อะแซหวุ่นกี้ตีหัวเมืองเหนือ ในปีมะเมีย พ.ศ. 2317 พระเจ้ามังระเสด็จมายกฉัตรยอดพระเกศธาตุ ที่เมืองร่างกุ้ง เมื่อกลางเดือน 4 ขณะนั้น อะแซหวุ่นกี้ปราบปรามพวกมอญเสร็จสิ้นแล้ว เป็นแต่ยังรอกองทัพพม่าที่เข้ามาตามครัวมอญ อยู่เมืองเมาะตะมะ จึงได้ขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าอังวะที่เมืองร่างกุ้ง พระเจ้ามังระเห็นว่า มีกองทัพใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเมาะตะมะแล้ว จึงมอบการที่จะตีเมืองไทย ให้อะแซหวุ่นกี้คิดอ่านดำเนินการต่อไป พอกองทัพตะแคงมรหน่องหนีไทยกลับไปถึง อะแซหวุ่นกี้เห็นว่าไทยทำศึกเข้มแข็งกว่าเก่า เห็นว่าแนวทางที่ใช้ครั้งก่อนไม่ได้ผล จึงคิดจะใช้แบบอย่างครั้งพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง คือยกกองทัพใหญ่เข้ามาตีหัวเมืองเหนือ ตัดกำลังไทยเสียชั้นหนึ่งก่อน แล้วเอาเมืองเหนือเป็นที่มั่น ยกกำลังทั้งทางบก และทางเรือ ลงมาตีกรุงธนบุรีทางลำแม่น้ำเจ้าพระยา จึงพักบำรุงรี้พลอยู่ที่เมืองเมาะตะมะ แล้วมีคำสั่งไปยังโปสุพลา โปมะยุง่วน ซึ่งถอยหนีไทยไปอยู่ที่เมืองเชียงแสน ให้ยกกลับมาตีเมืองเชียงใหม่ให้ได้ ตั้งแต่ในฤดูฝน แล้วให้เตรียมเรือรบ เรือลำเลียง และรวบรวมเสบียงอาหาร ลงมาส่งกองทัพอะแซหวุ่นกี้ ซึ่งจะยกเข้ามาในต้นฤดูแล้ง โปสุพลา โปมะยุง่วน จึงรวบรวมกำลัง ยกลงมาตีเมืองเชียงใหม่ เมื่อเดือน 10 ปีมะแม พ.ศ. 2318 พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงดำรัสให้มีตราสั่งเจ้าพระยาสุรสีห์ ให้ยกกองทัพเมืองเหนือ ขึ้นไปช่วยเมืองเชียงใหม่ ให้เจ้าพระยาจักรีคุมกองทัพกรุงธนบุรีหนุนขึ้นไป มอบภารกิจให้ตีพม่าถอยจากเชียงใหม่แล้ว ให้เลยตามขึ้นไปตีเอาเมืองเชียงแสน ไม่ให้พม่ามาอาศัยอีกต่อไป อะแซหวุ่นกี้ แบ่งกำลังให้อยู่รักษาเมืองสุโขทัย 5,000 คน แล้วคุมกำลังพล 30,000 คน ยกตามมาถึงเมืองพิษณุโลก ในเดือนอ้าย ข้างขึ้น ให้ตั้งค่ายรายล้อมเมืองทั้งสองฟากแม่น้ำ เจ้าพระยาทั้งสองก็จัดการป้องกันเมืองเป็นสามารถ เมืองพิษณุโลกนั้นแนวปราการตั้งทั้งสองฟาก เอาลำน้ำไว้กลาง จึงให้ทำสะพานเรือกข้ามแม่น้ำสองแห่ง สำหรับส่งกำลังไปมาให้ช่วยเหลือกันได้ กำลังที่อยู่รักษาเมืองพิษณุโลก ประมาณว่าไม่เกิน 10,000 คน อะแซหวุ่นกี้ออกเลียบค่าย เที่ยวตรวจหาชัยภูมิทุกวัน เจ้าพระยาสุรสีห์คุมพลออกโจมตี แต่ต้องถอยกลับมา เจ้าพระยาจักรีคุมพลออกโจมตีบ้าง พม่าต้องถอยหนีกลับเข้าค่ายหลายครั้ง อะแซหวุ่นกี้ยกย่องฝีมือ เจ้าพระยาจักรี วันหนึ่งจึงนัดเจรจากัน เมื่อพบกันแล้วได้สอบถามอายุกัน ปรากฎว่า เจ้าพระยาจักรีอายุ 30 ปีเศษ อะแซหวุ่นกี้อายุ 72 ปี อะแซหวุ่นกี้สรรเสริญเจ้าพระยาจักรีว่า รูปก็งาม ฝีมือก็เข้มแข็ง สามารถสู้รบกับตนได้
ขอให้รักษาตัวไว้ ภายหน้าจะได้เป็นกษัตริย์ ต่อไปภายหน้าพม่าจะตีเมืองไทยไม่ได้อีกแล้ว |