ลำดับ ขั้น ตอน การ ทำความ สะอาด ห้องนอน

พอคิดว่าต้องทำความสะอาดห้องทีไร ดูยุ่งยากจนพาลให้ขี้เกียจทุกที แต่จริงๆ แล้วเป็นขั้นตอนที่ง่ายและรวดเร็วกว่าที่คุณคิด! แค่เปิดเพลง จดรายการที่ต้องทำ ให้รางวัลตัวเองหน่อย แล้วการทำความสะอาดห้องจะกลายเป็นเรื่องสนุกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ให้เริ่มจากงานใหญ่งานยาก แล้วค่อยลงรายละเอียด เช่น ปัดกวาด เช็ดถู และดูดฝุ่นให้ทั่วทุกพื้นผิว รู้ตัวอีกทีห้องคุณก็สะอาดเอี่ยมอ่องอย่าบอกใคร

เปิดเพลงที่ฟังสนุก ชวนโยกย้าย. ก่อนเริ่มงาน ให้เปิดเพลงจากอัลบั้มหรือ playlist ที่ฟังทีไรใจมันฮึกเหิมมีพลัง เพลงจังหวะมันๆ นี่แหละ ที่ช่วยให้คุณมีแรงทำความสะอาด อย่าพยายามเลือกเพลงช้า สโลว์ซบ เพราะจะกลายเป็นช้า เฉื่อยชา หมดแรงซะก่อน[1]

เคล็ดลับ: ถ้าไม่รู้จะฟังเพลงไหนดี ให้หา playlist สนุกๆ มันๆ ได้จากในเน็ต จะเป็น YouTube, Spotify, Apple Music หรือ Pandora ก็มี playlist โดนๆ ไว้เปิดฟังตอนจัดห้องแน่นอน

1. 

   1

   ตั้งรางวัลให้ตัวเอง ไว้ดึงดูดใจให้ทำความสะอาดได้ตลอดรอดฝั่ง. เป็นแรงจูงใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ยิ่งทำงานเสร็จเร็วยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่าถ้าเราทำความสะอาดเสร็จ จะให้รางวัลตัวเองเป็นอะไรดี อาจจะไปเที่ยวกับเพื่อน ดูหนังกับที่บ้าน กินไอศครีมถ้วยใหญ่เบิ้ม หรืออ่านหนังสือที่ดองไว้ตั้งแต่สัปดาห์หนังสือครั้งที่แล้วก็ได้[2]

   • แต่อย่าทำความสะอาดลวกๆ ให้เสร็จเร็วๆ เพราะหวังรางวัลอย่างเดียวล่ะ!

2. 

   2

   ทำความสะอาดให้เหมือนเล่นเกม จะได้ไม่เบื่อ. ถ้ามีปัญหาเรื่องแรงจูงใจให้ทำความสะอาดห้องตัวเอง ก็เพิ่มความน่าสนใจโดยทำเป็นเกมซะเลย เช่น ดูสิว่าจะเก็บห้องได้มากแค่ไหนใน 10 นาที จากนั้นก็พยายามทำลายสถิติตัวเองดู หรือทำตัวเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาดซะเลย อย่าลืมทำท่าทางและเสียงให้สมจริงด้วยนะ อีกตัวเลือกคือจับเวลาไว้ แล้วดูว่าจะทำความสะอาดได้เร็วแค่ไหน[3]

   • ใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ เอาที่ชอบเลย!

3. 

   3

   ทำ checklist ของขั้นตอนต่างๆ ในการทำความสะอาด จะได้รู้ว่าหลงลืมอะไรไป. checklist หรือรายการที่เอาไว้ติ๊ก/ขีดฆ่าหลังทำเสร็จ ช่วยได้เยอะเรื่องไม่หลงลืมอะไรไประหว่างขั้นตอน และรู้สึกดีว่าทำเสร็จไปอีกอย่าง เห็นความคืบหน้าชัดเจน เลือกเลยว่าจะจัดของทำความสะอาดห้องด้วยขั้นตอนไหนบ้าง แล้วเรียงลำดับความสำคัญ จากเรื่องใหญ่ไปหาเรื่องเล็ก พยายามระบุให้ละเอียดที่สุด จะได้ทำครบถ้วนทุกขั้นตอน[4]

   • อันไหนทำแล้วก็ติ๊กหรือขีดฆ่าไป จะได้เห็นความคืบหน้า และรู้ว่ายังต้องทำอะไรต่อไป

   โฆษณา

ถ้าจัดตารางสิ่งที่ต้องทำสำหรับทั้งอาทิตย์ จะไม่อัดแน่นเกินไป. ถือเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าห้องใครรกเป็นพิเศษ จนทำรวดเดียวจบไม่ไหว ให้ระบุไปเลยว่าวันไหนจะทำอะไร จะได้ทำความสะอาดไปตามตารางเวลา ที่สำคัญกว่าคืออย่าขี้เกียจ พยายามยึดตามที่วางตารางไว้[5]

ตัวอย่าง: วันจันทร์ คัดแยกเสื้อผ้า วันอังคาร กำจัดขยะและจัดของ และวันพุธ ปัดกวาด ดูดฝุ่น

1. 

