ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น – ใน พ.ศ.2325 เมื่อเมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี มีพระนามปรากฏต่อมาว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” และภายหลังได้รับการยกย่องเป็น “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” (ร.1) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายราชธานีใหม่ จากกรุงธนบุรีมายังฝั่งตะวันออก (ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา) และสร้างกรุงเทพฯ เป็นราชธานีขึ้น ณ ที่แห่งนี้

กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยฟื้นฟูบ้านเมือง รัชกาลที่ 1-3 (ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น พ.ศ.2325-2394)

สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

สาระสำคัญในบทความนี้

  • เหตุผลที่ย้ายราชธานี
  • ลักษณะของราชธานีใหม่
  • การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
  • การปรับปรุงกฎหมาย

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

เหตุผลที่ย้ายราชธานี

1.พระราชวังเดิมของกรุงธนบุรีคับแคบ มีวัดขนาบอยู่ทั้ง 2 ด้าน คือ วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง) และวัดโมฬีโลกยาราม (วัดท้ายตลาด) จึงยากแก่การขยายพระราชวัง

2.ความไม่เหมาะสมด้านภูมิประเทศ เนื่องจากฝั่งตะวันตก หรือราชธานีเดิมเป็นท้องคุ้ง อาจถูกน้ำกัดเซาะตลิ่งพังได้ง่าย แต่ฝั่งตะวันออก (กรุงเทพฯ) เป็นแหลมพื้นดินจะงอกขึ้นเรื่อยๆ

3.ความเหมาะสมต่อการขยายเมืองในอนาคต พื้นที่ฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบลุ่มกว้างขวาง สามารถขยายตัวเมืองไปทางเหนือและตะวันออกได้

4.กรุงธนบุรีไม่เหมาะทางด้านทำเลที่ตั้งยุทธศาสตร์ กล่าวคือ มีแม่น้ำเจ้าพระยาผ่ากลาง เปรียบเสมือนเมืองอกแตก เมื่อใดที่ข้าศึกยกทัพมาตามลำแม่น้ำก็สามารถตีถึงใจกลางเมืองได้โดยง่าย

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

วัดอรุณราชวราราม

ลักษณะของราชธานีใหม่

กรุงเทพมหานครเป็นราชธานีใหม่ของไทย สร้างขึ้นโดยเลียนแบบกรุงศรีอยุธยากำหนดพื้นที่เป็น 3 ส่วนคือ

1.บริเวณพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย วังหลวง วังหน้า วังในพระบรมมหาราชวัง (วัดพระศรีรัตนศาสดาราม) และรวมทั้งทุ่งพระเมรุ (ท้องสนามหลวง)

2.บริเวณที่อยู่อาศัยภายในกำแพงเมือง อาณาเขตกำแพงเมืองประตูเมืองและป้อมปราการ สร้างขึ้นตามแนวคลองรอบกรุง ได้แก่ คลองบางลำพู และคลองโอ่งอ่าง

3.บริเวณที่อยู่อาศัยภายนอกกำแพงเมือง เป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีบ้านเรือนราษฎรตั้งอยู่ด้านนอกของคลองรอบกรุง มีคลองขุดในรัชกาลที่ 1 คือคลองมหานาค

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

ในสมัยรัชกาลที่ 1-3 พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ การจัดระเบียบการปกครองยังคงยึดถือตามแบบอย่างสมัยอยุธยาตอนปลาย มีดังนี้

1.การปกครองส่วนกลาง มีเสนาบดีทำหน้าที่บริหารราชการ

ได้แก่

1.1 สมุหกลาโหม มีอำนาจบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายใต้ ทั้งทหารและพลเรือนมียศและราชทินนามว่า เจ้าพระยามหาเสนา ใช้ตราคชสีห์เป็นตราประจำตำแหน่ง

1.2 สมุหนายก มีอำนาจบังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้งกิจการทหารและพลเรือนมียศและราชทินนามว่า เจ้าพระยาจักรี หรือเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต ใช้ตราราชสีห์เป็นตราประจำตำแหน่ง

1.3 เสนาบดีจตุสดมภ์ เป็นตำแหน่งรองลงมา ประกอบด้วย

(1) กรมเวียง หรือกรมเมือง เสนาบดี คือ พระยายมราช มีหน้าที่ดูแลกิจการทั่วไปในพระนคร
(2) กรมวัง เสนาบดี คือ พระยาธรรม มีหน้าที่ดูแลพระราชวังและตั้งศาลชำระความ
(3) กรมคลัง หรือกรมท่า เสนาบดี คือ พระยาราชภักดี, พระยาศรีพิพัฒน์หรือพระยาพระคลัง มีหน้าที่ด้านการเงิน การคลัง และการต่างประเทศ
(4) กรมนา เสนาบดี คือ พระยาพลเทพ มีหน้าที่ดูแลไร่นาหลวง และเก็บภาษีข้าว

2. การปกครองส่วนภูมิภาค หรือการปกครองหัวเมือง

2.1 หัวเมืองฝ่ายเหนือ (รวมทั้งหัวเมืองอีสาน) อยู่ในความรับผิดชอบของสมุหนายก หั้วเมืองฝ่ายเหนือแบ่งตามฐานะตามระดับความสำคัญ ดังนี้

