซัก 10 นาทีท่านก็กลับ และท่านก็บอกให้เลิก ฉันก็นอน ฉันทำแบบนี้ถึง 6 วัน ถึงวันที่ 7 ทุกท่านมา แต่ไม่มีใครทำ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะบรรจุแล้วคุณจะให้ฉันทำอะไร ฉันก็เลยเลิก

ถึงได้ให้พวกเธอแบกมาให้ท่านใหญ่ นี่ท่านเรียกหลวงพ่อปานว่าท่านใหญ่ หลวงพ่อปานฟังแล้วก็หัวเราะก๊าก บอก จริง! ที่คุณเล็กพูดน่ะจริงนะ ท่านเรียกอาจารย์บ้างคุณบ้าง ที่อาจารย์เล็กพูดนั่นน่ะจริง พวกเธอจงจำไว้นะ การที่เราจะเสกพระเสกผ้ายันต์อะไรต่ออะไรนี่น่ะ ถ้าเสกด้วยอำนาจของกำลังเราก็ไม่ช้ามันก็เสื่อม

เราน่ะมันดีแค่ไหน การเสกว่าคาถาต่าง ๆ นี่ก็เป็นการอาราธนาบารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือ เทวดาหรือพรหมมาช่วย แต่ว่าคาถาบางอย่างก็จะว่าแต่เฉพาะบางจุด การเสกพระเจ้าหรือเสกผ้ายันต์ เสกอะไรต่ออะไรพวกนี้ ถ้าเราเอาตัวของเราออกเสียเราไม่เข้าไปยุ่ง

แต่อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสาวกทั้งหมด พรหมและเทวดาทั้งหมด ท่านมาช่วยท่านทำประเดี๋ยวเดียว 2-3 นาทีมันก็เสร็จ ดีกว่าเราทำ 1,000 ปี

แล้วเราจะเอาอะไรบ้างก็อาราธนาบอกท่าน บอกว่าขอให้ใช้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่อย่าลืมนะ ถ้าใช้ในทางทุจริตหรือกฎของกรรมบังคับ ไม่มีอะไรจะคุ้มครองใครได้ ถ้าหากว่าใครเลวอยู่แล้วก็คอยพยุงให้เลวน้อยลงไปนิดนึงได้ ถ้าใครดีขึ้นมาหน่อยก็พยุงให้ดีมากได้

นี่เป็นกฎของอำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี และพรหมเทวดาทั้งหลาย ท่านพูดแล้วท่านก็ชอบใจ บอกว่า "คุณเล็กทำถูก ตอนก่อนฉันรู้ ไปตั้งท่าเข้าสมาบัติอยู่คืนละ 2-3 ชั่วโมง ฉันนั่งอยู่ที่กุฏินี่ฉันก็รู้ แต่ที่ฉันไม่บอกไว้ก่อนเพราะจะให้คุณเล็กนี่น่ะรู้เอง

พระราชพรหมยาน,ธัมมวิโมกข์ (2554),358,33-38 นิตยสารธัมมวิโมกข์ วัดท่าซุง (ภาพถ่าย หลวงพ่อฤาษี กับ หลวงพ่อเล็ก เกสโร ที่วัดบางนมโค )

หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ

 

บันทึกไว้สั่งยา

♦#ยาแผนโบราณตำรับวัดท่าซุง
.
(มีจำหน่ายที่บ้านซอยสายลมและวัดท่าซุง)

ติดต่อสอบถาม พระเจ้าหน้าที่ตึกรับแขก วัดท่าซุง โทรศัพท์ (056) 502 - 506
เปิดทำการเวลา 09.00 - 10.30 น. และ 12.00 - 16.00 น.

หลวงพ่อได้กรุณาให้จัดยาจำหน่ายเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานดังนี้