   1

   ย้ายทุกอย่างออกจากเตียง และเก็บที่นอน. จัดเตียงแล้วบอกเลยว่า ห้องจะดูสะอาดขึ้นเยอะมาก แค่นี้ก็เหมือนสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ทำให้มีกำลังใจทำความสะอาดต่อไป ให้ย้ายทุกอย่างไปจากบนเตียง โดยกองรวมกันไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง จากนั้นดึงผ้าปูที่นอนให้ตึง สอดเก็บปลายให้เนี้ยบๆ ปูผ้าห่ม แล้วจัดวางหมอนที่ด้านบนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย[6]

   • ถ้ายังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ให้เอาผ้าปูที่นอนเก่าใส่ตะกร้าผ้า แล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ เท่านี้เตียงก็หอมสะอาดเป็นพิเศษ

แยกผ้าที่เอาลงมากองไว้. หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาทีละชิ้น เช็คว่าต้องซักแล้วหรือยัง ถ้าไม่แน่ใจ ก็ตีซะว่าต้องซัก! แต่ถ้าผ้าสะอาด ให้พับแล้วเก็บใส่ลิ้นชัก หรือแขวนในตู้เสื้อผ้า ถ้าดูแล้วสกปรกเห็นๆ ก็โยนเข้าตะกร้าผ้าได้เลย[7]

เคล็ดลับ: อย่าเพิ่งเอาผ้าเข้าเครื่อง จนกว่าจะทำความสะอาดห้องเสร็จสิ้น เพราะอาจจะบังเอิญเจอถุงเท้าเหม็นฉึ่งสักข้างตกค้างอยู่ก็ได้!

1. 

   1

   เก็บจานที่ใช้แล้วไปไว้ที่ครัว. ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงป้องกันมดและแมลงต่างๆ บุกห้อง เก็บถ้วย จาน ชาม ช้อน ส้อม และแก้วไปไว้ที่ครัวให้หมด อันไหนเป็นกล่องโฟม จานกระดาษ ก็ทิ้งไปได้เลย[8]

   • อย่าลืมดูใต้เตียงด้วย รวมถึงตามตู้ ลิ้นชัก และเก๊ะใต้โต๊ะต่างๆ เผื่อมีภาชนะสกปรกหรือซองขนมหลงเหลืออยู่

2. 

   2

   เก็บขยะใส่ถุงดำ. ขั้นตอนนี้ช่วยเคลียร์พื้นที่ในห้องได้เป็นอย่างดี ห้องจะหายรกไปอีกขั้น ให้เก็บแล้วคัดแยกสิ่งของต่างๆ ตามพื้นห้องและบนโต๊ะ อันไหนทิ้งได้ก็ทิ้งไปเลย โดยเฉพาะพวกห่อขนม แกนแอปเปิ้ล เปลือกกล้วย เศษกระดาษ และเศษชิ้นส่วนต่างๆ หรือของที่ไม่ใช้แล้ว[9]

   • ถ้าเป็นของเหลือใช้สภาพดี ให้เอาไปบริจาคต่อ จะมีประโยชน์กว่า
   • พวกกระดาษกับลังกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว ก็แยกไว้เตรียมรีไซเคิล

   โฆษณา

1. 

   1

   เก็บของกลับเข้าที่. เก็บของที่อยู่บนพื้นก่อน จะได้เดินไปมาสะดวก ไม่เผลอสะดุดอะไรเข้า ให้เริ่มจากยกของใหญ่ๆ ก่อน เช่น หมอน และหนังสือ แล้วค่อยไล่ไปของชิ้นเล็กๆ อย่างดินสอและเครื่องเขียนต่างๆ ของที่จะจัดเก็บ ให้ใส่ตามลิ้นชัก โต๊ะ พื้น หรือโต๊ะหัวเตียงก็ตามสะดวก[10]

   • อย่าเผลอรื้อฟื้นความหลังตอนจัดของซะจนเสียเวลา ไม่งั้นจะทำความสะอาดไม่เสร็จซะที

2. 