(1) หัวเมืองชั้นใน (หัวเมืองจัตวา) อยู่ไม่ห่างไกลจากราชธานี มีเจ้าเมืองหรือ“ผู้รั้ง”เป็นผู้ปกครอง

(2) หัวเมืองชั้นนอก (เมืองชั้นตรี โท เอก) มีขุนนางชั้นสูงหรือพระบรมวงศานุวงศ์เป็นผู้ปกครอง ได้แก่ เมืองพิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร ฯลฯ

2.2 หัวเมืองฝ่ายใต้ ขึ้นสังกัดสมุหกลาโหม นับตั้งแต่เมืองเพชรบุรีลงไป จนถึงนครศรีธรรมราช ไชยา พังงา ถลาง และสงขลา เป็นต้น มีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นนอกทั้งสิ้น

2.2 หัวเมืองชายฝั่ทงทะเลตะวันออกของอ่าวไทย เป็นหั้วเมืองชั้นนอก ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ สาครบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ฯลฯ อยู่ในความรับผิดชอบของพระคลัง หรือกรมท่า

3. การปกครองประเทศราช

3.1 ฐานะของประเทศราช คือ เมืองของชนต่างชาติต่างภาษา มีกษัตริย์ของตนเองเป็นผู้ปกครอง มีหน้าที่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายตามกำหนด และส่งทหารมาช่วยเมื่อเมืองหลวงมีศึกสงคราม

3.2 ประเทศราชของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีทั้งดินแดนล้านนา ลาว เขมร และหั้วเมืองมลายู ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงแสน หลวงพระบาง เวียงจันทร์ จำปาศักดิ์ เขมร ปัตตานี ไทรบุรี กลันตัน ฯลฯ

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

การปรับปรุงกฎหมาย

1. กฎหมายตราสามดวง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯโปรดเกล้าฯให้รวบรวมและชำระกฎหมายเก่าที่ใช้กันมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา และคักลอดไว้ 3 ฉบับ ทุกฉบับประทับตราคชสีห์ ตราราชสีห์ และตราบัวแก้ว จึงเรียกว่ากฎหมายตราสามดวง

2.กฎหมายตราสามดวง หรือประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 ใช้เป็นหลักปกครองประเทศมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนที่ จะมีการปฏิรูปกฎหมายไทยและการศาลให้เป็นระบบสากล

ที่มา srisawat.ac.th , prawatisastr546 , พระราชวังเดิม , อาณาจักรธนบุรี

วัดพระแก้ว ซ่อมแซมครั้งใหญ่ ปี 2423

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

  • lifestyle.campus-star.com/knowledge/39126.html

พระราชวังเดิม

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรี

  • ลัดเลาะพระราชวังเดิม – 3 สถานที่สำคัญที่ปรากฎในแบงค์ 100 (รุ่นเก่า)

พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงแห่งเดียว ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช .. โบราณสถานพระราชวังเดิม ที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ได้แก่ ท้องพระโรง พระตำหนักเก๋งคู่ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช , พระตำหนักสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และป้อมวิไชยประสิทธิ์ ซึ่งได้รับการบูรณะ ครั้งล่าสุดตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 และเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2545 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2545

อ่านโน๊ตสรุปย่อ www.clearnotebooks.com/th/notebooks/791084

บทความแนะนำ

  • ที่ตั้งของเซ็นทรัลเวิลด์ เดิมคือ พระราชวังปทุมวัน – ประวัติความเป็นมา
  • พระราชวังมัณฑะเลย์ ความงดงาม กับเรื่องราวประวัติศาสตร์น่าเศร้าใจ – พม่า
  • ข้อมูล-ภาพ พระราชวัง และวังในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
  • บรรดาศักดิ์ขุนนางไทย สมัยโบราณกับปัจจุบัน | พระยา หลวง ขุน หมื่น พัน

ราชธานีใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงธนบุรีตั้งอยู่ที่ตําบลใด

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังตำบลบางกอกซึ่งตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครองประเทศ และเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์ ...

เหตุใดจึงมีการย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังกรุงรัตนโกสินทร์

ภายหลังปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ ย้ายพระนครมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบันที่เราเรียกเมืองกรุงเทพมหานคร เหตุผลของการย้ายเมืองหลวง เพราะเห็นว่า “ฝั่งตะวันออกมีชัยภูมิที่ดีกว่าฝั่งตะวันตกเพราะเป็นแหลมมีลำน้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่งถ้าตั้งพระนคร ...

ย้ายราชธานีรัชกาลใด

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบจลาจลภายในกรุงธนบุรีและสร้างความมั่นคงภายในประเทศแล้ว พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาและตั้งชื่อใหม่ว่ากรุงเทพฯ ทั้งนี้เนื่องด้วยสาเหตุหลายประการ คือ

เหตุใดจึงต้องย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา

ป้องกันข้าศึก เนื่องด้วยทางฝั่งตะวันออกนี้ พื้นที่นอกคูเมืองเดิมเป็นพื้นที่ลุ่มที่เกิดจากการตื้นเขินของทะเล ข้าศึกจะยกทัพมาทางนี้คงทำได้ยาก ฉะนั้นการป้องกันพระนครจะได้มุ่งป้องกันเพียง ฝั่งตะวันตกแต่เพียงด้านเดียว