Server Error in '/' Application.Description: HTTP 404. The resource you are looking for (or one of its dependencies) could have been removed, had its name changed, or is temporarily unavailable. Please review the following URL and make sure that it is spelled correctly.Requested URL: Show
การเมือง สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ประกาศเลื่อนฟุตบอลประเพณี ยันสืบสานอัญเชิญพระเกี้ยว25 ต.ค. 2564 เวลา 14:54 น.3.8k สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ออกประกาศเลื่อนฟุตบอลประเพณี เหตุสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด ยันสืบสานพิธีอัญเชิญพระเกี้ยวสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกประกาศ แนวทางการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2564 มีเนื้อหาโดยสรุปว่า ในการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 สมาคมธรรมศาสตร์ฯ ในฐานะเจ้าภาพได้มีหนังสือลงวันที่ 30 กันยายน 2564 แจ้งขอเลื่อนกำหนดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯออกไปก่อน เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังต้องเฝ้าระวังอยู่ ซึ่งทางสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ เห็นพ้องด้วย โดยในการจัดงานครั้งต่อๆไปทาง สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ จะสืบสานผลักดันให้มีการอัญเชิญพระเกี้ยวต่อไป
Advertisement มีความคืบหน้าจากสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ออกประกาศแนวทางจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ในปีนี้เลื่อนจัดตามเจ้าภาพเสนอ แต่ระบุชัดการจัดงานครั้งต่อไป
จะสืบสานให้มีการอัญเชิญพระเกี้ยว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจต่อไป วันที่ 25 ต.ค. 2564 สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศเรื่อง แนวทางการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ สรุปว่า สมาคมนิสิตเก่าจุฬาลกรณ์มหาวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกันสืบสานงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ สืบเนื่องเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 ในการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ครั้งที่ 75 นี้ สมาคมธรรมศาสตร์ ในฐานะเจ้าภาพ
แจ้งเลื่อนจัดงานฟุตบอลประเพณี ตามที่มีการระบาดของเชื้อโวรัสโควิด ทางสมาคมฯนิสิตเก่าจุฬาฯ เห็นพ้องด้วย ทั้งนี้ การจัดงานครั้งฟุตบอลประเพณีฯ ในครั้งต่อๆ ไป สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ยังคงสืบสานให้มีการอัญเชิญพระเกี้ยว อันเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และความภาคภูมิใจในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยของเหล่านิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันทั้งมวล podcastกำลังโหลดบทความถัดไป... จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หรือ งานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ[a] เป็นการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 มหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศไทย เริ่มจัดกิจกรรมครั้งแรกในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477[1] แต่ละมหาวิทยาลัยจะสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทุกปี ชื่อของมหาวิทยาลัยที่เป็นเจ้าภาพจะได้รับเกียรติให้ขึ้นต้นชื่องานฟุตบอลประเพณีในปีนั้น สถานที่จัดการแข่งขันจะไม่สลับตามเจ้าภาพ แต่จะจัดงานที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เป็นประจำทุกปี กองเชียร์ของมหาวิทยาลัยเจ้าภาพจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศเหนือ อีกฝ่ายจะใช้อัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ กิจกรรมภายในงานอาจแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ การแข่งขันฟุตบอล และกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างนิสิตจุฬาฯ กับนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เช่น การเดินพาเหรด การเชียร์ การแปรอักษร ขบวนพาเหรดล้อการเมืองและกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์[2] ในทุกๆ ปี บรรยากาศภายในงานจะถ่ายทอดสดผ่านทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ตามลำดับ ยกเว้น ครั้งที่ 70 (มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องไบรต์ทีวีร่วมอยู่ด้วย) และ ครั้งที่ 72 และ 74 ที่ถ่ายทอดสดเฉพาะช่องไทยรัฐทีวีในระบบความคมชัดสูง[3] รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจากการจัดงานทุกปีจะนำไปบริจาคเป็นสาธารณกุศล[1] ผลการแข่งขันถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ประวัติ[แก้]งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2477 โดยกลุ่มนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อสร้างความสามัคคีนิสิตในหมู่นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัย เนื่องจากมุมมองของนักเรียนในสมัยก่อนว่า ผู้เข้าศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสำเร็จมัธยมศึกษา ส่วนผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ชื่อในขณะนั้น) ไม่สำเร็จมัธยมศึกษา ทำให้มีการดูถูกกันหรือไม่สนิทสนมกันเหมือนเดิม จึงเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดกิจกรรมสานความสามัคคีและสร้างความปรองดองระหว่างกัน โดยมีแบบอย่างจากการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร และการแข่งขันเบสบอลประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยเคโอและมหาวิทยาลัยวาเซดะในประเทศญี่ปุ่น แต่กลุ่มผู้ริเริ่มถนัดและสนใจกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่เมื่ออยู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จึงตกลงที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอลขึ้น ผู้ริเริ่มฝ่ายจุฬาฯ ประกอบด้วย ประถม ชาญสันต์ เป็นหัวหน้านิสิตคณะอักษรศาสตร์ในขณะนั้น กับทั้งประสงค์ ชัยพรรค และประยุทธ์ สวัสดิ์สิงห์ เวลานั้น หม่อมราชวงศ์สุมนชาติ สวัสดิวัฒน์ นายกสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำเรื่องเสนอผ่านกองกิจการนิสิตซึ่งมีหม่อมราชวงศ์สลับ ลดาวัลย์ เป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อขออนุมัติจัดงานจากอธิการบดี ส่วนผู้ริเริ่มฝ่ายธรรมศาสตร์ คือ ต่อศักดิ์ ยมนาค และบุศย์ สิมะเสถียร ได้ทำเรื่องเสนอเดือน บุนนาค เลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อขออนุมัติจากผู้ประศาสน์การ เมื่อได้รับฉันทานุมัติจากมหาวิทยาลัยทั้งสองแล้ว งานก็ได้เริ่มขึ้นโดยมีธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพ จัดที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 และมีการเก็บค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายได้ทั้งหมดมอบให้แก่สมาคมปราบวัณโรคซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในขณะนั้น ปีต่อมา ย้ายสถานที่จัดการแข่งขันมายังสนามฟุตบอลโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จนปี พ.ศ. 2492 ย้ายมาที่สนามศุภชลาศัยถึงปัจจุบัน รายได้ที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้แก่หน่วยงานการกุศลทุกครั้ง จนปี พ.ศ. 2521 จึงเริ่มนำรายได้ถวายพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย การพระราชทานถ้วยรางวัลมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2492 เมื่อสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จมาเป็นองค์ประธาน จนปี พ.ศ. 2495 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานและพระราชทานถ้วยรางวัลด้วยพระองค์เอง แต่ปัจจุบัน โปรดให้ผู้แทนพระองค์มาแทน อัฒจันทร์ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แปรอักษร เหตุการณ์ที่ทำให้ต้องยกเลิกการจัดงานฟุตบอลประเพณีมีหลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ. 2485 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วกรุงเทพมหานคร ช่วงปี พ.ศ. 2487–2491 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ในปี พ.ศ. 2494 เกิดกบฏแมนฮัตตัน ช่วงปี พ.ศ. 2516 – 2518 องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เห็นว่าการจัดงานฟุตบอลประเพณีใช้งบประมาณมาก เป็นกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย ในปี พ.ศ. 2557 เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ในปี พ.