หน่วยที่4 Show ชาวพุทธคือ ผู้ที่เลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ประกอบด้วย นักบวช คือ ภิกษุ
ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา โดยเรียกรวมๆว่า พุทธบริษัท 4 ซึ่งสามารถแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. หน้าที่และบทบาทของพระภิกษุในฐานะเป็นพระนักเทศน์ พระธรรมฑูต พระธรรมจาริก พระวิทยากร พระวิปัสสนาจารย์ และพระนักพัฒนา
หน้าที่ชาวพุทธเเละมารยาทชาวพุทธชาวพุทธมีหน้าที่มากมายหลายประการที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ ปฏิบัติเพื่อที่จะรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และเพื่อทำนุบำรุงอุปถัมภ์สืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป 1.1 หน้าที่และบทบาทของพระภิกษุสามเณร พระนักเทศน์ได้แก่ พระภิกษุที่ปฏิบัติหน้าที่สอนหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาแก่เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยการแสดงธรรม (เทศน์)และจะต้องผ่านการฝึกอบรมเป็นพระนักเทศน์ตามหลักสูตรของมหาเถรสมาคมแต่งตั้ง มี 2 ประเภท คือ1. พระนักเทศน์แม่แบบ หมายถึงพระนักเทศน์ที่ผ่านการอบรมจากคณะกรรมการฝึกอบรมพระนักเทศน์ที่มหาเถรสมาคมแต่งตั้งเพื่อไปจัดอบรมพระนักเทศน์ประจำจังหวัด 2. พระนักเทศน์ประจำจังหวัดหมายถึง
พระนักเทศน์ที่ผ่านการอบรมปฏิบัติหน้าที่เทศน์ภายในจังหวัดที่สังกัดหรือสถานที่ที่ทายกอาราธนา พระธรรมทูต (อ่านว่า -ทำมะทูด)พระธรรมจาริก หมายถึงภิกษุที่เดินทางไปแสดงธรรมในที่ต่างๆทำหน้าที่เหมือนทูตทางธรรมหรือทูตของพระศาสนา พระธรรมทูตเริ่มมีครั้งแรกเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจนมีพระสาวกมากรูปแล้วจึงส่งพระสาวกเหล่านั้นไปประกาศธรรมในทิศต่างๆโดยตรัสว่า "เธอทั้งหลายจงจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชุมชนเพื่ออนุเคราะห์แก่ประชุมชน" ดังนี้เป็นต้น พระธรรมจาริกมีความหมายเดียวเช่นเดียวกันกับพระธรรมทูตแต่เป็นคำบัญญัติที่เกิดที่หลังคำว่าพระธรรมทูต ปัจจุบันแบ่งพระธรรมทูตออกเป็น 2 ประเภทคือพระธรรมทูตในประเทศกับพระธรรมทูตต่างประเทศ 1.2 การปฏิบัติตนตามหลักทิศเบื้องล่างในทิศ 6 ทิศเบื้องล่างลูกจ้างบุคคลที่ต่ำกว่าลูกจ้างเปรียบเสมือนทิศเบื้องล่าง ที่นายจ้างต้องแสดงความกตัญญูต่อลูกจ้างเพราะลูกจ้างทำกิจการงานต่างๆให้สำเร็จประโยชน์ในขณะเดียวกันลูกจ้างก็ต้องแสดงความกตัญญูต่อนายจ้างในฐานะของผู้อุปการะคุณ ดังนี้
2. หน้าที่ชาวพุทธ 2.1 การปฏิสันถารที่เหมาะสมต่อพระภิกษุในโอกาสต่างๆ 1) เวลาพบปะในสถานที่ต่าง ๆเวลาพบปะพระสงฆ์ในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ตามถนนบนรถโดยสาร หรือสถานที่ต่าง ๆ
พึงปฏิบัติดังนี้ 2)
การถวายภัตตาหารและปัจจัยที่สมควรแก่สมณะการถวายภัตตาหารและปัจจัยที่สมควรแก่สมณะ พึงปฏิบัติดังนี้ 2.2) เมื่อถวายอาหาร หรือเครื่องอุปโภคแก่พระภิกษุ พึงประเคน คือยกของให้ท่านภายใน “หัตถบาส” (ระยะบ่วงมือ คือ ห่างประมาณหนึ่งศอก) 2.3) เมื่อนำของไปถวายพระภิกษุหลังเที่ยง ไม่พึงประเคนให้ท่าน ถึงวางไว้เฉย ๆ หรือให้ศิษย์วัดนำไปเก็บไว้ต่างหาก (การปฏิบัติเช่นนี้เพื่อมิให้ท่านละเมิดข้อบัญญัติว่าด้วยการสะสมอาหาร) 2.4) เมื่อจะถวายปัจจัย (เงิน) ไม่พึงประเคนให้ท่านพึงถวายเฉพาะใบปวารณามอบเงินให้ไวยาวัจกรหรือศิษย์วัด ในกรณีที่ไม่มีไวยาวัจกรหรือศิษย์วัดพึงเอาปัจจัยใส่ซองใส่ลงในย่ามให้ท่านเอง 2.5) เวลานิมนต์พระสงฆ์ไปฉันภัตตาหารที่บ้านตน ไม่พึงระบุชื่ออาหาร 2.6) ถ้าจะนิมนต์พระสงฆ์ไปรับสังฆทาน ไม่พึงเจาะจงภิกษุผู้รับเช่น ขอนิมนต์ท่านเจ้าคุณพร้อมพระสงฆ์อีกห้ารูปไป รับสังฆทานเป็นต้น 3) เวลาสนทนากับพระสงฆ์หรือฟังโอวาทการสนทนาหรือฟังโอวาทกับพระสงฆ์