   2

   ถ้าของอย่างเดียวกัน แต่ไม่มีที่เก็บ ให้ใส่กล่องไว้. เป็นวิธีจัดระเบียบง่ายๆ จะมาตามหาทีหลังก็เจอทันที เช่น เก็บเครื่องเขียนทั้งหมดไว้ในกล่องเดียวกัน อีกกล่องเก็บรูปถ่าย เครื่องสำอางก็อยู่อีกกล่อง มีกล่องรวมอุปกรณ์งานฝีมือด้วย แบบนี้เป็นต้น อย่าลืมติดป้ายไว้หน้ากล่องด้วย ว่าเป็นกล่องเก็บอะไร เวลาจะใช้ก็ไม่ต้องมานั่งค้น[11]

   • เก็บกล่องพวกนี้ไว้ตามชั้นวางของ ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือใต้โต๊ะ

   โฆษณา

วางโชว์เฉพาะของที่มีคุณค่าทางจิตใจ. นี่แหละวิธีแต่งห้องยังไงให้บอกความเป็นคุณ ถ้าเจอเครื่องประดับตกแต่งสวยๆ หรือของเล่นเจ๋งๆ ตอนทำความสะอาด ก็เอามาวางที่โต๊ะ ตู้ หรือหัวเตียงซะเลย แต่เลือกแค่ไม่กี่ชิ้นเด่นๆ นะ ไม่งั้นจะดูรกไป[12]

ตัวอย่าง: วางถ้วยหรือโล่รางวัลที่เคยได้ บนโต๊ะ ส่วนบนตู้ก็วางรูปถ่ายสวยๆ

1. 1

   • ถ้าใช้พื้นที่ในห้องตัวเองเป็นเหมือนที่จัดแสดงงานย่อมๆ ก็เท่ากับป้องกันห้องรกไปโดยปริยาย เพราะถ้ามีของอย่างอื่นโผล่เข้าไป จะดูผิดที่ผิดทาง จนคุณต้องรีบเก็บแทบไม่ทัน แถมข้อดีคือถ้าที่พื้นหรือบนตู้ต่างๆ ไม่มีของวางเกะกะ ก็จะทำความสะอาดง่ายขึ้นเยอะเลย

2. 

   2

   บริจาคหนังสือ เสื้อผ้า หรือของเล่นที่ไม่ใช้แล้ว. หรือจะยกให้เพื่อนแทนก็ได้ แบบนี้นอกจากห้องไม่รก ยังสงวนพื้นที่ไว้สำหรับของที่สำคัญจริงๆ ด้วย ลองพิจารณาว่าของชิ้นไหนที่ใช้ตลอดปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นของที่ไม่ได้ใช้เลย แถมไม่มีคุณค่าทางจิตใจ ก็ยกให้คนอื่นหรือบริจาคไปจะดีกว่า

   • ถ้าอยู่กับพ่อแม่พี่น้อง ถามเขาก่อนว่าใช่ของของเขาไหม หรือทิ้งได้หรือเปล่า

   โฆษณา

1. 

   1

   ปัดฝุ่นทุกพื้นผิวในห้อง. ใช้ไม้ขนไก่ขจัดฝุ่นทั้งหมดจากโต๊ะ ตู้ ชั้นหนังสือ มู่ลี่ พัดลม โคมไฟห้อย โคมไฟตั้งโต๊ะ และอื่นๆ ที่มีในห้อง ให้เริ่มจากจุดที่สูง แล้วไล่ลงมา ฝุ่นจะได้ไม่ร่วงลงไปที่พื้นอีกหลังทำความสะอาด แนะนำให้ปัดฝุ่นก่อนกวาดพื้นหรือดูดฝุ่น เพราะฝุ่นจะกระจายลงมาตามพื้น[13]

   • ถ้าไม่มีไม้ขนไก่ ให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นแทน
   • อย่าลืมปัดฝุ่นของต่างๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ ตู้ และอื่นๆ เพราะพวกกรอบรูป ของที่ระลึกที่ได้จากการเดินทาง และถ้วย/โล่รางวัลต่างๆ จะดูดีขึ้นเยอะเลย
   • ต้องปิดไฟและพัดลมก่อนปัดฝุ่น

2. 