ศ. 2560 ยกเลิกกิจกรรมเพื่อเป็นการแสดงความอาลัยในช่วงพระราชพิธีพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และในปี พ.ศ. 2564 - 2565 ยกเลิกกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เอกลักษณ์เด่น[แก้]ขบวนพาเหรด[แก้]ตามธรรมเนียมก่อนเข้าสู่การแข่งขัน จะมีการเดินพาเหรดขบวนล้อการเมือง โดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง ม.ธรรมศาสตร์ เป็นส่วนหนึ่งในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ เป็นสิ่งแสดงความคิดความอ่านทางการเมืองของนักศึกษาที่จะต้องโตขึ้นไปอยู่ในสังคมที่ถูกขับเคลื่อนโดยแรงขับทางการเมือง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม ดังนั้น การทำล้อการเมืองแสดงผ่านหุ่น ผ่านข้อความในป้ายผ้า เป็นบทกลอน จะสะท้อนความคิดเห็นของนักศึกษาหลากหลายคณะในมหาวิทยาลัยจากการเรียนในวิชาต่างๆ ออกมาเป็นตัวหุ่น เป็นป้ายผ้า ซึ่งล้อการเมืองมีมาทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นในยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากกว่าหลายล้านเสียงก็ตาม ตรงนี้ล้อการเมืองก็ยังอยู่มาเรื่อยๆ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานของการล้อที่ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ล้อการเมืองจะไม่ขาดช่วงไปจากสังคมไทย[4] ในขณะที่ขบวนสะท้อนสังคม ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับผิดชอบโดยกลุ่มสะท้อนสังคม เป็นการนำปัญหาของสังคมที่เกิดในรอบปี โดยการนำเสนอผ่านงานศิลปะ อาทิตัวหุ่น และป้ายผ้า ซึ่งการสะท้อนสังคมเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงที่สามารถทำได้ในฐานะนิสิต โดยเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่มีถูกผิด เพียงแค่ต้องอยู่ในกรอบเท่านั้น[5] ทั้งขบวนล้อการเมือง และขบวนสะท้อนสังคม มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคม โดยนำเสนอภายใต้ขอบเขต ซึ่งจะไม่โจมตีไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อให้นิสิต-นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ได้ตระหนักและตื่นตัวต่อปัญหา/สถานการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมกันหาทางแก้ไขเพื่อให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[แก้]การอัญเชิญพระเกี้ยว[แก้]การอัญเชิญพระเกี้ยวปรากฏหลักฐานครั้งแรกในหนังสือพิมพ์สยามนิกร (พิเศษ) ฉบับวันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2507 โดยมีนิสิตหญิง 1 คน เป็นผู้อัญเชิญ โดยการอัญเชิญพระเกี้ยวเข้ามาสู่สนามการแข่งขันเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่นักกีฬาและกองเชียร์ โดยจะคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นนิสิตชาย 1 คน และ นิสิตหญิง 1 คน เพื่อเป็นตัวแทนบรรดานิสิตอัญเชิญพระเกี้ยวเข้าสู่สนามแข่งขัน ถึงแม้ว่านิสิตทุกคนต่างมีฐานะเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว[6] แต่เนื่องจากในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถให้ทุกคนเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ จึงต้องคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นตัวแทนนิสิตเพื่อทำหน้าที่นี้[7] อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2564 องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) มีมติในการประชุมสามัญ 29:0 เสียง เห็นควรให้มีการยกเลิกกิจกรรมการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในงานฟุตบอลประเพณีฯ เนื่องจากเห็นว่าเป็นธรรมเนียมที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียม และพบว่ามีการบังคับนิสิตให้มาแบกเสลี่ยงโดยอ้างว่าจะมีผลต่อคะแนนการคัดเลือกผู้มีสิทธิ์ใช้หอพัก[8] ประธานเชียร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[แก้]ผู้นำเชียร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหรือฝั่งจุฬาจะเรียกว่า "ประธานเชียร์" นอกจากจะทำหน้าที่นำเชียร์ ควบคุมจังหวะการร้องเพลงเชียร์ของสแตนด์แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของนิสิตจุฬา ในการประชาสัมพันธ์งานฟุตบอลประเพณีฯ และบำเพ็ญประโยชน์แก่สาธารณะอีกด้วย ในระยะแรกนั้นผู้นำเชียร์หรือประธานเชียร์จะเป็นผู้ให้จังหวะปรบมือแก่กองเชียร์ ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงท่าทางของผู้นำเชียร์ขึ้นใหม่ โดยเน้นหลักการสำคัญของผู้นำเชียร์แห่งจุฬาฯ นั้น มี 5 ประการ ได้แก่ การให้จังหวะ การควบคุมกองเชียร์ ความสวยงาม ความพร้อมเพรียง และรูปแบบในการนำเสนอ มีการแต่งตัวให้สวยงาม สร้างสีสันให้กับสแตนด์เชียร์ การสรรหาผู้นำเชียร์ฯ จากการเปิดรับสมัครคัดเลือกอย่างเป็นทางการจากนิสิตทั่วไป ไม่จำกัดคณะและชั้นปี ในแต่ละปีนั้นมีจำนวนผู้ผ่านการคัดเลือกแตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของผู้สมัครในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้วมักมีจำนวนเฉลี่ยรุ่นละ 11-13 คน จุฬาฯคทากร[แก้]จุฬาฯคทากรมีหน้าที่หลักคือ การเดินนำขบวนพาเหรดของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนั้นยังมีหน้าที่แสดงควงคทาประกอบเพลงประจำมหาวิทยาลัยอีกด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[แก้]ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์[แก้]อัฒจันทร์ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขณะกำลังแปรอักษรว่า "รัก CU นะ" ในอดีตผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักร ถ้วยพระราชทาน ป้ายนามมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง และดรัมเมเยอร์ ได้มาจากการคัดเลือกเช่นเดียวกับการอัญเชิญพระเกี้ยวของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาในปี พ.ศ. 2516 ประเพณีการคัดเลือกก็ได้งดไป เนื่องจากถูกมองว่าเป็นความฟุ่มเฟือยและเกิดเป็นที่มาของคำขวัญว่า "ธรรมจักรเป็นของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ทุกคนจึงมีสิทธิในการอัญเชิญได้" จึงคงไว้เพียงขบวนอัญเชิญธรรมจักรและรับสมัครทุกคนที่สนใจร่วมแบกเสลี่ยงอัญเชิญโดยไม่มีผู้แทน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2544 สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ฟื้นฟูผู้นำในขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์และทำหน้าที่ในการบำเพ็ญประโยชน์ ตลอดจนการรณรงค์และส่งเสริมให้นักศึกษาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันมากขึ้นกลับมา ในชื่อว่า "ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์" โดยเริ่มตั้งแต่ 2545 เป็นต้นมา หน้าที่ของทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์คือเป็นตัวแทนนักศึกษาในการนำขบวนพาเหรดทั้งหมดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าสู่สนาม โดยเป็นผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน อัญเชิญพานพุ่มนำขบวนอัญเชิญธรรมจักรและดรัมเมเยอร์ รวมถึงการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การคัดเลือกทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะพิจารณาถึงทั้งลักษณะ บุคลิก ความรู้ความสามารถ ทั้งในด้านการเรียน และในความรู้เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ การมีจิตอาสา มีคุณธรรมและพร้อมที่จะช่วยเหลือแก่สังคม แม่ทัพเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์[แก้]ผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หรือฝั่งธรรมศาสตร์จะเรียกว่า "แม่ทัพเชียร์" เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้านำกองเชียร์ร้องเพลงส่งเสียงเชียร์ ประกอบรหัส สัญญาณ การเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออุปกรณ์ เพื่อความพร้อมเพรียง ความสวยงาม และความสนุกสนานของการเชียร์และแปรอักษร โดยทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีแนวคิดและต้นแบบแรงบันดาลใจจาก ผู้ควบคุมวงดนตรีหรือวาทยากร ที่ทำหน้าที่นำการเล่นดนตรีวงใหญ่หรือการร้องประสานเสียง ผู้นำเชียร์นั้นนอกจากจะมีท่วงท่าสง่างาม ยังมีรหัสสัญญาณมือที่สื่อความหมายสามารถประยุกต์ใช้กับการร้องเพลงเป็นหมู่คณะของกองเชียร์ เพลงประจำการแข่งขัน[แก้]
ผลการแข่งขัน[แก้]ผลการแข่งขันจนนับจากปี พ.ศ. 2477 ถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชนะ 24 ครั้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชนะ 18 ครั้ง และเสมอกัน 32 ครั้ง ดังนี้[9]
เชิงอรรถ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
ดูเพิ่ม[แก้]
|