ควรปฏิบัติดังนี้ 3.2) ใช้สรรพนามแทนท่านว่า “พระคุณเจ้า, หลวงพ่อ, ท่านพระครู, ท่านเจ้าคุณ, ใต้เท้า, พระเดชพระคุณ” ตามควรแก่กรณี 3.3) เวลารับคำ ผู้ชายใช้คำว่า “ครับ, ขอรับ” ผู้หญิงใช้คำว่า “ค่ะ, เจ้าค่ะ” 3.4) เวลาพระท่านพูด พึงตั้งใจฟังโดยความเคารพไม่พึงขัดจังหวะหรือพูดแทรกขึ้นมาในระหว่างที่ท่านกำลังพูดอยู่ 3.5) เวลาท่านให้โอวาทหรืออวยพร พึงประนมมือฟังโดยเคารพ 3.6) เวลารับไตรสรณคมน์ และรับศีล พึงว่าตามด้วยเสียงดัง ไม่พึงนั่งเงียบเฉยๆ 3.7) เวลาฟังพระสวด เช่น สวดเจริญพุทธมนต์ สวดศพ เป็นต้นพึงประนมมือฟังด้วยความเคารพ ไม่คุยกันหรือทำอย่างอื่นในระหว่างที่ท่านกำลังสวด พระสงฆ์คือผู้สละความสุขหรือวิธีการดำเนินชีวิตแบบฆราวาสเข้ารับการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเป็นผู้สืบต่ออายุพระพุทธศาสนาและศึกษาหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า นำมาเผยแผ่แสดงแก่พุทธศาสนิกชน เพราะฉะนั้นเราจึงควรประพฤติปฏิบัติต่อพระสงฆ์ให้ถูกต้องเหมาะสมตามมารยาทที่พึงปฏิบัติดังนี้ การเดินสวนกับพระสงฆ์เมื่อเดินสวนกับพระสงฆ์
ควรหลีกติดข้างทางด้านซ้ายมือของพระสงฆ์ ยืนตรงเมื่อพระสงฆ์เดินผ่านหน้าให้น้อมตัวลงไหว้ หากท่านพูดด้วยควรประนมมือพูดกับท่านด้วยกิริยาอาการอันสำรวมหากท่านไม่พูดด้วยควรยกมือไหว้แล้วลดมือลง การเดินผ่านพระสงฆ์หากพระสงฆ์ยืนอยู่ให้น้อมตัวลงไหว้ แล้วเดินก้มตัวหลีกไป หากพระสงฆ์นั่งอยู่ให้คลานลงมือทั้งสองข้างเมื่อถึงตรงหน้าพระสงฆ์ให้ก้มลงกราบหรือประนมมือไหว้ตามที่สถานที่จะเอื้ออำนวยแล้วคลานลงมือผ่านไป การเดินตามพระสงฆ์
ให้เดินตามหลังพระสงฆ์โดยเยื้องไปทางซ้ายของท่าน ระยะห่างประมาณ 2-3 ก้าวและเดินด้วยอาการสำรวมกิริยาให้เรียบร้อย 2.2 การปฏิสันถารตามหลักปฏิสันถาร 2 1. อามิสปฏิสันถาร การปฏิสัณฐานด้วยอามิสได้แก่การต้อนรับด้วยปัจจัยสี่อย่างใดอย่างหนึ่งพอเหมาะพอควรแก่แขกผู้มาหาโดยความสุภาพเรียบร้อยสิ่งที่มนุษย์เกิดช่องว่างระหว่างกันและกันก็คือเรื่องเกี่ยวกับปัจจัย 4 ได้แก่อาหารการบริโภค เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มรวมเครื่องประดับต่างๆ เข้าด้วย ที่อยู่อาศัยรวมยวดยานพาหนะต่างๆ เข้าด้วยยารักษาโรคมรวมเครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ เข้าด้วย ความเป็นอยู่ของมนุษย์เราไม่เหมือนกันบางคนอยู่ในสกุลหรือภูมิประเทศได้เปรียบอาจมีปัจจัย 4 เหล่านี้ใช้อย่างเหลือเฟือส่วนคนที่อยู่ในสกุลหรือภูมิประเทศอันเสียเปรียบอาจมีปัจจัย 4 เหล่านี้น้อยหรือหาไม่ได้เลย ถ้ามนุษย์เราไม่มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันเข้าทำนองที่ว่า “คนรวยก็รวยเหลือล้น คนจนก็จนเหลือหลาย” ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างมนุษย์ด้วยกันอย่างมากมายจนกลายเป็นแบ่งชนชั้นแตกแยกบาดหมาง ไม่มีทางประนีประนอมกันได้ เกิดการยื้อแย่งแข่งขันเบียดเบียนปล้นสดมภ์เข่นฆ่ากันอย่างกว้างขวาง หาความสงบสุขไม่ได้ ฉะนั้นคนรวยจึงต้องสงเคราะห์เกื้อกูลคนจนด้วยปัจจัย 4 ตามสมควรอย่าเป็นคนคับแคบเสวยสุขอยู่แต่ผู้เดียว อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบคนจนอยู่ทุกท่า แบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา จะเข้าตำราที่ว่า “ยิ่งรวยก็ยิ่งคับแคบ ยิ่งรวยก็ยิ่งงก ยิ่งรวยก็ยิ่งเห็นแก่ตัวยิ่งรวยก็ยิ่งเอาเปรียบคนอื่น” ถ้าสังคมมีบุคคลประเภทนี้มากความสงบสุขจะมีไม่ได้เลย รวม ความว่าอามิสสปฏิสันถาร หมายถึง การให้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันการต้อนรับปราศรัยด้วยใช้พัสดุสิ่งของเหมาะแก่ความต้องการ โดยควรแก่ฐานะของแขกผู้มาหา 2. ธัมมปฏิสันถารการปฏิสันถารด้วยธรรมได้แก่ การต้อนรับด้วยพูดจาปราศรัยด้วยคำพูดที่สุภาพอ่อนโยน และคำพูดที่อ่อนหวานและประกอบด้วยประโยชน์มนุษย์เรายามประสบเคราะห์กรรมมีทุกข์โศกโรคภัยต่างๆย่อมต้องการที่พึ่งทางใจ หากเราไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือได้ทางปัจจัย 4 เพราะเราก็อยู่ในสภาพเดียวกับเขา แต่เรามีกำลังใจดีกว่าเขา รู้วิธีแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าเขาเราจะนิ่งเฉยดูความเดือดร้อนของเพื่อนมนุษย์โดยไม่ช่วยเหลืออะไรเลยนั้นไม่ได้ที่ถูกต้องใช้ธรรมเป็นเครื่องปลุกปลอบใจเขาและข้อปฏิบัติในการดำเนินชีวิตให้เขาอยู่รอดปลอดภัยพ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆนั้น การสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างนี้ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า “ปฏิสันถาร” แปลว่า การอุดรูรั่วต่างๆ ระหว่างตนกับคนอื่นก่อให้เกิดสามัคคีธรรมขึ้นระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันลบล้างรอยแตกแยกความร้าวฉานให้หมดสิ้นไป มีความคิดเห็นตรงกันแม้จะมีฐานะต่างกันก็อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสงบสุข ผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศการขยายตัวของเทคโนโลยีสารสนเทศ การขยายตัวของเทคโนโลยีสา รสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีที่มีการ...
พระธรรมทูต มีบทบาทและหน้าที่ต่อพระพุทธศาสนาอย่างไรพระธรรมทูตสายต่างประเทศจึงมีหน้าที่ในการเผยแผ่พระศาสนาให้แก่อุบาสกอุบาสิกาหรือ พุทธศาสนิกชนไทยในต่างประเทศ รวมถึงชาวต่างประเทศให้ได้รับประโยชน์และความสุขจากการได้ฟัง พระธรรมค าสอนในพระพุทธศาสนา และสามารถเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวท้องถิ่นเพื่อให้สามารถ ท าหน้าที่สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อจากพระธรรมทูตไทยได้ซึ่งบทบาทหน้าที่ ...
พระภิกษุสามเณรมีบทบาทหน้าที่อย่างไรบรรพชิต ในพระพุทธศาสนา มีหน้าที่ศึกษา ปฏิบัติธรรม เผยแผ่คาสอน สืบต่อพระพุทธศาสนา มีคุณธรรมและหลักความประพฤติ
พระภิกษุสงฆ์ที่ทำหน้าที่แสดงธรรมเรียกว่าอะไรพระธรรมทูตเริ่มมีครั้งแรกเมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมจนมีพระสาวกมากรูปแล้วจึงส่งพระสาวกเหล่านั้นไปประกาศธรรมในทิศต่างๆ โดยตรัสว่า "เธอทั้งหลายจงจาริกไปเพื่อประโยชน์สุขแก่ประชุมชน เพื่ออนุเคราะห์แก่ประชุมชน" ดังนี้เป็นต้น
พระวิปัสสนาจารย์มีบทบาทสำคัญในด้านใดพระวิปัสสนาจารย์ คือครูผู้สอน วิปัสสนากรรมฐาน หมายถึง พระภิกษุที่สอน การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามค าสอน พระพุทธศาสนา มีหน้าที่หลัก คือการอธิบาย ให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้รู้จักวิปัสสนากรรมฐาน คือ การเข้าไปเห็น หรือรู้ถึงธรรมชาติที่แท้จริงของ ชีวิต ๓ ประการ อันได้แก่ ๑. อนิจจัง ความ ไม่เที่ยง คือความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ๒. ...
|