   2

   เช็ดทำความสะอาดขจัดร่องรอย คราบเหนียว และฝุ่นตกค้าง. ถ้ามีคราบเหนียวมดจะขึ้น ทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหายได้ ให้ฉีดพ่นน้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวเล็กน้อย แล้วใช้ผ้าเช็ดออก ให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์จะดีที่สุด เพราะขจัดคราบต่างๆ ได้รวดเร็วทันใจ ให้เช็ดทั้งโต๊ะ ตู้ หัวเตียง กรอบหน้าต่าง บัวเชิงผนัง ลายประดับตกแต่ง และพื้นผิวต่างๆ ในห้อง อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง[14]

   • ใช้ผ้าสำหรับเช็ดฆ่าเชื้อก็ดี จะได้กำจัดแบคทีเรียตามพื้นผิวต่างๆ ในห้อง

   โฆษณา

ดูดฝุ่นพื้นห้อง โดยเฉพาะใต้เตียงและโต๊ะ. ถ้าทำความสะอาดคร่าวๆ ก็จะมีฝุ่นตกค้างตามจุดที่ว่ามาได้ เพราะงั้นให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเก็บงานให้ละเอียด ถ้าจำเป็น อาจจะต้องย้ายเฟอร์นิเจอร์ก่อน จะได้ดูดฝุ่นข้างใต้ได้สะดวก ถูเครื่องไปมาทั่วทั้งห้อง จนพรมสะอาดเอี่ยมอ่อง[15]

เคล็ดลับ: ถ้าพรมมีกลิ่นตุๆ แนะนำให้โรยผงดับกลิ่นหรือเบคกิ้งโซดาก่อนดูดฝุ่น ห้องจะได้หอมขึ้น

1. 1

   • ถ้าดูดฝุ่นไม่ค่อยขึ้น ให้เช็คว่ากระบอกหรือถุงเก็บฝุ่นเต็มแล้วหรือยัง ถ้าเต็มแล้วให้เทฝุ่นทิ้งซะก่อน
   • ดูดฝุ่นที่พื้น อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ยิ่งเป็นห้องที่ใส่รองเท้าเข้ามา ยิ่งต้องดูดฝุ่นบ่อยขึ้น

2. 

   2

   กวาดและถูพื้นด้วย. ใช้ไม้กวาดเก็บฝุ่นผงต่างๆ เป็นกองเดียว แล้วกวาดเข้าที่ตักผง เสร็จแล้วเอาม็อบแช่ในถังใส่น้ำผสมน้ำยา แล้วถูพื้นให้ทั่ว กำจัดคราบและฝุ่นตกค้าง พยายามซักม็อบทุก 2 - 3 นาที จะได้ไม่กลายเป็นลากคราบสกปรกไปทั่วห้องแทน[16]

   • เท่านี้พื้นห้องก็เดินสบายเท้า หอมสะอาด
   • ให้กวาดบ้านถูบ้านอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

3. 

   3

   ใช้น้ำยาเช็ดกระจก ทำความสะอาดกระจกและหน้าต่าง. ให้ฉีดพ่นน้ำยาเช็ดกระจก ให้ทั่วกระจกเงาและกระจกหน้าต่าง จากนั้นเอาผ้าเช็ดให้สะอาด เช็ดถูไปเรื่อยๆ จนไม่เหลือคราบและร่องรอยต่างๆ จนใสปิ๊ง[17]

   • ให้เช็ดกระจกหรือหน้าต่างทันทีที่เลอะ จะได้ไม่สะสมจนทำความสะอาดยาก เสียเวลา
   • แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดกระจก
   • อย่าลืมเช็ดรางเลื่อนตรงขอบหน้าต่างด้วย ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่น โดยเสียบหัวเล็กลง แล้วดูดฝุ่นเศษผงต่างๆ หรือจะใช้เครื่องดูดฝุ่นมือถือก็ได้ อีกทีคือใช้แปรงสีฟันเก่ากับน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ ขจัดคราบสิ่งสกปรกหมักหมม

4. 

   4

   เช็ดสวิตช์ไฟกับมือจับ/ลูกบิดประตูด้วยสเปรย์ฆ่าเชื้อ. เพราะเป็นจุดที่สัมผัสกับมือบ่อยที่สุดในห้อง ทำให้นานๆ ไปเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย ให้ฉีดพ่นสวิตช์และลูกบิด ด้วยสเปรย์ฆ่าเชื้อทำความสะอาดในบ้าน จากนั้นเช็ดด้วยผ้าหรือทิชชู่[18]

   • ให้เช็ดทำความสะอาดลูกบิดและสวิตช์ไฟทุกอาทิตย์ เท่านี้ก็เงางาม สะอาดหายห่วง
   • พวกหน้ากากของปลั๊กก็ต้องเช็ดทำความสะอาดด้วย ปกติเป็นจุดที่ไม่ค่อยถูกสัมผัสแตะต้อง เลยไม่ค่อยมีคราบมันคราบเหนียวเท่าสวิตช์ไฟ แต่ถ้ารักษาความสะอาดไว้ ก็ช่วยให้สะอาดไปทั้งห้อง ไม่ดำเด่นออกมาจุดเดียว

   โฆษณา

ข้อมูลอ้างอิง

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 22,396 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม