โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

การทำ Disk Defragment คือ การจัดเรียงข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ด้วยโปรแกรม Disk Defragment เพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าใช้ไฟล์ข้อมูล หรือความเร็วในการเข้าถึงไฟล์ การ Defragment หรือ Defragmentation เป็นการสั่งให้ฮาร์ดดิสก์ทำการจัดเรียงข้อมูลใหม่ เพราะในปกติฮาร์ดดิสก์ของเรานั้นจะมีการจัดเก็บข้อมูลที่เข้ามาเป็นแบบสุ่ม ซึ่งการ Defragment จะเป็นการช่วยให้ฮาร์ดดิสก์เก็บและอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ใช่ว่าการ Defragment จะมีแต่ข้อดีเพราะในระยะยาวก็จะมีผลเสียตามมานั่นก็คือ เมื่อเราใช้ฮาร์ดดิสก์เป็นเวลานานการเก็บข้อมูลก็มากขึ้น การใช้เวลาหาไฟล์ต่างๆในฮาร์ดดิสก์ก็จะทำนานขึ้น ส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์ต้องทำงานหนักขึ้นและก็จะทำงานได้ช้าลง รวมไปถึงการแก้ไข ย้าย ลบไฟล์ต่างก็จะเกิดการจัดเรียงไม่ถูกต้องด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องมีการ Defragment อยู่เป็นระยะ เพื่อให้มีการจัดเรียงข้อมูลได้ถูกต้อง โดยโปรแกรม Defragment เป็นคำสั่งหรือโปรแกรมที่มากับวินโดว์หริอระบบปฏิบัติการที่มีอยู่ในเครื่อง ไม่จำเป็นจะต้องหามาติดตั่งเพิ่มแต่อย่างใด โดยวิธีการทำ Defragment มีดังนี้ (ขอยกตัวอย่างเป็น Windows 7)

  1. ไปที่ My Computer คลิกขวาที่ Drive ที่ต้องการทำ Defragment  และเลือกคำสั่ง Properties  และจะมี Popup ขึ้นมาให้ไปที่แท็บ Tools คลิกที่คำสั่ง Defragment now หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ คลิกที่ Start > Accessories > System Tools > เลือกที่ Disk Defragmenter

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

  1. ที่หน้าต่าง Disk Defragmenter จะมี Drive ของคอมพิวเตอร์ให้เลือก ซึ่งจะแสดงข้อมูลใน Drive เป็น % และจะมีคำสั่งที่อยู่ด้านล่างให้เลือกสองคำสั่งคือ Analyze disk และ Defragment disk โดยที่ Analyze disk คือ การให้ระบบตรวจสอบอัตราการกระจายของข้อมูลที่ยังไม่ได้จัดเรียง และ Defragment disk คือ การสั่งให้ตรวจสอบ Fragmented พร้อมกับให้จัดเรียงข้อมูลให้เรียบร้อย

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

  1. คลิกเลือก Drive ที่ต้องการทำ Defragment แล้วเลือกคำสั่ง Analyze disk หรือ Defragment disk ตามที่ต้องการได้เลย และถ้าข้อมูลมีการกระจายมากหรือถ้าขนาด Harddisk มีขนาดเยอะก็จะต้องใช้เวลานานตามข้อมูลและขนาดของดิสก์ หากระบบทำการจัดเรียงข้อมูลเสร็จแล้ว % ก็จะขึ้นเป็น 0% ก็คือ ไม่มีการกระจายข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของเราแล้ว ซึ่งเราสามารถตั้งเวลาให้มีการจัดเรียงข้อมูลเองได้โดยใช้คำสั่ง Configure schedule… โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ทำเป็นแบบ ทุกวัน/ทุกเดือน ได้ตามที่เราต้องการ ซึ่งวินโดว์จะจัดให้โปรแกรมทำการจัดเรียงข้อมูลเองโดยอัตโนมัติตามวันหรือเวลาที่เรากำหนดไว้

 

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

ข้อควรระวังในการทำ Defragment

ในระหว่างที่เราทำการ Defragment หรือสั่งให้โปรแกรมทำการจัดเรียงข้อมูลหากมีกรณีไฟดับหรือไฟตก ทำให้เครื่องดับไป หรือเรากดปิดเครื่องโดยที่โปรแกรมยังจัดเรียงข้อมูลไม่เสร็จเรียบร้อย อาจจะทำให้ข้อมูลที่โปรแกรมกำลังจัดเรียงอยู่ในขณะนั้นหายได้ดังนั้นเราควรมี UPS หรือสำรองไฟไว้ใช้จะดีมาก เพราะไม่ใช่แค่มีประโยชน์ในเวลาทำ Defragment แต่มันมีประโยชน์ต่อคอมของเราในกรณีที่ไฟดับ หรือไฟตกโดยที่เราไม่รู้ตัว

เวลาเรารู้สึกว่าคอมทำงานช้าลง หรือมันอ่านเขียนข้อมูลไม่เร็วเหมือนเดิม เพื่อนบางคนอาจแนะนำให้เราทำการ Defrag ฮาร์ดดิสก์ แล้วมันคืออะไรกันล่ะ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักการ Defrag ฮาร์ดดิสก์กันอีกนิด จะได้เข้าใจมันมากขึ้นนะครับ

Defrag หรือ Defragmentation ถ้าแปลตรงตัว จะหมายถึง ทำให้ไม่มี (De-) ชิ้นส่วน (Fragment) มันคือกระบวนการหนึ่งในการจัดเรียงข้อมูลบนจานแม่เหล็กของฮาร์ดดิสก์ ที่อยู่แยกกันเป็นชิ้นๆ ทั่วจานแม่เหล็ก ให้อยู่เรียงกัน หรืออยู่ใกล้กันมากขึ้นอย่างเป็นระบบครับ

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

เนื่องจากเวลาที่ฮาร์ดดิสก์เขียนข้อมูล มันจะวางชิ้นส่วนของข้อมูลลงบนแผ่นแม่เหล็ก ตามบล็อก หรือ Sector ที่มันเจอ ทำให้ข้อมูลมันเกิดการกระจัดกระจาย สมมุติว่าฮาร์ดดิสก์จะต้องอ่านข้อมูลทั้งหมด 2 ชิ้น แต่มันอยู่ห่างไกลกันมาก ทำให้ต้องมีการหมุนจานแม่เหล็กไปยังข้อมูลชิ้นแรก แล้วหมุนไปหาข้อมูลชิ้นที่ 2 อีก ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการอ่านข้อมูลนั่นเอง

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

เพราะฉะนั้น การ Defrag จะเป็นการจัดเรียงข้อมูลที่มีการจัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ให้อยู่ใกล้กันมากขึ้น เมื่อมีการอ่านข้อมูล จะทำให้มีการอ่านข้อมูลได้รวดเร็ว บางครั้งมีการจัดการชิ้นส่วนข้อมูลขยะอื่นๆ ซึ่งทำให้เราได้พื้นที่กลับคืนมาเล็กน้อยด้วยครับ

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

ในเรื่องของระยะเวลาที่ควรทำการ Defrag ฮาร์ดดิสก์ ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงาน หากเรามีการลงโปรแกรมใหญ่ๆ บ่อยครั้ง เช่น เกม หรือต้องทำงานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่ อย่างการตัดต่อวิดีโอ ลบแล้วลงใหม่เรื่อยๆ ก็ควรทำ 1 ครั้ง ใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนใครที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับไฟล์ขนาดใหญ่ ทำ Defrag เดือนละครั้ง ก็ได้ครับ (ควรทำตอนว่างๆ เปิดโปรแกรม Defrag ทิ้งไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับไฟล์ในคอม)

ทีนี้สำหรับใครที่ใช้ SSD นะครับ ปกติจะไม่ได้รับผลกระทบจากการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นๆ เนื่องจากว่า SSD มันไม่มีจานหมุน แล้วข้อมูลมันถูกบรรจุลงในเซลล์หน่วยความจำ และเรียกข้อมูลออกมาได้ โดยไม่เกิดความล่าช้าจากการค้นหาชิ้นส่วนของข้อมูล เพราะฉะนั้น SSD ไม่จำเป็นต้อง Defrag นะครับ

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

** ตรงนี้ ผมเคยได้ยินว่าการ Defrag SSD จะส่งผลเสียต่อ SSD โดยที่เวลาเราใช้งานโปรแกรม Defrag มันจะทำให้เกิดการอ่านเขียนข้อมูลใน SSD หลายๆ ครั้ง ส่งผลให้อายุการใช้งานของ SSD สั้นลงด้วยนะครับ **

สำหรับการ Defrag ในผู้ใช้งาน Windows จะมีโปรแกรม Defragment อยู่ในส่วนของ Windows Administrative Tools ซึ่งเราสามารถเรียกใช้งานได้เลย

โปรแกรม Defragment and optimize Drive คือ

แต่ส่วนตัวผมขอแนะนำโปรแกรม Disk Defrag จาก Auslogics ซึ่งทำงานได้เร็วกว่า และเห็นความคืบหน้าในการทำงานของโปรแกรม (เหมือน Defragment สมัย Windows XP) สามารถดาวน์โหลดได้จากลิ้งค์นี้ครับ Auslogics Disk Defrag