วิวัฒนาการของการสื่อสาร คือ

วิวัฒนาการของการสื่อสารของโลก

วิวัฒนาการของการสื่อสาร คือ

วิวัฒนาการของการสื่อสารของโลก 5 พฤศจิกายน 2563 มนุษย์เรามีวิวัฒนาการการสื่อสารมาเป็นเวลานาน นับตั้งแต่มนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ในยุคเริ่มต้นของการมีอารยธรรม และมนุษย์ในยุคเทคโนโลยี ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของเทคโนโลยีจนกระทั่งถึงยุคที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสูงสุดในปัจจุบัน หากจะแบ่งเป็นยุคต่างๆ ตามช่วงเวลาของมนุษย์ สามารถแบ่งได้ดังนี้

การสื่อสารในยุคต่างๆ ยุคโบราณ มนุษย์สื่อสารกันด้วยการพูดภาษาโบราณ การส่งสัญญาณด้วยการตีหรือการก่อกองไฟ การวาดภาพสีเป็นรูปต่างๆ การสร้างสัญญลักษณ์ต่างๆ ด้วยเครื่องมือแบบโบราณ อย่างแท่งหินแกะสลัก หรือภาพเขียนยุคโบราณที่มีการค้นพบโดยนักโบราณคดีที่เรามักจะพบเห็นกันตามผนังถ้ำ 

ยุคเริ่มต้นของอารยธรรม มนุษย์มีความเจริญทางสติปัญญามากขึ้น มนุษย์เริ่มแบ่งหมู่แบ่งเหล่าของตนออกเผ่าพันธ์เป็นเชื้อชาติและเป็นประเทศ แต่ละชาติก็จะมีการคิดค้นอารยะธรรมมีการคิดค้นภาษาพูดของตน และมนุษย์เริ่มประดิษฐ์คิดค้นตัวอักษรขึ้นมาใช้สื่อความหมายแทนคำพูดเป็นภาษาเขียน มนุษย์จึงเริ่มมีการใช้จดหมายในการส่งข้อความถึงกัน ในยุคนี้จะใช้สัตว์มาช่วยในการนำส่งเพื่อติดต่อสื่อสารด้วย ยกตัวอย่างการใช้นกพิราบสื่อสาร การใช้ม้าเร็วนำส่งจดหมายหรือนำส่งสาร ภายหลังจึงมีระบบการส่งจดหมายด้วยไปรษณีย์ซึ่งมีหน่วยงานกลางในการกำหนดมาตรฐานให้มนุษย์ในประเทศต่างๆสามารถสื่อสารกันได้ทั่วโลก

ยุคอนาล็อค เมื่อมนุษย์มีวิวัฒนาการมากขึ้น มีการนำเทคโนโลยี่เข้ามาใช้เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต จึงได้มีการคิดค้นสัญญาณและหาสื่อที่จะใช้เป็นตัวนำส่งคำพูดหรือข้อความที่ต้องการส่งไปให้สามารถติดต่อถึงกันได้ในระยะไกลขึ้น มีการคิดค้นสัญญาณอนาล็อคซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเป็นคลื่นที่มีความต่อเนื่องเพื่อส่งคำพูดฝากไปกับสัญญาณในระยะทางไกลด้วยสายทองแดงและทางอากาศด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เราเริ่มมีการติดต่อกันโดยการส่งโทรเลข มีการนำระบบโทรศัพท์แบบอนาล็อคมาใช้ คือระบบโทรศัพท์บ้านในยุคแรกแบบ Step-by-Step และแบบ Crossbar Switch รวมถึงระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคที่ 1 รวมทั้งการส่งโทรสาร การส่ง  เทเล็กซ์ และการส่งโทรพิมพ์

ยุคดิจิตอล เมื่อเทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์มีวิวัฒนาการขึ้น มนุษย์ได้คิดค้นสัญญาณแบบดิจิตอลขึ้น สัญญาณดิจิตอลคือสัญญาณที่ไม่ต่อเนื่องแต่เป็นการขึ้นและลงเป็นระดับโดยใช้ระดับแรงดันไฟฟ้าเป็นตัวกำหนด มนุษย์คิดค้นระบบเลขฐานขึ้นมาทั้งเลขฐานสอง (Binary), เลขฐานสิบ (Decimal) และเลขฐานสิบหก (Hexadecimal) มนุษย์คิดค้นการนำอักขระมาเข้ารหัส อย่าง ASCII และ EBCDIC มนุษย์คิดค้นการมัลติเพล็กซ์สัญญาณ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้เราสามารถแปลงสัญญาณจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิตอลและสามารถส่งสัญญาณดิจิตอลไปในสื่อต่างๆ ได้ระยะทางไกลขึ้นและมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น ยกตัวอย่าง การสื่อสารด้วยระบบชุมสายโทรศัพท์แบบดิจิตอล การสื่อสารด้วยระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุค 2, ยุคที่ 3, ยุคที่ 4 และในยุคที่ 5 ที่เริ่มนำมาให้บริการในปัจจุบัน การสื่อสารด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต และการสื่อสารด้วยดาวเทียม

ตัวอย่างการสื่อสารในยุคดิจิตอล 

การสื่อสารด้วยระบบโทรศัพท์แบบดิจิตอล คือระบบชุมสายที่ให้บริการโทรศัพท์แบบมีสายหรือโทรศัพท์บ้านในปัจจุบัน เป็นชุมสายโทรศัพท์ศัพท์อิเลคทรอนิคส์และควบคุมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือเรียกว่าระบบชุมสายแบบ Store Program Control ระบบชุมสายแบบดิจิตอลถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบมัลติเพล็กซ์สัญญาณแบบ TDM หรือ Time Division Multiplexing

การสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ความต้องการการสื่อสารข้อมูลที่เพิ่มสูงตามลำดับจึงมีการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลขึ้นมารองรับทั้งเทคโนโลยี่ทางด้านโครงข่ายและพัฒนาโปรโตคอลหรือระเบียบในการส่งข้อมูลระหว่างกันขึ้นมา โดยแบ่งเทคโนโลยีทางด้านโครงข่ายออกเป็น

โครงข่ายในพื้นที่เดียวกัน (Local Area Network) หรือ LAN คือการติดต่อสื่อสารในพื้นที่จำกัด ในอดีตจะมีการใช้โปรโตรคอลในการสื่อสารหลายแบบ เช่น Ethernet, Token Ring, และ FDDI (Fiber Distributed Data Interface) แต่ปัจุบันเป็น Ethernet และ Wireless LAN เกือบทั้งหมด โครงข่ายในพื้นที่เดียวกันนำมาใข้ในการติดต่อสื่อสารในสำนักงาน ในองค์กรธุรกิจ หน่วยงานราชการ ที่อยู่ในพื้นที่หรือในอาคาร

โครงข่ายทางไกล (Wide Area Network) หรือ WAN คือการติดต่อสื่อสารทางไกล เช่นการเชื่อมโยงระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขา การเชื่อมโยงระหว่างศูนย์คอมพิวเตอร์ โดยส่วนใหญ่จะต้องเช่าใช้วงจรจากผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ เทคโนโลยีเก่าที่ให้บริการ WAN มี Leased Circuit, X.25, Frame Relay, ATM ส่วนใหญ่เลิกให้บริการไปแล้ว ปัจจุบันเหลือ Leased Circuit และมีการใช้เทคโนโลยี MPLS (Multi Protocol Label Switching) , Optical Network และ Ethernet WAN มาให้บริการแทน  

การสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต อินเตอร์เน็ตเป็นโครงข่ายสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก โดยมีการพัฒนาโปรโตคอล TCP/IP มารองรับการใช้อินเตอร์เน็ตผู้ใช้บริการต้องสมัครใช้งานกับ ISP (Internet Service Provider) การสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตนำมาใช้กับบริการโซเชียลมีเดีย, อีคอมเมิร์ซ, การส่งไฟล์ การดู World Wide Web และอื่นๆสำหรับการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้งานกับองค์กร เนื่องจากอินเตอร์เน็ตเป็นสาธารณะและไม่มีความปลอดภัยจึงต้องมีการติดตั้งระบบ VPN (Virtual Private Network) อย่างเช่น IPSec (IP Security) เพื่อมารองรับความปลอดภัยขององค์กรด้วย 

การสื่อสารผ่านดาวเทียม เป็นการสื่อสารทางไกลเช่นระหว่างภาค ระหว่างประเทศ      หรือระหว่างทวีป ดาวเทียมมีการแบ่งประเภทออกเป็นหลายแบบตามจุดประสงค์ของการนำมาใช้งานแต่ดาวเทียมแบบที่นำมาให้บริการทั่วไปคือดาวเทียมสื่อสาร ส่วนใหญ่จะนำมาให้บริการกับระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม และอินเตอร์เน็ต โดยส่งผ่านช่องสัญญาณดาวเทียมหรือทรานสปอนเดอร์ (Transponder) ของระบบดาวเทียม โดยทางพื้นดินจะมีสถานีรับและส่ง จากสถานีรับและส่งมีการเชื่อมโยงไปที่ศูนย์โทรคมนาคมเพื่อจะกระจายสัญญาณไปยังผู้ใช้บริการต่อไป แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีดาวเทียมสามารถทำการส่งตรงถึงบ้านผู้ใช้บริการด้วยระบบ DTH หรือ Direct to Home ได้ 

เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการสื่อสารปัจจุบันและอนาคต

เทคโนโลยีในการสื่อสารมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดนิ่ง ยกตัวอย่างเช่น Ethernet ที่ใช้งานใน LAN และ WAN เริ่มต้นนำมาให้บริการด้วยความเร็วเพียง 10 เมกะบิตต่อวินาที หรือสิบล้านบิตต่อวินาที ปัจจุบันสามารถให้ความเร็วถึง 10 จิกาบิทต่อวินาทีหรือหนึ่งหมื่นล้านบิตต่อวินาที 

สำหรับเทคโนโลยีของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในยุคปัจจุบันคือ 5G ตามทฤษฎีแล้วจะเร็วกว่า 4 G ถึง 10 เท่า แล้วยังรองรับการสื่อสารแบบ IOT หรือ Internet of Things ด้วย ในขณะนี้โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุค 6G กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและการทดสอบซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีประสิทธิภาพสูงกว่า 5G หลายเท่า  ปัจจุบันสำหรับ WAN ก็มีเทคโนโลยีของโครงข่ายที่เรียกว่า Cloud Computing และ SD WAN หรือ Software Defined WAN ที่เริ่มมีการนำมาให้บริการแทน Private WAN แบบเก่าด้วยตันทุนที่ถูกลง

เราทุกคนที่อยู่ในฐานะผู้ใช้บริการจึงควรเลือกใช้บริการที่เหมาะสมกับความต้องการหรือความจำเป็นในทำงานของเรา อย่าให้ถึงขนาดต้องตามให้ทันเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเสมอเพราะเป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็นครับ