๑. #ยาพระนอนวัดป่าโมกข์ – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดพีดี ๔๐๐ และยาแคปซูลพีเฮิร์บ” - ซึ่งเป็นยาของท่านผกาพรหม สรรพคุณรักษาโรคได้ทุกโรคตามคำอธิบายของท่าน ซึ่งได้เคยพิมพ์แจกลูกหลานมาแล้ว
.
๒. #ยาหนอนตายอยาก – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดและยาแคปซูลบ้านพงษ์ประดิษฐ์” - เจ้าของยาเป็นพระธุดงค์ สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ถ้ารับประทานเป็นประจำทุกวัน จะทำให้แก่ช้า เมื่อจะรับประทานยานี้ให้ถ่ายรูปไว้ก่อน หลังจากรับประทานยาไปแล้วทุกๆ ๑ ปี ให้ถ่ายรูปเพื่อเปรียบเทียบดูกับรูปที่ถ่ายไว้ก่อนรับประทานยา เพื่อตรวจสอบผลของยา ยานี้ควรรับประทานคู่กับยาเก้าร้อยจะให้ผลดีขึ้น
.
๓. #ยาเก้าร้อย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๙๐๐” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่พระอินทร์ ประกอบด้วยพริกไทย ๓๐๐ เม็ด กระเทียม ๓๐๐ กลีบ แห้วหมู ๓๐๐ หัว ตากให้แห้งแล้วบดเข้าด้วยกัน เวลาจะรับประทานให้ผสมน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน สรรพคุณเป็นยาปรับระดับความดันของโลหิตให้พอดี คนที่รับประทานยานี้เป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง
.
๔. #ยาฤาษีหายป่วย – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาระบายตราพระฤาษี” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ชื่อของยาหลวงพ่อได้กรุณาตั้งชื่อเอง สรรพคุณเป็นยาระบาย รับประทานทุกวันจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ
.
๕. ♥#ยาบำรุงประสาท – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาถ่ายแก้วกาญจน์” – ส่วนผสมของยาได้รับความเมตตาจากท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณเป็นยาบำรุงประสาท แก้โรคประสาทไม่ปกติ ความจำเสื่อม สมองเลอะเลือน จนกระทั่งถึงบ้า #ท่านปู่บอกว่าคนที่เป็นโรคบ้า ๑๐๐% หลังจากรับประทานยานี้ไปแล้ว ๑๕ วัน โรคบ้าจะลดลงเหลือเพียง ๑๕%
.
๖. #ยาขยายเส้น – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยากษัยเส้น” – สรรพคุณแก้อาการปวดเมื่อยเส้นตึง เหน็บชา ชาตามมือตามเท้ามากหรือเร็วอย่างผิดปกติเมื่ออยู่ในอิริยาบถเดิมนานๆ
.
๗. #ยารักษาโรคอัมพาต – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาแก้ลม” – สรรพคุณรักษาโรคอัมพฤกษ์และอัมพาต อวัยวะบางส่วนของร่างกายเคลื่อนไหวไม่ได้ตามปกติ เช่น ปากเบี้ยว หน้าชา ตาแข็ง แขน-ขาหมดแรง กระดิกไม่ได้หรือตายไป
.
๘. #ยารักษาโรคมะเร็ง – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๒๐๐” – สรรพคุณรักษาโรคมะเร็งในร่างกายทุกชนิดให้ทุเลาและให้หายจากอาการป่วยของโรคมะเร็งได้ ถ้าผู้ป่วยยังอยู่ในสภาพที่ไม่ทรุดโทรมจนเกินไปและไม่มีโรคอื่นแทรก
.
๙. #ยาฟ้าทะลายโจร – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดและยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร” – สรรพคุณเป็นยาเย็นใช้แก้ร้อน แก้พิษ บวม ผื่นคัน เป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ รักษาแผลสด แผลมีหนอง แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก เริม งูสวัด รักษาโรคบิด ท้องร่วง กระเพาะ ลำไส้ และระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาโรคหวัด ไอ เจ็บคอ ปอด ระบบทางเดินหายใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมอง ปาก ฟัน เหงือก หู ถุงน้ำดี และมดลูกอักเสบ รักษาโรคคางทูม และความดันโลหิตสูง
.
๑๐. #ยาเทพประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาระบายตราเทวดานางฟ้า” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่พระอินทร์และท่านปู่ชีวกโกมารภัจ สรรพคุณมีผลในการรักษาแผลในกระเพาะลำไส้ แก้ริดสีดวงทุกประเภท แก้โรคฝีคัณฑสูตร ขับลมดีมาก และเป็นยาระบายในตัว คนที่กินยานี้แล้วแก่ช้ากว่าปกติมาก เสียงจะใสขึ้น ถ้ารับประทานเป็นประจำจะป้องกันโรคมะเร็งได้
.
๑๑. #ยาพระประทาน – ปัจจุบันนี้เปลี่ยนชื่อเป็น “#ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๕๐๐” – ท่านเจ้าของยาคือท่านปู่ชีวกโกมารภัจ ตามตำราที่ท่านว่าไว้มีสรรพคุณแก้โรคทั้งปวง ถ้ากินได้ ๑ เดือน จะอยู่หอก, ๒ เดือนจะอยู่ดาบ กินได้ ๑ ปีจะอยู่แหลนอยู่เข็ม เสือขบไม่ตาย รูปงาม แก่แล้วเป็นหนุ่ม มีปัญญาทรงไตรเภทได้ ผิวเนื้อเหลืองดังดอกการะเกด มีกลิ่นหอมดังดอกอุบล มีกำลังเจ็ดช้างสาร เดินบนน้ำได้
.
๑๒. #ยาแก้โรคมะเร็งและโรคอักเสบภายใน
.
#ตัวยา ขมิ้นชัน ๑ กำมือ กับหญ้าแพรก ๑ กำมือ โขลกให้ละเอียดคั้นกับน้ำปูนใส (ปูนกินกับหมาก) แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
.
#วิธีใช้ รับประทานครั้งละประมาณ ๑ ถ้วยชา หรือประมาณ ๓๐ ซี.ซี. รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า ๓๐ นาทีหรือ ๑๕ นาทีเป็นอย่างน้อย
.
#รักษา โรคมะเร็ง และโรคอักเสบต่างๆทั้งหมด เช่น โรคกระเพาะ โรคลำไส้อักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ ฯลฯ หาย
.
#ถ้าโรคเบาหวาน ขณะที่กินยา ห้ามกินกะปิกับของแสลง คือ ของหวานในช่วงที่กินยา ๓ วันหาย
.
#ถ้าโรคฝีในท้อง กินเป็นระยะๆ ระยะละ ๓ วัน กินไป ๓ วัน เว้นไป ๗ วัน เป็น ๓ ระยะ ถ้าโรคไต กินวันละ ๓ ถ้วยติดต่อกัน หาย
.
♦#ประวัติของยานี้หลวงพ่อเล่าให้ฟัง
เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๘
.
ยานี้ท่านพ่อหมอโกมารภัจมาบอกหลวงพ่อ โดยหลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า
.
“ยานี้คือยารักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวานเพียงแค่พื้นๆ โรคกระเพาะ โรคตับนี้รักษาง่าย ท่านบอกว่า แต่อย่าไปรับรองชาวบ้านเขานะ ห้ามรับรองชาวบ้านเขา ฝีในท้องกิน ๓ ระยะๆละ ๓ วัน เว้น ๗ วัน หาย บอกว่าถ้าหัวฝีแตกยิ่งดีใหญ่ โรคไต ๓ ถ้วยหาย โรคอักเสบทั้งหมดรักษาได้ทุกอย่าง โรคเบาหวานห้ามกินกะปิและของหวานในช่วงเวลาที่กินยา คนไข้คนไหนไม่เว้นของแสลง ไม่ควรสงสาร เพราะว่าตัวเขาเองเขายังไม่รัก แล้วเราจะไปรักทำไมต้องถือคตินี้นะ
.
#ประวัติความเป็นมาเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๓ ตอนนั้นอยู่ชัยนาท คุณชูศรีเธอเป็นโรคมะเร็งในมดลูก รักษาตัวมาเป็นเดือนหมดเงินเป็นหมื่น มะเร็งระยะสองไม่หาย เธอมาปรารภอาการป่วยให้ฟัง ยาฉันก็ไม่มี ฉันก็ไม่รู้ไปหาที่ไหน นั่งนึกถึงท่านโกมารภัจ ท่านก็มา ท่านบอกให้แม่มันไปตลาดโพธิ์นางดำ ไปถามหมอโบราณที่นั่น หมอชื่ออะไร รูปร่างอย่างไร ท่านก็ไม่บอก บอกไปเถอะไปเจอะใครเขาบอกยาของเขารักษาหาย ให้เอามารักษาจะหาย ใช่ไหมประวัติความเป็นมาจำไว้นะ
.
แล้วแกก็ไปทันที ไปรอลงเรือที่ประตูน้ำเขื่อนเจ้าพระยา ก็ไปรอลงเรือ ไอ้ท่าเรือก็มีผู้ชายคนหนึ่งผอมโปร่งผิวขาว แต่งตัวเรียบร้อย ไม่พูดไม่จากับใคร นั่งเฉยหัวก็ขาวโพลน นั่งเฉยคอยเรือเกือบชั่วโมงไม่พูดกับใครเลย เวลาลงเรือหางยาวบังเอิญนั่งคู่กันไป เรือวิ่งไปประมาณ ๑ กิโลเมตร แกหันมาถามว่าหนูไปไหน บอกจะไปตลาดโพธิ์นางดำ ถามไปทำไม บอกลูกสาวประจำเดือนออกไม่หยุด หมอบอกเป็นมะเร็งที่มดลูก
.
ชายคนนั้นแกถามต่อไปว่า แล้วนี่จะไปไหน บอกไปหาหมอ ถามหมอชื่ออะไร แกบอกไม่รู้ บอกไม่รู้ไปอย่างไร บอกว่าพระท่านบอกถ้าไปเจอะหมอที่โพธิ์นางดำ ท่านเป็นหมอโบราณ ถ้าท่านบอกยารักษาหายให้นำมาเลย บอกถ้าอย่างนั้นไม่ต้องไปยาที่ฉันมี พอเรือหางยาวสวนมา แกก็กวักมือบอกกลับได้
.
แล้วปรากฏว่าวันหลังไปถามเรือหางยาวคนนั้นว่า คนรูปร่างแบบนั้นขึ้นที่ไหน ไอ้เรือหางยาวเขารู้จักกัน บอกเวลานั่งมาเห็น เวลาขึ้นไม่เห็น ตอนขึ้นเขาเก็บสตางค์ไม่เห็น โดดน้ำไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
.
แกทำกินไม่ถึงถ้วยชา แค่ครึ่งถ้วยชา ถ้วยเดียวหาย แต่ท่านบอกว่าให้กิน ๓ ถ้วยแล้วจะหายสนิท มะเร็งนี่นะ ไอ้เบาหวานเรื่องเล็กๆ เล็กหมดเลย เบาหวานขนาดม้า มะเร็งช้าง ท่านเลยบอกหาย ไอ้วัณโรคกินนานหน่อยนะ กิน ๓ วันติดๆกัน เว้นไป ๗ วัน ๓ ระยะ เท่ากับกิน ๙ ถ้วยหาย
.
ท่านก็เลยสรุปอักเสบทั้งหมดใช้ได้หมดเลย เดี๋ยวลองถามท่านถ้ากินบ่อยๆจะได้ไหม ท่านบอกกินป้องกันโรคต่างๆปีละงวด กิน ๓ วัน ถ้ากินป้องกันร่างกายทรุดโทรม ๖ เดือนงวด จะไปกินเร็วกว่านั้นไม่ได้ ๖ เดือนกิน ๓ ถ้วย
.
#แต่ท่านบอกอย่าไปรับรองใครเขานะ บอกเราเคยกินหายมาแล้ว เราอย่าไปรับรองผล ถ้าบังเอิญมันเป็นระยะปลายและคนนั้นจะต้องตายมีอยู่ อย่าไปรับรองเขา แล้วท่านบอกว่าหญ้าแพรกทำให้เย็น ขมิ้นรักษา และก็น้ำปูนใสทำให้ทุกอย่างแห้งเร็ว...”
.
หลวงพ่อลงสังฆกรรมในพระอุโบสถวัดท่าซุง ท่านจึงเล่าให้พระในวัดฟังถึงเรื่องนี้ และสมเด็จองค์ปัจจุบันเสด็จมาบอกหลวงพ่อว่า พระชัยศรีเป็นโรคมีแก๊สจุกขึ้นหน้าอกใช่ไหม ให้ถามดู พระชัยศรีรับว่าใช่ พระองค์ตรัสว่าให้กินยานี้แล้วจะหายโรค (ลมจุกหน้าอก)
.
ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๕ ท่านแม่ศรีมาบอกให้หลวงพ่อฉันยานี้ เนื่องจากระยะนี้หลวงพ่อไม่สบายมาก เป็นเพราะอุจจาระแข็งเป็นดานเกาะกระเพาะหนาและมีเสมหะปิดหน้าอยู่ ลำไส้ทำงานไม่ได้ ไม่ดูดซึมอาหารเลย กลับดูดซึมเข้าไปแต่อุจจาระที่แข็งอยู่นั้น
.
หลังจากท่านแม่ให้ล้างท้องอย่างหนักแล้ว ให้ยาละลายเสมหะหลายขนานช่วยอุจจาระออกไปมากแล้ว ท่านให้ฉันยาท่านโกมารภัจขนานนี้ก่อนอาหารเช้า เพื่อรักษาโรคลำไส้อักเสบซึ่งเป็นมานานแล้ว เพียงแก้วแรกของการฉันยาลงไป เกิดปฏิกิริยาทันที คือภายในท้องปั่นป่วน และอาการนี้เป็นทั้งวัน ขับอุจจาระออกมาก หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านโกมารภัจบอกว่าอาการที่ลำไส้อักเสบหายไปแล้ว แต่ถ้ายังมีอาการนี้เกิดขึ้นอีกก็ฉันยานี้ได้
.
♦#หมายเหตุ: ก่อนกินยานี้ให้นำดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ ขอพระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยให้โรคหายไปจากร่างกาย ขอพรท่านโกมารภัจเจ้าของยา ขอให้ท่านช่วยให้ยานี้มีฤทธิ์ทำลายโรคให้หมดไป ขอพรท่านแม่ศรีช่วยด้วย ขอให้โรคทั้งหลายสลายตัวไปให้หมด นับตั้งแต่กินยานี้เข้าไปแล้ว ยานี้ใช้ได้ผลเฉพาะบุคคลที่มีความเชื่อในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์เท่านั้น จึงขอสรุปไว้อีกครั้งดังนี้
.
๑. #โรคเบาหวาน กินยานี้ ๑ วาระ (กินยา ๓ วัน วันละ ๑ ถ้วย) ช่วงเวลาที่กินยานี้อยู่ ห้ามกินกะปิและของหวาน เช่น น้ำตาล เป็นต้น
.
๒. #โรคฝีในท้องหรือวัณโรค กินยานี้ ๓ วาระ โดยกินวาระละ ๓ วัน ๓ ถ้วย แล้วเว้นไป ๗ วัน กินอีก ๑ วาระ คือ ๓ วัน ๓ ถ้วย แล้วเว้นไปอีก ๗ วัน กินอีก ๑ วาระ
.
๓. #โรคไต ลำไส้อักเสบ กระเพาะเป็นแผล กิน ๑ วาระ (๓ วัน ๓ ถ้วย) โรคอักเสบทั้งหมด ยานี้แก้ได้
.
๔. #โรคลมจุกหน้าอก (ตัวอย่างพระชัยศรี)
.
๕. #กินป้องกันร่างกายทรุดโทรม (ชะลอความแก่) กิน ๑ วาระ เว้นไป ๖ เดือน กิน ๑ วาระ เรียกว่ากินทุก ๖ เดือนเรื่อยไป กันร่างกายทรุดโทรม
.
จากหนังสือ “สมบัติพ่อให้”
.
♥#ยาใหม่ปรุงตามสูตรที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ไว้มีดังนี้
.
๑๓. #บำรุงเลือดสตรี – เป็นยาบำรุงเลือดสตรี บำรุงฮอร์โมน ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส ประจำเดือนมาเป็นปกติ และลดอาการผิดปกติอันเนื่องมาจากวัยทองของสตรี ใช้ได้กับสตรีทุกวัย
.
๑๔. #ยาแมนเฮิร์บ – สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงฮอร์โมน บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงผิว แก้ปวดเมื่อย และลดอาการผิดปกติอันเนื่องมาจากภาวะวัยทองของบุรุษ ใช้ได้กับบุรุษทุกวัย
.
๑๕. #ยาแคปซูลแอล.เอฟ. – สรรพคุณเป็นยาระบาย บำรุงธาตุ กระจายลม กระจายโลหิต ช่วยลดความดัน ลดไขมันในเส้นเลือดและในร่างกาย
.
๑๖. #ยาหอมตราเทวดานางฟ้า – สรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจ บำรุงธาตุ กระจายลม แก้ลมวิงเวียนหน้ามืด ตาลาย ปวดหัวใจ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย หายใจไม่ออก คลื่นเหียนอาเจียน ปลายมือปลายเท้าเย็น
.
๑๗. #ยาแคปซูลบีเฮิร์บ – สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย บำรุงผิว บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย
.
๑๘. #ยาเม็ดและยาแคปซูพีดี – สรรพคุณเป็นยาปรับธาตุ แก้ธาตุไม่ปกติ บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต รักษาธาตุให้เป็นปกติ
.
๑๙. #ยาเม็ดและยาแคปซูลคาร่า – สรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
.
♥#ราคายาแผนโบราณตำรับวัดท่าซุง
.
ยาสมุนไพรที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้กรุณาให้จำหน่ายเพื่อสงเคราะห์ลูกหลานนั้น บัดนี้ได้จดทะเบียนขึ้นตำรับยาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยาที่จดทะเบียนขึ้นตำรับยาแล้วทั้งหมด ยังบรรจุในกล่องที่มีฝาสีเหมือนเดิม ส่วนประกอบของตัวยาเหมือนเดิมทุกประการ #เข้าพิธีพุทธาภิเษกก่อนนำมาสงเคราะห์ลูกหลานเหมือนเดิม เพียงแต่ชื่อและสรรพคุณได้เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้ถูกต้องตามกฎระเบียบการจดทะเบียนขึ้นตำรับยาของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
.
๑. ยาขยายเส้น เปลี่ยนชื่อเป็น ยากษัยเส้น ราคา ๕๐ บาท
.
๒. ยาบำรุงประสาท เปลี่ยนชื่อเป็น ยาถ่ายแก้วกาญจน์ ราคา ๕๐ บาท
.
๓. ยาเทพประทาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาระบายตราเทวดานางฟ้า ราคา ๕๐ บาท
.
๔. ยารักษาโรคอัมพาต เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแก้ลม ราคา ๕๐ บาท
.
๕. ยาฟ้าทะลายโจร เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๖. ยาฤาษีหายป่วย เปลี่ยนชื่อเป็น ยาระบายตราพระฤาษี ราคา ๕๐ บาท
.
๗. ยาพระนอน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดพีดี ๔๐๐ และยาแคปซูลพีเฮิร์บ
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๘. ยาพระประทาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๕๐๐
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐บาท
.
๙. ยาหนอนตายอยาก เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลบ้านพงษ์ประดิษฐ์
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๐. ยาเก้าร้อย เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๙๐๐
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๑. ยาบรรเทาโรคมะเร็ง เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ๒๐๐
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๒. ยาบรรเทาโรคเบาหวาน เปลี่ยนชื่อเป็น ยาเม็ดและยาแคปซูลเอสแอล
ชนิดเม็ด ราคา ๕๐ บาท
ชนิดแคปซูล ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๓. ยาบำรุงเลือดสตรี เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแคปซูลสตรีบ้านพงษ์ประดิษฐ์ ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๔. ยาแมนเฮิร์บ เปลี่ยนชื่อเป็น ยาแคปซูลเอ็มเฮิร์บ ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๕. ยาแคปซูลแอลเอฟ ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๖. ยาหอมตราเทวดานางฟ้า ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๗. ยาแคปซูลบีเฮิร์บ ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๘. ยาเม็ดและยาแคปซูลพีดี ราคา ๑๐๐ บาท
.
๑๙. ยาเม็ดและยาแคปซูลคาร่า ราคา ๑๐๐ บาท
.
**#หมายเหตุ** #ยาทั้งหมดนี้ได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกแล้ว ควรนำเก็บไว้ในที่สูงให้พ้นจากการข้ามกราย ก่อนรับประทานควรอธิษฐานขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระอริยสงฑ์ทั้งหลาย พระอรหันต์ทั้งหลาย พรหมเทวดาทั้งหมดทั่วทั้งจักรวาล ท่านเจ้าของยาและครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีท่านปู่ฤาษีชีวกโกมารภัจ หลวงปู่ปานวัดบางนมโค พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน เป็นที่สุด ให้ท่านเมตตาสงเคราะห์ด้วย จะให้ผลดียิ่งขึ้น
.
♥#ท่านสามารถสั่งซื้อทางไปรษณีย์ โปรดระบุรายการสิ่งของให้ชัดเจน ในนาม...และระบุเบอร์โทรศัพท์ด้วย
.
ท่านพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ
วัดท่าซุง
อ.เมือง
จ.อุทัยธานี
61000
.
............
ที่มา...
http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=815

หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ

 

เรื่องเล่า จากศิษย์ หลวงพ่อหนุน

...

ตามที่ได้เกริ่นกล่าวนำไว้เมื่อคืน ว่าวันนี้จะเล่าถึงความเป็นพระเหนือโลกของหลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกพลาราม จ.สกลนคร ให้ฟัง

เอาเป็นว่าเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้คิดว่าหลายคนก็เคยรู้เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านกันมาบ้างแล้ว แต่บางคนที่มาใหม่ที่ยังไม่รู้ก็ยังมีอีกมาก เรื่องราวต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ผมได้รับฟังมาจากหลวงพ่อด้วยตัวเองทั้งนั้น หากการถ่ายทอดเรื่องราวคลาดเคลื่อนไปก็ขอให้เป็นความผิดผมแต่เพียงผู้เดียวนะครับ

เริ่มเลยละกัน
หลวงพ่อหนุนท่านมีครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายรูป อย่างเช่น หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง) หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ฯลฯ นั้นคือครูบาอาจารย์ที่มีขันธ์ 5 ที่หลวงพ่อเคยร่ำเรียนด้วยมา แต่หลวงพ่อท่านบอกกับผม(สมัยผมยังเป็นพระ) ท่านบอกถ้าจะให้เก่งจริงต้องได้ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 สอน

ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขั้นธ์ 5 ของหลวงพ่อมีหลายองค์ อย่างองค์แรกก็พระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นเอตทัคคะทางด้านฤทธิ์เป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้าสมณะโคดม หลวงพ่อท่านเล่าว่า ท่านเคยเกิดร่วมตระกูลกับพระมหาโมคคัลลาหลายชาติ และคนในตระกูลไปพระนิพพานกันหมดแล้ว เหลือท่านเป็นองค์สุดท้าย พระโมคคัลลาถึงมาสอนท่านทางด้านฤทธิ์ (คิดเอาละกันครับว่าท่านจะมีฤทธิ์ขนาดไหน)

ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 องค์ที่ 2 ของท่านคือ พระมหากัจจายนะ หลวงพ่อท่านเล่าว่า พระมหากัจจายนะท่านมาพยากรณ์และทำภาพให้ดูว่าต่อไป วัดพุทธโมกจะเป็นอย่างไร สิ่งปลูกสร้างอะไรอยู่ตรงไหน อะไรจะเกิดขึ้นในภายหน้าท่านมาทำภาพให้ดูหมด ท่านบอกทุกวันนี้คำพยากรณ์เป็นไปตามนั้นทั้งหมด แต่ยังมีอยู่อีกเรื่องที่ยังมาไม่ถึง คือ.…(ส่วนนี้ผมขอยังไม่เล่านะครับ ให้สงสัยกันไปก่อน เป็นเรื่องที่ไม่ควรเอามากล่าวอ้างครับ)

ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 อีกองค์ของท่านคือ ท่านฤาษีลัดดา เป็นพระอนาคามีหรืออรหันตมรรค ท่านว่าท่านลัดดาจะเป็นพระอรหันต์ไปนิพพานก็ได้แต่ยังไม่ไปท่านยั้งตัวเองไว้ก่อน อยากอยู่เพื่อช่วยงานพระศาสนา (ทุกวันนี้ท่านยังอยู่เมืองบาดาลเป็นใหญ่กว่าใครๆเหล่าพญานาคทั้งหลายให้ความเคารพท่านมาก) หลวงพ่อท่านเล่าว่า ตอนท่านฤาษีลัดมาหาท่านครั้งแรก มาพร้อมกับแม่พระธรณี และเด็กพรหมกุมาร(ท่านบอกเด็กกุมารคนนี้เก่งมีฤทธิ์เยอะ) ท่านบอกตอนมาแสงสว่างแสบตามาก มาประมาณว่าขอปวารณาช่วยเหลืองานหลวงพ่อ

ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 อีกองค์ก็พระอินทราชเป็นพระอรหันต์ท่านคุมรักษาเขตป่าหิมพานต์อยู่ ตรงนี้ท่านเล่าให้ฟัง(ถ้าจำไม่ผิดนะ) มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อหนุน หลงเข้าไปในป่าหิมพานต์ แต่เทวดาเขาจำได้ว่าแสงที่คอนั้นเป็นแสงของหลวงพ่อหนุน เทวดาเลยพามาส่งออกจากป่าหิมพานต์ แสงที่คอในที่นี้คืออย่างนี้ครับ ลูกศิษย์คนนี้สมัยก่อนเคยเอาด้ายสายสิญจน์ในงานพุทธาภิเษกของหลวงพ่อมาทำเป็นสร้อยคล้องคอ นานๆไปด้ายก็ขาดหายไปแล้ว ในคอน่ะว่างเปล่า ไม่มีด้ายสายสิญจน์แล้ว แต่ด้วยความที่เคยมีด้ายคล้องคอ พุทธคุณยังคงอยู่ที่คอ เทวดาเห็นแสงที่คอ เทวดาเขารู้ว่าแสงแบบนี้คือแสงพุทธคุณของหลวงพ่อหนุน เทวดาเลยพามาส่งหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า ถึงแม้ออกจากป่ามาได้ก็สติไม่เหมือนเดิม ท่านต้องทำน้ำมนต์ให้อาบ แต่ก็เรียกสติคืนมาได้แค่ 70% ไม่ครบ100% เหมือนแต่ก่อน

ครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 อีกองค์ของท่านคือ พระสีวลี ที่เรารู้จักหรือชอบเรียกกันว่าพระสีวลีมหาลาภนั่นแหละครับ

ท่านบอกจริงๆแล้วครูบาอาจารย์ที่ไม่มีขันธ์ 5 ของท่านมีอีกเยอะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสอนท่าน

หลวงพ่อหนุน ท่านเป็นพระที่ฤทธิ์มีอภิญญา ท่านสามารถรู้ความคิดคนอื่นได้ หรือทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า เจโตปริยญาณ ท่านรู้ภาษาสัตว์ รู้แม้กระทั่งในหินในดินมีของศักดิ์สิทธิ์อะไรอยู่ในนั้น เพราะตอนที่ท่านสร้างพระเนื้อรวมแร่ ท่านพาผมกับพี่โต้งไปดูก้อนหินที่ท่านวางไว้ข้างๆกุฏิ ท่านบอกในสมัยโบราณพระอรหันต์บ้างพระปัจกพุทธเจ้าบ้าง เวลาท่านจะนิพพานบางองค์ท่านก็อธิษฐานให้กระดูกของท่านกระจายไปอยู่ในก้อนหิน เพราะไม่ต้องการทิ้งทั้งร่างเดี๋ยวภายภาคหน้าคนจะเหยียบย่ำเดินข้ามจะเป็นบาป ท่านเล่าแล้วก็ทุบหินให้ดูข้างใน ชี้ลักษณะให้ดูว่านี่กระดูกพระปัจเจกพุทธเจ้า

เรื่องราวของหลวงพ่อจริงๆยังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมายเล่ากันจริงๆ 3วัน 3 คืนก็ไม่หมด ยิ่งสมัยท่านยังออกธุดงค์ด้วยแล้ว ที่ไหนที่อันตรายที่คนอื่นเข้าไปไม่ได้ท่านไปได้สบายเฉยเลย ขนาดในถ้ำที่ไม่มีอากาศหายใจ พระธุดงค์เข้าไปตายกันไม่รู้จักกี่องค์ ท่านยังหายเข้าไปเป็นนานสองนาน จนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยังบอกน่าจะเรียบร้อยไปอีกองค์แล้วแบบนี้ แต่พอหลวงพ่อเดินออกมาเจ้าหน้าที่ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ท่านออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่อาจารย์แก้วตอนแรกก็เข้าไปด้วย แต่ต้องหามกันออกมาเพราะไม่มีอากาศหายใจ แต่หลวงพ่อหายไปหลายชั่วโมง คิดดูเอาท่านหายใจโดยวิธีไหน

มาว่ากันด้วยการเสกพระของท่านบ้าง

ท่านบอกท่านใช้วิธีการเดียวกับหลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง โดยขึ้นไปอัญเชิญขอบารมีพระพุทธเจ้าที่แดนพระนิพพาน ท่านบอกท่านอัญเชิญพระพุทธเจ้าไม่รู้กี่แสนพระองค์ลงมาทำให้ ไม่ขลังให้รู้กันไป มาถึงตรงนี้คงเข้าใจกันดีนะครับถ้าเป็นสายศิษย์วัดท่าซุง ถ้าพระพุทธเจ้าท่านเสด็จ พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ตามเสด็จ พระอรหัต์สาวกท่านก็ตามเสด็จตามแม้แต่พรหมเทวดานางฟ้าทั่วสากลพิภพก็ต้องตามเสด็จ วัตถุจะไม่ขลังศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง ขนาดน้ำมนต์เพียงหยดเดียวหลวงพ่อท่านบอกยังคุ้มครองไปได้ทั้งชีวิต (แม้แต่ด้ายสายสิญจน์เคยคล้องคอแต่ขาดไปนานแล้วยังมีพุทธคุณตามรักษา) แล้วถ้าเป็นพระเครื่องวัตถุมงคลที่ท่านสร้างเองจารยันต์เองจะเป็นอย่างไร คิดเอากันเองละกันครับ


หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ
หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ
หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ
หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ
หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ
หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ

 

#ตุ๊พ่อเล่านิทาน

• สมัยโบราณ คนมีน้อยมีป่าไม้ลำธาร ห้วยหนองมากสัตว์มีมากตั้งแต่ช้างลงมา จนถึงสัตว์เล็ก ๆ เป็นที่สุด ผีป่าผีบ้านผีดิบมีมาก (ผีป่าผีที่อยู่ในป่า มีผีกองกอยเป็นต้น) ผีบ้านคือผีที่คนเซ่นไหว้ที่เรือนใครเรือนมัน ผีหอคือผีที่เขาสร้างหอไว้ให้ ทุกคนจะมาเซ่นไว้ร่วมกันตามเวลาที่นัดกันไว้

ผีดิบคือผีที่มาอยู่ในร่างของคนเป็น คือคนที่ยังมีลมหายใจมีชีวิตอยู่ ที่ทุกคนเคารพนับถือมากก็คือร่างทรงของเจ้าพ่อเจ้าแม่ ซึ่งสามารถติดต่อญาติที่ตายไปแล้ว ดูโชคชะตา เหตุธรรมชาติต่าง ๆ เป็นต้น

• ผีปอบ ผีกระสือ ผีม้าบ้อง ผีพง ผีพงจะมีฤทธิ์คือจมูกจะมีแสงไฟ ชอบไปหากินตามหนอง ตามท้องนา ไปยามดึกเมื่อคนหลับแล้ว ๆ ต้องรีบกลับก่อนจะสว่าง

การกินของเขาไม่เหมือนคน เขาจะจับกบจับปลา จับเขียด จับสัตว์ที่มีคาวทุกชนิดขึ้นมา แล้วจะเอาปากดูดเอาคาวที่สัตว์นั้นแล้วก็ทิ้งไป กลางวันก็ธรรมดา ไปวัดไปทำบุญไปร่วมงานทุกอย่างเหมือนกับคนทั้งหลาย

เขาเล่าว่ามีคนแก่ผู้ชายคนหนึ่งเป็นผีพง ไปหากินอยู่ในนาเพลินไปหน่อยพอสว่างก็มาไม่ได้ ร่างกายกลับเองก็ไม่ไหวไม่มีแรงอ่อนแอมากมาก คนทั้งหลายไปพบก็ไปช่วยนำกลับมา น่านับถือคนโบราณเขามีน้ำใจดีมาก ถึงจะรู้ทั้งรู้ว่าคนนั้นเป็นผีดิบเขาก็ไม่แสดงกิริยารังเกียจทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่กระซิบบอกให้ลูกหลานทุกคนว่า คนนั้นเป็นผีพง เป็นผีก่อนตายน่าสงสารมาก ๆ

• ถ้าลูกหลานทั้งหลายไม่อยากเป็นเช่นนั้นก็อย่าเป็นคนตะกละ ที่โบราณบอกว่าคนตะกะคือคนตายกั้นตายอยาก (คนที่อดอยากไม่มีอาหารกินทางโบราณว่ากั้น กั้นข้าวกั้นน้ำ คนตายอยากก็มีความหมายเดียวกัน)กินแบบคนที่หิวที่สุดกระหายที่สุด ชอบกินของดิบ ๆ กินดิบไม่แกงกินแดงไม่ต้ม จนมีจิตใจเป็นคนตะกละ เห็นน้ำเลือดเห็นเนื้อ เห็นวัวควายตัวเป็น ๆ อยากจนมีน้ำลายสอย้อยออกจากปากมา

• มีนักรบท่านหนึ่งเขาเล่าว่า ไปรบกับพวกยวนที่มาช่วยลาว พวกเขาผ่าเอาตับทหารญวนมากินไปหลายศพ พอมาอยู่บ้านเลิกรบแล้ว แต่ยังไม่ลืมรสตับญวน เห็นผู้ใดเหมือนญวนเขาจะเกิดน้ำลายสอเลย น้ำลายสอนี้ ทางภาษาล้านนาโบราณว่า เห็นลาบลู้จิ้นแดงปลาแดงแล้วน้ำกะย้อย น้ำลายสอทางเมืองเหนือว่าน้ำกะย้อย หรือผีสัตว์ที่กินไปแล้วจะติดตามอยู่กับเขาก็ไม่รู้ได้

ที่น่าสงสารที่สุด คือคนบางคนป่วยมาก ลุกขึ้นไม่ค่อยจะไหวแล้ว พอลูกหลานออกบ้านไปหมดแล้วก็ลุกได้ไปได้ จะรีบไปที่ห้องอาหารเอาอาหารสด ๆ มากิน กินแล้วก็ทำท่าป่วยมานอนอยู่ นานวันลูกหลานเห็นแบบนั้นแล้วก็ไปปรึกษาหมอผี ๆ บอกว่ามีผีสิงอยู่คงจะมาสิงอยู่ประมาณห้าปีแล้ว ถ้าไล่ออกไป แม่คุณก็จะตาย เพราะร่างกายภายในของแม่ถูกผีกินหมดแล้ว ทุกวันนี้ผียืมร่างหรือสิงร่างเพื่อจะได้กินอาหารต่อ เมื่อประชุมญาติแล้วเห็นสมควรให้หมอผีมาไล่ เมื่อหมอไล่ผีแล้วแม่ก็ตายจริง ๆ แต่ร่างกายเน่าเหม็นเร็วมาก ๆ

ผีตายเก่าเน่าเมิน เป็นผีที่หิวมากเหมือนกัน ผีพวกนี้ชอบมาอาศัยเด็กหากิน เด็กจะไม่ยอมหลับยอมนอนในเวลากลางคืน แต่จะงอแงขอกินนั้นกินนี้จนพ่อแม่รำคาญเพราะไม่ได้หลับได้นอน กลางวันก็ต้องไปทำงาน ถ้าเป็นแบบนี้ โบราณเขาแก้ไขโดยเอาข้าวปั้นกล้วยหน่วยน้ำหมากเมี้ยงมูลี (ข้าวปั้นคือคนโบราณทางชนบทจะนิยมกินข้าวเหนียวกัน ข้าวปั้นก็คือข้าวเหนียวปั้นนั่นเอง กล้วยหน่วยคือกล้วยน้ำหว้าหนึ่งลูก) อธิษฐานขอคุณพระช่วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย

ขอให้อาหารนี้เป็นอาหารทิพย์ ขอให้ผีที่ได้อาหารนี้ไปเป็นอาหารทิพย์ ได้ไปแล้วกินไปแล้ว ไม่มายุ่งกับเด็กผู้ใดต่อไปอีก ) แล้วเอามาอยู่ข้าง ๆ เด็กนั้น พูดกับผีว่าท่านผีที่อดอยากปากแห้งมานาน ที่มาอาสัยเด็กเป็นสะพานหากินนี้ บัดนี้ข้าพเจ้ามีอาหารทิพย์มาจะให้ท่านแล้วนะ ข้าพเจ้าจะให้ท่านที่นอกบ้าน ขอเชิญตามข้าพเจ้ามา แล้วก็ออกไปอยู่นอกบ้านบอกเขาต่อว่า ก่อนที่จะให้ขอสัจจะก่อนนะ จงให้สัจจะสัญญาว่าเมื่อได้อาหารนี้แล้วจะไม่มารบกวนเด็กที่บ้านนี้อีก

ผีก็มีสัจจะคนก็มีสัจจะ คนมีสัจจะว่าจะให้ก็ให้จริง ๆ ผีก็มีสัจจะจะไม่มารบกวนเด็กที่บ้านนี้ต่อไปอีก ก็ไม่มาจริง ๆ วางอาหารลงไปแล้วก็กลับเข้าบ้านไป ตามความเป็นจริง
บ้านใดเป็นสัมมาทิฏฐิ เคารพคุณพระรัตนตรัย เคารพบิดามารดา ชอบไหว้พระสวดมนต์ภาวนา คุณพระคุณเทวดาก็จะคุ้มครอง คนร้ายผีร้ายสัตว์ร้ายจะไม่มารบกวน ถ้าอธิษฐานเป็นภัยธรรมชาติก็จะไม่มาเหมือนกันเน้อ ฯ

เรื่องกล้วยน้ำหว้า คุณแม่จะฝึกให้ลูกที่เกิดมาใหม่ ๆ ฝึกกินกินอาหารครั้งแรกของชีวิต ด้วยข้าวที่คุณแม่เคี้ยวข้าวผสมกล้วยน้ำหว้า ห่อด้วยใบกล้วยเอาไปปิ้งไฟพอสุกดีแล้ว ก็เอาน้ำผสมให้พอดี ๆ เอาช้อนตักป้อนเข้าปากลูกน้อย เอาน้ำป้อนไปบ้างพอดี ๆ เด็กนอนหงายดิ้นกระเเด่ว ๆ กลืนไม่กลืนก็ไม่รู้ แต่เข้าท้องไปหมด คุณแม่ใช้วิธีเดา แค่นี้คงอิ่มนะ ฯ

พานขึ้นครู พานบูชาเทพ พานบวงสรวง ส่วนมากจะไม่ให้ขาดกล้วยน้ำว้าทุก ๆ ครั้งไป เพราะกล้วยน้ำว้าคือทุกส่วนของร่างกายของเรา พวกเราทั้งหลายมาฝึกลูกหลานของพวกเรา ให้มากินผลไม้ต่าง ๆ อันที่มีอยู่ในบ้านของเรา กล้วยต่าง ๆ มีกล้วยน้ำว้าเป็นต้นเน้อ ที่เราไปซื้อกินขนมต่าง ๆ น้ำต่าง ๆ มากินนั้นคงจะมีคุณค่าต่อร่างกายของคนเราน้อย พ่อค้าเขาจะเอาเงินจากเราก็จะทำให้อร่อย ๆ ไม่ห่วงผู้ใดทั้งนั้น

เคยมีข่าวบอกว่าทางการห้ามขายน้ำพริก ที่เป็นตลับขายอยู่เพราะเจ้าหน้าที่อนามัยมาตรวจดูแล้ว ใส่ผงชูรสมากเกินไป ผู้กินจะเจ็บป่วย ฯ บางอย่าง เด็ก ๆ กินแล้วฟันผุถึงกับต้องไปถอนฟันตั้งแต่ตัวยังเล็ก ๆ เลย เราดูแลลูกไม่ดีเลี้ยงลูกไม่ดี ก็เลยมีปัญหาตามมาเน้อ เคยออกทางทีวีนานมาแล้วบอกว่า ขนมเด็กที่ขายอยู่ ๒๗ ชนิด เป็นอันตรายต่อสุขภาพเด็ก ฯ ละมุดที่ทำความสะอาดดีผิวสวย ทางทีวีถามว่าคุณใช้โซดาไฟมาล้างละมุดคุณรู้ไหมว่าโซดาไฟให้โทษแก่ร่างกายของคน เขาตอบว่า ทำแล้วขายดี ฯ เขาเอาภาพส้มเขียวหวานที่เมืองจีนจะส่งเข้ามาขายที่เมืองไทย เขาใช้โซดาไฟมาก ๆ อยู่ในอ่างใหญ่ ๆ แล้วเอาส้มเขียวหวานจุ่มขึ้นจุ่มลงถึงสามครั้ง เขาทำเพื่อให้ผลไม้มี อายุอยู่ได้นานและขายง่ายเพราะผิวดี ฯ ต่อไปนี้ ตุ๊พ่อหรือตุ๊ปู่ก็จะได้ ขอบอกคาถาโบราณไว้ให้บทหนึ่งเน้อ คาถาบทนี้มีชื่อว่า คาถาตับขม ผู้ใดนำไปเสกอาหารให้เด็กกิน ผีจะไม่มากินเด็กนั้นเพราะผีส่วนมากก็มีนิสัยเหมือน ๆ คน คือชอบหวาน ของที่ขมขมไม่ชอบชอบแต่ของหวานหวาน ถ้าเด็กผู้ใดผู้ใหญ่เสกคาถาตับขมให้กินแล้วผีก็จะไม่ชอบเช่นกัน

เด็กคนหนึ่งป่วยบ่อย ๆ พ่อแม่ตั้งชื่อใหม่ให้ว่า ไอ้ ขี้หมา ตั้งแต่นั้นมาไม่ป่วยมีร่างกายดีจนถึงเวลาแก่ตายตามธรรมดา อยู่ในหมู่บ้านตำบลเดียวกัน ตุ๊พ่อถามเขาว่า ชื่อคุณลุงฟังไม่เพราะเลยทำไมไม่เปลี่ยน เขาหัวเราะเล่าเรื่องให้ฟังตามที่ว่ามา เขาว่าผีไม่ชอบนั้นดีแล้วถ้าเปลี่ยนชื่อใหม่ผีอาจจะชอบก็ได้ ขอใช้ชื่อนี้ไปตลอดจนวันตาย แล้วคุณลุงขี้หมาแห่งบ้านทุ่งยาวเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ก็ใช้ชื่อขี้หมานั้นไปตลอดชีวิต เฒ่าชราตายไปในชื่อว่า ป่ออุ้ยขี้หมานั้นแล ฯ ลูกหลาน คนทั้งหลายในสมัยนี้ ชอบเปลี่ยนชื่อบ่อย ๆ มากจนจำไม่ได้ เวลาติดต่อต้องถามแล้วถามอีก

เมื่ออดีตที่ผ่านมาประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๐ ตุ๊พ่อเห็นตำราตั้งชื่อ อักษรแต่ตัวจะมีคุณภาพไม่เหมือนกัน มีเดช ศรี กาละกิณี บริวารเป็นต้น ได้เข้าขอความกรุณา ขอองค์หลวงพ่อตั้งชื่อใหม่ให้ ฯ องค์หลวงพ่อบอกว่า ไม่ต้องเปลี่ยน คนเรานั้น ชั่วดีไม่ได้อยู่ที่ชื่อ คนที่ชื่อบุญแต่ทำแต่บาปก็มี คนที่ชื่อมี แต่เงินทองข้างของไม่มีก็มี คนที่ชื่อ ทองแต่ไม่เคยมีทองเลยก็มี ให้อาจารย์ทำไปตามคำสอนขององค์พระพุทธเจ้า ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำความดีทุกอย่าง ทำใจให้ผ่องใส ชื่ออะไรก็ตามทำตามนี้มีความสุข ถ้าไม่ทำตามนี้ก็จะมีความทุกข์ ตุ๊พ่อเลยมีชื่อตั้งหลายชื่อ ตามธรรมชาติที่เขาตั้งกันมา ฯ

ทางเมืองเหนือเมื่อเป็นเด็กผู้ชายเขาก็จะเรียก ไอ้ ฯ และต่อยอดไปเรื่อย ๆ ตามที่ว่ามาในของคนเราทั้งหลาย อย่างเช่นเด็กชาย นาย คุณพ่อ คุณลุง คุณปู่ฯ ตุ๊พ่อสิงห์ วิสุทโธ ก็ได้รับตำแหน่งทางโลกอย่างยุติธรรมยิ่งตั้งแต่ต้นมาตามลำดับ ถ้าหลานมีลูกก็เป็นหลวงปู่ ถ้าลูกของหลานมีลูกก็จะได้เป็นพ่อทวด ทางเมืองเหนือคือพ่อหม่อนเน้อ

คาถาตับขมเป็นคาถาเมืองเหนือ ภาษาเมืองเหนือจะแข็ง ภาษาเมืองใต้จะนุ่ม เช่น เมืองเหนือว่า กิ๋น เมืองใต้ว่ากิน เมืองเหนือว่า ก๋า เมืองใต้ว่า กา จะเขียนเป็นภาษาเมืองเหนือก่อนเน้อ

“คาถาตับขม : ตับปะ ตับป๋า ตับป๋า สิริ ตับป๋าสิริง ตับปิ๋ง ตับปะ ฯ “

ภาษาภาคกลางคงจะเป็นดังนี้

“ตับปะตับปา ต้บปาสิริ ตับปาสิริง ต้บปิงตับปะ ฯ “

เมื่อโลกเรากำลังมีโรคร้ายกำลังขยายตัวไปทั่วแบบนี้ จะทดลองใช้เสกอาหารให้เด็ก ๆ กินบ้างก็คงจะดีนะ ฯ ตำราองค์หลวงพ่อวิธีป้องกันไว้ก่อน ก่อนที่ภัยจะมาถึง เวลาทานข้าวคำแรกให้ภาวนาว่า พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาสสันติ ฯ ข้าวคำที่สองให้ภาวนาว่า พุทธังมัดจิต ธัมมังมัดใจ โรคทั้งหลาย วินาสสันติ ฯ ข้าวคำที่สามให้ภาวนาว่า ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตตัง ชานามิ ชานามิ ฯ วัตถุมงคลต่าง ๆ วิธีการต่าง ๆ ที่องค์หลวงพ่อให้ ก็พยายามนำมาใช้ตอนนี้เน้อ ทางฝ่ายปรโลกเขาทำเช่นนี้ก็คงจะดีกว่า เขาจะรบกัน ถ้าเขารบกัน พังระเนระนาด คนเราก็คงจะทุกข์มากกว่านี้ เมื่อต่างฝ่ายต่างบอบช้ำแล้ว คงจะรบกันช้าไปอีกหน่อย ถ้าเขาจะไม่รบกันเลยก็ดีที่สุด แต่ในเมื่อไฟคือโลภภะ ราคะ โทสะ โมหะ ที่ทุกคนยังมีอยู่ ฯมันก็ ก็คงจะเป็นธรรมดาของโลกแบบนี้ ก่อนเราเกิดโลกเขาก็เป็นแบบนี้ ก็เป็นแบบนี้ ฯ เมื่อเราเกิดมาแล้วก็เป็นแบบนี้ ฯ เมื่อเราตายไปแล้วโลกก็เป็นแบบนี้ ฯ คืออนิจจะตาความเป็นของไม่เที่ยง ทุกขะตาความเป็นทุกข์ อนัตตะตาความเป็นของไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ฯ ที่ไม่มีปัณหาใด ๆ ดีที่สุดก็คือพระนิพพาน ฯ

พวกเราทั้งหลายมาทำตามคำสอนขององค์หลวงพ่อกันเถิดนะ พยายามจะไม่ทำความชั่ว ฯ จะพยายามทำแต่ความดี ฯ พยายามจะทำจิตให้ผ่องใส ฯ จะพยายามไปอยู่กับองค์หลวงพ่อที่พระนิพพานกันเน้อ

มีพระไตรรัตน์เป็นที่พึ่ง หมั่นรำพึงถึงความตาย รักษาศีลไม่ให้ขาดหาย ชาตินี้ถ้าตาย ขอไปนิพพานแห่งเดียวเน้อ ขอ ให้ผู้เล่าผู้อ่านทุก ๆ ท่าน จงมีกำลังกายดี มีกำลังปัญญาดี มีกำลังทรัพย์ดี มีกำลังคนดี จะทำการงานสิ่งใด ก็ขอให้สำเร็จ ๆ ได้โดยง่ายเน้อ

ขอเจริญพร

ตุ๊พ่อพระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ
วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน
๒๑ มีนาคม ๒๕๖๓

ที่มา เสียงธรรมจากถ้ำป่าไผ่

หนังสือเล่มเล็กเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อ

 

ขออนุญาต คัดมาจากเวบ พันทิพครับ
เพื่อเผยแผ่ ความจริง บุญบารมี พระเจ้าตากสินมหาราช ครับ

10ข้อที่คนมักไม่รู้ พระเจ้าตาก วัดเขาขุนพนม ตามรอยที่สุดท้ายของพระเจ้าตาก กู้ชาติ ความจริงที่เจ็บปวด
กระทู้สนทนา
ชีวประวัติบุคคลประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ไทย
สวัสดีครับวันนี้มา พูดฟังเรื่อง ร้าวที่จริง หรือไม่จริง โปรดใช้วิจารณญาณในการชม

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังจากสงครามได้มาบวชที่วัดเขาขุนพนม ตามที่ชาวบ้านได้เล่าต่อกันมา ที่ โบสถ์มหาอุต เป็นวัดที่พ่อเถ้าพ่อแก่ได้สร้างไว เก่าแก่มากไม่รู้ว่าสร้างเมื่อไร เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นสถานที่ปิดวาจา มีถ้ำเป็นร้อย ตั้งอยู่ที่ ตำบล บ้านเกาะ อำเภอ พรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช 80320

1.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังจากสงครามได้มาบวชที่วัดเขาขุนพนม ตามที่ชาวบ้านได้เล่าต่อกันมา ที่ โบสถ์มหาอุต เป็นวัดที่พ่อเถ้าพ่อแก่ได้สร้างไว เก่าแก่มากไม่รู้ว่าสร้างเมื่อไร เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นสถานที่ปิดวาจา มีถ้ำเป็นร้อย ตั้งอยู่ที่ ตำบล บ้านเกาะ อำเภอ พรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช 80320
2.ครั้งหนึ่ง พระเจ้าตากสินได้เอากำลังพลมาจากที่นี้ไปกู้ชาติ
แต่พระสมภารที่นี้วาจากศักดิ์สิทธิ์เอาไปไม่ได้ พระเจ้าตากเลยขอเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านเลยให้กำลังพลไป ถ้าชาติไม่มีศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร เป็นคำพูดของพระเจ้าตาก พระเลยบอกว่าถ้ากู้ชาติได้เมื่อไรก็ค่อยมาเป็นสิทธิ์ท่าน เพราะท่านเป็นคนมุ่งมั่น มีความฉลาด
3.พระเจ้าตาก ได้ทรงสับเปลี่ยนพระองค์กับพระญาติหรือทหารคนสนิท แล้วเสด็จมายังนครศรีธรรมราช มีการเตรียมการ โดยมีการสร้างป้อมปราการ ทำเชิงเทิน ป้อมวงกลมตามชะง่อนผาเพื่อให้พระเจ้าตากสินได้ประทับเมื่อทรงผนวช
เจริญวิปันสนากรรมกรรมฐาน ณ วัดเขาขุนพนมจนเสด็จสวรรคต
4.เหตุผลที่ท่านได้มาอยู่ที่นี้ เพราะท่านได้สัจจะวาจาไวกับครูบาอาจารย์ไว เราจะมาเป็นศิษย์ที่นี้ เราจะมาปฎิบัติ
แล้วมาวางดาบ วางทุกอย่าง วางหัวโขนของเราไวที่นี้ ไวข้างหลังนั้น พระเจ้าตากไม่เคยโดนทำร้าย ไม่ได้โดนบังคับ
จะมีสักกี่พระองค์ที่ยอมอยู่ในที่แบบนี้ คำสุดท้ายที่ได้บอกเรา ท่านได้ให้คำสัญญาว่า ถ้าท่านรวมคนไทย เป็นปึกแผ่นได้ ท่านจะคืนอำนาจแก่ผู้ที่สมควรจะได้รับ ดังนั้น
ท่านเคยสัญญาไวว่าถ้าเราได้รวมอำนาจให้เป็นหนึ่งเดียว ท่านจะยอมวางมือและยกคืนให้กับผู้สมควรที่จะได้รับ ท่านได้สัจจะวาจาไว้แบบนั้น
5.สิ่งที่เราสงสัยเป็นเช่นนั้นเหละ ท่านได้ยินเสียงปืนใหญ่ 3 นัด ท่านจึงฝ่าวงล้อไป มีม้าไว
ตอนนั้นท่านอยู่นอกเมือง มีคนนำสารมาให้ เป็นราชองค์การ
ท่านได้บอกว่า ลูกดูพ่อเป็นตัวอย่าง ทรัพย์สินสมบัติ ชื่อเสียงลาบยศ ไม่ได้ทำให้เรามีความสงบสุข
ความสุขไม่ได้อยู่กับสิ่งเหล่านั้น แต่อยู่ที่ใจของเรา
ถ้าเราวางทุกอย่างให้เป็น และรู้จักให้ รู้จักรัก
รักด้วยใจที่อยากจะให้ นั้นคือความสงบสุขอันแท้จริง
ถ้าลูกมีทุกอย่างให้มากแค่ไหน ลูกรู้จักว่าง ทุกอย่างมันจะเป็นแค่โมฆะ

6. มีคนล่วงท่านไปตาย ตอนไปตีเมืองจัน
เพราะเจ้าเมืองจัน สนใจแต่นารี สัมมะเลเทเมา
ชาวเมืองจันดีใจ ที่พระเจ้าตากไปตีเมืองจัน
เพราะชาวเมืองไม่ชอบเจ้าเมือง เพราะไม่อยู่ในศีลในธรรม
ท่านบอกว่ากายทิพย์ของท่านนี้
ท่านรอพระเจ้าองค์สุดท้าย จุติบนโลก

และท่านจะได้กราบเข้าเฝ้า เพื่อบันลุ ประณิธาน
อย่างที่ท่านตั้งใจ ดังนั้นสิ่งที่ท่านอยู่ตรงนี้
ท่านไม่ได้อยู่เพื่อสูญเปล่า แต่ท่านชักชวนให้ลูกหลาน ทุกคนที่หลงผิด
ได้กลับตัวกลับใจ ท่านดลจิตดลใจ ลูกหลานของท่าน
ตามค้นหาท่าน เพื่อจะได้รู้ถึงสิ่งที่ทานปราณนา ว่าความสงบแท้จริงแล้วคืออะไร มันไม่ใช่ลาบยศ สรรเสริญ แต่มันคือการบันลุ
7.ป้อมปืนใหญ่ที่มีอยู่นั้น เป็นที่ท่านเจ้าเมืองมาพัก เมื่อก่อนมีทหารมาคอยดูแล พระเจ้าตากบำเพ็ญเพียรภาวนา
บนถ้ำข้างบน เพื่อจะได้ส่งสัญญาน เวลาเกิดมีภัยอะไรเกิดขึ้น พระทรงกู้ชาติ ยกแผ่นดินถวายเป็นพุทธบูชา
ท่านบอกว่าคนไทยไม่รักกัน ท่านเสียใจ สิ่งที่กูทำ มันคืออะไร ตอนนี้พ.ศ.นี้ คนไทยในตอนนี้
จะหมือนคนไทยในตอนที่ท่านกำลังกอบกู้
เป็นเหมือนตอนนั้นเลย ต่างคนต่างพวก
พวกพ้องใครพวกพ้องมัน กูไม่เป็นคนไทย กูจะฆ่าคนไทยกันเอง กูจะเอาทรัพย์สินไทย
จะเอาแผ่นดินไทย เป็นของกู คนนี้ก็จะเอา คนโน้นก็จะเอา จะมีคนไทยยสักกี่คนที่จะรวมไทยให้เป็นไทย ย้อนไป 250 ปี
ทหารที่รับใช้พระเจ้าตาก ยอมเสียหัวเพื่อปกป้องท่าน เป็นลักษณะ หัวขาดยืนถือหัว ช่วยกันยกบุญให้ท่านด้วย
เป็นทหารที่ยอมพรีชีวิต เพราะไม่ยอมเป็นบ่าว 2 นาย มีจำนวนกว่า 200-300 ท่านที่โดนตัดหัวขาด จิตของท่าน
ผูกกับพระเจ้าตาก พระเจ้าตากไม่อยากให้ส่งบุญอะไรให้ท่าน
เพราะมีคนที่ท่านฆ่า ตามท่านอยู่ ด้านล่าง แต่อยากให้ส่งบุญแก่ทหารของท่าน และท่านอยากให้ทำความดีถวายท่านมากกว่า
8.ที่นี้เป็นที่บูชา พญา นาคราช ที่นี้มีงูบองหล่า งูจงอ้าง
มีหงอนสีดำ สีขาว อยู่ที่นี้ ใครมานั้งสมาธิก็จะเห็น
ใครมีบุญสัมพันธ์ และที่จัดตั้งจุด บูชาพญานาค เป็นลักษณะ ของการนิมิตร มีคนมาตัดเคียรพระ
เพราะนึกว่ามีของดีอยู่ในพระ ในถ้ำมีองค์พระ มีรอยจารึกรอยเท้าฝาพระบาท มีการเก็บเถาถานอัฐฐิท่าน ที่วัดประดู่ ในเมือง และที่นี้เหมาะแก่การนั้ง สมาธิที่สุด 1 ที่เลย
ถ้ำเหวตากฟ้า คือถ้ำที่มีพยานาค มีประตูที่คอยดู
ส่งของอาหารช่วงที่พระเจ้าตาก ได้เสวยบำเพ็ญศีล
ที่นี้คือ เมืองลับแล และที่อยู่ของพยานาค เป็นถ้ำขนาดใหญ่ เป็นที่ที่ต้องมาให้ได้
9.ถ้าใครนั้งสมาธิคนเดียว ก็จะหายไปเลย เมืองลับแล
คือเมืองที่ซ้อนโลกคู่ขนาดอยู่ ชาวบ้านเรียกถ้ำนางชี
มีแม่ชีมานั่งปฎิบัติ มีผา ระบายอากาศได้ สามารถมองเห็นด้านล่างได้
มีความปลอดภัย ทหารยาม คอยเฝ้าดูแลอยู่ด้านล่าง ถ้าหากมีศัตรู ขึ้นมา พระเจ้าตากสินเลือกที่มาบำเพ็ญ ที่นี้
ท่านนั้งสมาธิทุกวัน ท่านทำวัตรเช้า วัตรเย็นทุกวัน อยู่ในถ้ำที่มีเหวลึก ที่นี้เป็นถ้ำมหาอุต มีทางเข้าทางออกแค่ทางเดียว ทำให้ความเป็นอยู่ ที่ปลอยภัย
มีพระท่าน 1 มานั้งสมาธิ แล้วเห็นเป็นลำแสง ทอดไปด้านบน พอขึ้นไปดู มีเป็นห้องโถง เก็บพระเก่าโบราณ และเก็บไวในกรมศิลป์ เป็นของเขาวัดเขาพนม
10.สิ่งที่ท่านทำ ท่านต้องการทบทวนสิ่งที่ท่านผ่านมา ท่านทำบาป โดยการฆ่าคนมาเยอะ ท่านเลยขังตัวเองไวในที่แห่งนี้ เพื่อทบทวนจิตใจ ดูลมหายใจ และทบทวนการเป็นตัวเอง
ถือว่านี้เป็นประวิติศาสตร์ นอกตำรา
อ้างอิงจากอาจารย์ เรนนี่ โปรดใช้วิจารณญาณในการชม ในการรับชม

อันตัวพ่อชื่อว่าพญาตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติ
พระศาสนา ทวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา
แด่ศาสนา สมณะ พุทธโคดม
ให้ยืนยง คงถวน 5 พันปี สมณะพรามซี
ปฏิบัติ ให้พอสม เจริญ สมถะ วิปัสสนา
พ่อชื่นชม ถวายบังคม แพร่บารต
พระศาสดา คิดถึงพ่อ พ่ออยู่คู่กับเจ้า
ชาติของเรา คงอยู่
คู่พระศาสนา พระพุทธศาส
อยู่ยง คู่องค์ กษัตริย์ตรา
พระศาสดา ฝากไว ให้คู่กัน

หากพูดอะไรผิดไป ขอกราบขออภัยด้วยครับ

https://pantip.com/topic/39581524

 

#อิสลามโยนหินถามทางเพื่อล้มศาสนาพุทธ
(โดย... พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.)

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้เรื่องร้อนแรงในวงการศาสนา (เหตุการณ์ข่าว โต ซิลลี่ ฟูล ลั่น "ไม่กราบรูปปั้นเพราะมันต่ำ" จากการพูดคุยในประเด็นเรื่อง “ทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้นเหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ” เมื่อวันที่ ๓๐ มี.ค. ๖๑) ก็คือเรื่องของบังโต ชื่อจริงชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่เห็นเขาเรียกกันในวงการคือ โต ซิลลี่ฟูล ก็ซิลลี่ฟูลจริง ๆ

#เขาวิจารณ์ว่าพระพุทธรูปเป็นของต่ำกว่าเขา เขาว่าอย่างนั้น เรื่องนี้อาตมาขอยืนยันว่า #เป็นความคิดของคนอิสลามเกือบทั้งหมดเลย #เขาจะเห็นว่ารูปเคารพของศาสนาอื่นเป็นของต่ำ ถึงขนาดที่ว่าถ้าเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่นั้นจะต้องลงนรกเลย ดังนั้น...สิ่งที่บังโตแสดงออก คือ #การแสดงออกแทนความคิดของคนอิสลามเกือบทั้งหมด #ว่ามีการเหยียดหยามศาสนาอื่นเป็นปกติ #มีแต่อิสลามมิกชนเท่านั้นที่ดีเลิศประเสริฐศรี อย่างอื่นไม่ใช่

แม้แต่จุฬาราชมนตรีออกมาทักทวง เขาก็บอกว่า ถ้าจุฬาราชมนตรีบอกว่าผิด เขายอมรับว่าผิดก็ได้ นี่ไม่ได้แปลว่าเขายอมรับผิด แต่เขาบอกว่า “เขายอมรับผิดก็ได้” ก็คือจุฬาราชมนตรีซึ่งถือว่าเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนาเขาเป็นคนบอก ไม่ใช่เกิดจากการสำนึกผิดด้วยตัวเอง

ส่วนประการที่สองก็คือ จุฬาราชมนตรีออกมาพูดลักษณะนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะเป็นคนดี หากแต่ท่านเห็นว่าสถานการณ์ร้ายแรง แล้วมีผลเสียต่อศาสนาอิสลาม ท่านถึงต้องออกมาพูด อาตมาขอยืนยันว่า #พวกอิสลามตีสองหน้ากับเรามาตลอด ด้านหนึ่งก็คือทำตัวว่าเป็นคนดี ตีกินทุกรูปแบบ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือแอบพยักหน้าให้ลูกน้องทำอะไรก็ได้ ที่ทำให้ศาสนาพุทธอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้น...เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดจาก “การโยนหินถามทาง” คืออยู่ในลักษณะที่ว่าให้บังโตออกมาพูด #ถ้าไม่มีใครออกมาเอ่ยปกป้องพุทธศาสนาเลย #ก็แปลว่าเขาทำการยึดครองได้แล้ว #เพราะว่าคนไทยไม่หวงแหนศาสนาพุทธ ไม่ปกป้องศาสนาพุทธ แต่พอมีปฏิกิริยาโต้กลับมาอย่างรุนแรง ก็รีบออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ หงายไพ่ในลักษณะที่ว่า อิสลามสอนให้ทุกคนเป็นคนดี นั่นเป็นบุคคลเพียงคนเดียวที่ทำลักษณะอย่างนั้น ซึ่งเป็นการตีกินทั้งขึ้นทั้งล่อง ก็คือโยนหินถามทาง ถ้าไม่สำเร็จก็ถอย ถ้าสำเร็จก็รุกขึ้นหน้า"

ถ้าเราสังเกตคำพูดของจุฬาราชมนตรีจะเห็นว่า คำพูดทั้งหมดอ้างหลักการศาสนาอย่างเดียว ไม่มีการตำหนิว่าบังโตทำผิด ถ้าเป็นเราต้องระบุชัดเจนเลยว่า นายโต ซิลลี่ฟูล ทำผิดต่อศาสนาพุทธ จะต้องขอขมา จะต้องขอโทษต่อสังคม แต่นี่ไม่มี บอกอย่างเดียวว่าหลักการอิสลามว่าอย่างนี้ ๆ บังโตไปทำอีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้ตำหนิบังโตโดยตรงเลย

เราจะไปคิดว่าศาสนาอิสลามมีคนดีอยู่ #อาตมายืนยันว่าคนดีในอิสลามตายหมดนานแล้ว ปัจจุบันนี้ที่มีเหลืออยู่คือ #จะยึดประเทศไทยเป็นที่ตั้งของศาสนาอิสลามให้ได้ ซึ่งเรื่องพวกนี้ถ้าเรานิ่งนอนใจอยู่ ปล่อยให้เขาตีกินไปเรื่อย เราจะเดือดร้อนกว่าที่คิด

เพราะว่าทุกวันนี้อิสลามมีแค่ประมาณ ๑๐ ล้านคน ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศก็เป็นของเขาไปจะหมดอยู่แล้ว ถ้ามีมากกว่านี้อาตมารับประกันว่า #จะต้องมีการกำหนดให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติไทยในระยะเวลาอันไม่นาน

ตอนนี้ สนช. ๘๔ คน เป็นอิสลามชัด ๆ ๖๓ คน..! กฎหมายทุกอย่างที่ออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ ก็เพื่อเอื้อประโยชน์แก่อิสลาม พยายามลากการอยู่ในอำนาจของ คสช. ออกไปให้ยาวนานที่สุด เพื่อที่ตัวเองจะได้กำหนดในสิ่งที่ได้เปรียบที่สุดในการยึดครองประเทศของเรา เรื่องพวกนี้ถ้าคนไทยไม่ตื่นขึ้นมาปกป้องศาสนาพุทธ ปกป้องประเทศไทย #เราจะต้องเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในไม่ช้า

อาตมาก็ได้แต่หวังว่าคนไทยควรที่จะได้สติเสียที โดนเขายุให้ทะเลาะแบ่งแยกสีกันมา แม้กระทั่งอาตมาที่เพิ่งลงไปปักษ์ใต้ ไม่นึกเลยว่าความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในใจของคนใต้จะรุนแรงขนาดนั้น ญาติโยมมาบ่นกับอาตมาว่า ตอนนี้ยากจนเหลือเกิน ยางราคาตก แทบจะไม่มีข้าวกินแล้ว อาตมาก็บอกว่า อยากให้ยางราคาดีก็เอานายกฯ ทักษิณกลับมาสิ เขาสวนกลับมาเดี๋ยวนั้นเลยว่า ถ้าเอาทักษิณกลับมา เขายอมอดตายดีกว่า..!

นี่คือสิ่งที่เขาปลูกฝังความเกลียดชังไว้ในใจของคนไทย จนกระทั่งไม่สามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้น...อย่าไปหวังเลย คำพูดสวย ๆ ของ คสช. ที่ว่า มาเพื่อปรองดองสมานฉันท์ ตั้งแต่ต้นที่ยึดอำนาจไปจากคนไทยมาจนถึงบัดนี้ มีอะไรที่ทำแล้วอยู่ในลักษณะปรองดองบ้าง ? เราลองไปศึกษาดู

อาตมาเป็นพระไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อยู่รอบนอกแท้ ๆ ยังเห็นมากขนาดนี้ คาดว่าญาติโยมที่อยู่วงในน่าจะเห็นมากกว่านี้ #สิ่งนี้คือความจริงที่ปรากฏอยู่ในสังคม และอาตมาจำเป็นที่จะต้องบอกกล่าวให้ญาติโยมได้รู้กันไว้ เมื่อถึงเวลาจะได้รู้ว่า มีคนบางประเภทที่ไม่ใช่คนดี แต่แอบอ้างว่าเป็นคนดี แล้วมายึดอำนาจในมือของเราไป เสร็จแล้วก็ไม่ยอมคายอำนาจคืนมา เพราะว่าต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับคนของตัวเองให้มากที่สุด

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา เราไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เกิดจากการกระทำด้วยความเขลาของบังโตเป็นการส่วนตัว หรือว่าได้รับสัญญาณจากใครพยักหน้าให้ทำ เพื่อที่จะดูปฏิกิริยาของคนไทย เมื่อคนไทยมีปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรง ก็รีบออกมาเบรกไว้ พูดในลักษณะตีกินว่าอิสลามจริง ๆ แล้วเป็นคนดี

ถ้าหากว่าเป็นคนดีจริง #พระพุทธรูปที่บามิยันก็คงไม่โดนถล่มจนแหลกหมด ถ้าหากว่าเป็นคนดีจริง #เวลาที่ขึ้นเป็นผู้นำในหน่วยงานก็คงจะไม่ย้ายพระพุทธรูปออกจากหน่วยงานจนหมด แต่นี่เขาไม่เคยเกรงใจเราเลย พอศาสนาอื่นสะกิดอิสลามเข้าหน่อย ก็ถึงขนาดมีการวางระเบิด มีการไล่ยิงไล่ฆ่ากันทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่พอคนของตัวเองออกมาทำในสิ่งที่เหยียดหยามศาสนาอื่นบ้าง แม้กระทั่งตักเตือนด้วยการออกชื่อตรง ๆ ก็ไม่มี ตำหนิตรง ๆ ก็ไม่มี มีแต่บอกว่าหลักการศาสนาเป็นอย่างนี้เท่านั้น

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ให้พวกเราไปพิจารณากันเองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมของเราในขณะนี้นั้นเป็นเพราะอะไร ?
=======================================
ที่มา: กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๑

************************************************
อ่านเพิ่มเติมเรื่อง... (คลิ๊กที่ลิงก์เพื่ออ่าน)

ปัญหามุสลิมในบ้านเรา


อิสลามโยนหินถามทางเพื่อล้มพระพุทธศาสนา


ไส้ศึกทำลายพระพุทธศาสนาจากแก่นกลาง ๑


ไส้ศึกทำลายพระพุทธศาสนาจากแก่นกลาง ๒


อวดอ้าง "พุทธวจน" ตั้งเพจ บิดเบือนพุทธวจน เรื่อง "เดรัจฉานวิชา"


แก้ปรัปวาท เพจบิดเบือน "พุทธวจน" เรื่อง "เทวดา"
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/134053832573907/

แผนทำลายพระพุทธศาสนาโดยอ้าง "พหุวัฒนธรรม"
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/133249079321049/

แผนทำลายพระพุทธศาสนาโดยใช้สื่อ
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/127626879883269/

*

รวมบทความเปิดโปงพฤติกรรม หงายธรรมที่บิดเบือนของผู้อวดอ้าง "พุทธวจน"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=125603273418963&id=106333578679266

รวมบทความเรื่อง" น้ำพระพุทธมนต์" ในพระพุทธศาสนา ที่พวกนอกรีตของกล่าวหา
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=131550842824206&id=106333578679266

วิบากกรรมของผู้อวดอ้าง “พุทธวจน"
แล้วปรามาสพระสงฆ์อยู่เป็นอาจิณ
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/130156546296969/

*

✨️"วิธีพิทักษ์พระพุทธศาสนา"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=117281390917818&id=106333578679266

*

รวมบทความเรื่อง "แก่นธรรมแห่งพระพุทธศาสนา"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=133448072634483&id=106333578679266

*

"กราบพระพุทธรูป กราบทำไม?"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=111897844789506&id=106333578679266

"พระพุทธศาสนาคือต้นตำรับในการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=120247163954574&id=106333578679266

"การต่ออายุที่พระพุทธเจ้าได้ทรงกระทำเอง"
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/120578707254753/

"พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเทวดาตลอดกาล"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=121242113855079&id=106333578679266

"เทวดามีจริงหรือ..?"
https://www.facebook.com/106333578679266/posts/108625361783421