แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    หนังสือ "แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความภาษาไทย 3" เล่มนี้ ได้เสนอคำแนะนำในการอ่านจับใจความ ข้อความประเภทต่างๆ พร้อมคำถามเป็นชุดๆ เฉลยคำตอบครบทุกชุด เพื่อเป็นเครื่องช่วยชี้แนวทางในการเรียน การสอนอ่านจับใจความแก่ครู-อาจารย์ผู้สอน และนักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง จึงเป็นประโยชน์ให้แก่นักเรียนครู-อาจารย์ผู้สอน และผู้ที่สนใจในการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยได้

��ٺ�ҹ�͡�ͷ��� ���䫵�ͧ��ٵ������ ��˹�� �����ѧ��§ ���繪�ͧ�ҧ㹡��������� �š����¹ �����ٹ������� ������������ ���ѹ���µ���˵ء�ó���س��� ��黯Ժѵԧҹ㹷ء��鹷��ͧ������� ���ͤ�����ԭ�͡���㹻ѭ�� �����ԭ����˹����ԪҪվ

��纹���͡��Դ����� 5 ���Ҥ� 2548

Email : [email protected]
Tel : 081-3431047

แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
  • มองหาไอเดียตกแต่งบ้านและคอนโด, คอนโดมิเนียม, ขายบ้าน, ขายบ้านใหม่, คอนโดใหม่

  • รับงานสแตนเลส-เหล็กทุกชนิด ประตู ราวบันได กันตก โครงหลังคา เหล็กดัด กันสาด โพลี เมทัลชีท ขอนแก่น

  • Driverbiggershares - แจกฟรี ไดร์เวอร์ ,เฟิร์มแวร์ ,รอมศูนย์ ทุกค่าย.

  • อภิชาต คลินิก บริการ โบท็อกซ์ลดกราม ร้อยไหมหน้าเรียว ฉีดหน้าใส กำจัดขนรักแร้ ฉีดฟิลเลอร์ จมูก คาง ร

  • อภิชาต คลินิก บริการ โบท็อกซ์ลดกราม ร้อยไหมหน้าเรียว ฉีดหน้าใส กำจัดขนรักแร้ ฉีดฟิลเลอร์ จมูก คาง ร

  • อ่านเรื่อง ลุง VM Vaughn วัย 56 ปี เพิ่งฝึก Coding ที่ ismtech.net แปลจาก freecodecamp.org มาให้อ่าน ที่ลุงเค้าเขียน เพราะ "เค้ารักมัน และทำมันได้ดีซะด้วย" แสดงว่าใบปริญญา ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักอย่างแน่นอน ในการทำให้คนเราเขียน code

    แล้วเคยอ่านโพสต์เรื่อง "ถ้าจะเรียนวิทย์-คอมที่ที่ไหนโอสุด" จาก pantip.com ชอบหลายความเห็น อาทิ ความเห็นที่ 2 Mr. Tracker : "เรียนสายนี้ ความรู้ในห้องมันมีประโยชน์แค่ 10% ของการทำงานครับ ส่วนที่เหลือต้องสะสมประสบการณ์ล้วน ๆ ความรู้ต้องหาเองครับ อาจารย์ทำได้แค่แนะแนวทาง" ความเห็นที่ 6 nuacool : "ในห้อง 25 % ที่ อาจารย์สอน อีก 75 % มาจากตัวเราเอง ล้วน ๆ"

    ก็พอสรุปได้ว่า ต่อให้เรียนในชั้นเรียนได้ A หรือทำได้ 100% ตามที่ครูสั่ง ก็อาจนำไปใช้ตอนทำงานได้เพียง 25% เท่านั้น อาทิ อาจารย์สอนเขียนโปรแกรมพิมพ์ 1 - 10 แล้วเราทำได้คนเดียวในห้อง เพื่อนในห้องทำกันไม่ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตจริงจะใช้เพียงพิมพ์ 1 - 10 นี่ครับ อาจพิมพ์ a - z ก็ได้ แต่อาจารย์ไม่ได้สอน และนอกห้องเรียนคงมีคนทำได้มากกว่าพิมพ์ a - z อย่างแน่นอน

    ก่อนเข้าเรื่อง ขอนอกเรื่อง เรื่องความเสี่ยงของโปรแกรมเมอร์ กันก่อนเลย
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    เคยอ่านบทความ 2 เรื่อง เขียนโดย ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์

    สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ท่านเขียนบทความลง manager online มีความสนใจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเสี่ยง (Risk Management) และความเสี่ยงที่ใกล้ตัว คือ สถาบันการศึกษา และ อาชีพอาจารย์

    ใครที่สนใจเรื่องความเสี่ยง คาดไว้ก่อนว่าต้องทำ งานประกันคุณภาพ เคยเป็นตัวบ่งชี้หนึ่งในเรื่องการบริหารจัดการ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ ดร.อานนท์ มาอยู่ในเว็บเพจหน้านี้ บทความ 2 เรื่องที่ท่านเขียน กระแทกเข้ามาที่อาชีพ โปรแกรมเมอร์ และวิทยากรคอมพิวเตอร์ สำหรับผมแล้ว จิ้งจกทักยังต้องเหลียวไปมอง ดังนั้นสิ่งที่ท่านกระแทกมา นักเรียน นักศึกษา หรือผู้สนใจด้าน Developer จะวางเฉยได้ไง ถ้า ดร.อานนท์ ตีแสกหน้าอาจารย์คอม ซะขนาดนี้แล้ว แล้วอาจารย์หรือนักศึกษาที่เกี่ยวข้องยังวางเฉยได้ ก็อ่ะนะ เรียก สงบ สยบ เคลื่อนไหว ก็แล้วกัน แล้วบทความของท่านเขียนมายาว ผมคัดลอกฉบับเต็มให้นักศึกษาผมได้อ่านที่ /webmaster/responsive ส่วนตีแสกหน้าอาจารย์คอม นั้น ก็ Quote ไว้ใน คอลัมทางขวาแล้ว .. อ่านซะ

    จากบทความเมื่อ 25 พฤษภาคม 2559 ที่ท่านเขียนถึงมหาวิทยาลัย

    "ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเปิดสอนกันแทบทุกสถาบันในประเทศไทย แต่บริษัทเอกชนกลับหาคนมาทำงานด้าน Computer ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต้องการคนเก่งคนมีความรู้ความสามารถอีกมากได้ยากมาก บัณฑิตด้าน computer sciences จำนวนมากจากหลายสถาบันไม่สามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้จริงได้เลย หรือในอีกด้านเราผลิตคนที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดและมีคุณภาพไม่เพียงพอ" จาก manager.co.th

    จากบทความเมื่อ 28 ธันวาคม 2559 ที่ท่านเขียนถึงอาจารย์ในมหาวิทยาลัย

    "ทุกวันนี้ประเทศไทยขาดแคลนโปรแกรมเมอร์อย่างรุนแรง มีคนสมัครมาก แต่คุณภาพนั้นมีปัญหา ทำงานไม่ได้จริง ไม่ตรงตามสิ่งที่ภาคเอกชนและภาคธุรกิจใช้กันในปัจจุบัน ประกอบกับนักศึกษาก็ไม่อยากเรียนอะไรที่ยาก ชอบเรียนอะไรง่ายๆ สบายๆ ซึ่งเป็นการทำลายตนเองในระยะยาวอยู่ดี น่าเห็นใจอาจารย์ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมาก โลกของดิจิทัลและวิทยาการข้อมูลกำลังรุกล้ำเข้ามาอย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจที่ใช้ความรู้และนวัตกรรมเป็นฐานทำให้อาจารย์มหาวิทยาลัยจำนวนมากตกยุค อาจารย์มหาวิทยาลัยคงไม่สามารถสอนเรื่องเดิมๆ ที่ตนเองเคยเรียนมาเมื่อ 20-30 ปีก่อนได้อีกต่อไป" จาก manager.co.th

    สารบัญ
      ขั้นตอนการเรียนรู้ เพื่อเป็น Programmer
    1. เลือกเขียนโปรแกรมหนึ่งภาษา ( Programming Language )
    2. เข้าใจโครงสร้างข้อมูล ( Data Structures )
    3. เขียนร่วมกับระบบฐานข้อมูล ( Database System )
    4. การวิเคราะห์และออกแบบระบบ ( System Analysis and Design )
    5. มีโครงงานเป็นของตนเอง ( Student Project ) เพื่อฝึกปฏิบัติจริง
    1. แนวคิดการสอนเขียนโปรแกรมหลายครั้งที่เริ่มสอนเขียนโปรแกรม ให้นักเรียนกลุ่มใหม่ และก็ต้องบอกเล่า ด้วยประโยคเดิมทุกครั้งว่า "การเขียนโปรแกรม ทุกภาษานั้นคล้ายกัน" สิ่งที่แตกต่างกัน ของแต่ละภาษา คือ วากยสัมพันธ์ (Syntax) หรือ โครงสร้างทางไวยกรณ์ หรือ กฎเกณฑ์ของภาษา แต่สิ่งที่เหมือนกันของทุกภาษา คือ โครงสร้าง (Structure) เราสามารถใช้ประสบการณ์จากภาษาหนึ่ง ไปใช้ในอีกภาษาหนึ่งได้ ด้วยการฝึกฝนเรื่องของการโปรแกรมโครงสร้าง (Structure Programming) เพื่อสามารถควบคุมในสิ่งที่คล้ายกัน คือ input, process และ output นั่นหมายความว่า ถ้าเขียนโปรแกรมทำหน้าที่อะไร ในภาษาหนึ่งได้แล้ว การเขียนโปรแกรมแบบนั้น อีกภาษาย่อมไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแต่ต้องศึกษาถึง Syntax ของภาษานั้นเพิ่มเติม แล้วนำประสบการณ์ที่เคยเขียน ไปสั่งกำหนดขั้นตอนการทำงานให้เป็นไปต้องการ จึงมักสนับสนุนให้ผู้เรียนรู้ได้ศึกษาภาษาที่ไม่มีตัวช่วยมาก เพื่อให้เข้าใจในหลักการ และขั้นตอนการทำงานในเบื้องต้นก่อน แล้วขยับขึ้นไปพัฒนาโปรแกรมที่เป็นวิชวลต่อไป2. ความหมายของ Structure Programmingการโปรแกรมแบบมีโครงสร้าง หรือ การโปรแกรมโครงสร้าง คือ การโปรแกรมที่ประกอบด้วยกระบวนการ 3 รูปแบบ ได้แก่ การทำงานแบบตามลำดับ(Sequence) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) และ การทำซ้ำ(Loop) มีตำราหลายเล่มแยกการเลือกตามเงื่อนไขเป็น if กับ select case หรือ การทำซ้ำแยกได้เป็น do while กับ do until แต่ก็ยังนับได้ว่าการเขียนโปรแกรมโครงสร้างมีกระบวนการเพียง 3 รูปแบบ และมีแนวคิดใหม่ว่าการโปรแกรมไม่จำเป็นต้องใช้ Structure Programming หากศึกษาในรายละเอียดก็พบว่าทุกภาษายังจำเป็นต้องมีกระบวนการ 3 รูปแบบนี้อยู่เป็นพื้นฐาน เช่น Microsoft Access ที่มีการใช้งาน Tool หรือ wizard ให้ใช้ แต่ก็ยังต้องมีการลง code ใน module ซึ่งต้องมีประสบการณ์ในการโปรแกรมแบบ Structure Programming เพื่อควบคุม Object ให้ทำงานประสานกันได้
    การโปรแกรมแบบมีโครงสร้าง หรือ การโปรแกรมโครงสร้าง คือ การกำหนดขั้นตอนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานโดยมีโครงสร้างการควบคุมพื้นฐาน 3 หลักการ ได้แก่ การทำงานแบบตามลำดับ (Sequence) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข (Decision) และ การทำซ้ำ (Loop)2.1 การทำงานแบบตามลำดับ (Sequence) คือ การเขียนให้ทำงานตามเหตุการณ์จากบนลงล่าง เขียนคำสั่งเป็นบรรทัด และทำทีละบรรทัดจากบรรทัดคำสั่ง จากบรรทัดบนสุดลงไปจนถึงบรรทัดล่างสุด สมมติให้มีการทำงาน 3 เหตุการณ์ คือ บรรทัดแรกสั่งอ่านข้อมูลเข้า บรรทัดที่สองสั่งประมวลผล บรรทัดที่สามสั่งพิมพ์ผลลัพธ์ ซึ่งจะสลับลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    // tryit.asp2.2 การเลือกกระทำตามเงื่อนไข(Decision) คือ การเลือกกระทำตามกระบวนการหรือเหตุการณ์ โดยปกติจะมีเหตุการณ์ให้เลือกอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ คือ ตามเงื่อนไขเป็นจริงจะกระทำเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อเป็นเท็จจะกระทำอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่ถ้าซับซ้อนมากขึ้น จะต้องใช้เงื่อนไขหลายชั้น เช่น การตัดเกรดนักศึกษา การคิดค่านายหน้า การคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากประจำ เป็นต้น
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    2.3 การทำซ้ำ(Repeation or Loop) คือ การทำกระบวนการ หรือเหตุการหนึ่งจำนวนหลายครั้งซ้ำกัน โดยมีเงื่อนไขในการควบคุมการสิ้นสุด หมายถึง การทำซ้ำจะทำไปเรื่อย ๆ วนซ้ำไปจนกว่าเงื่อนไขการควบคุมจะอนุญาตให้สิ้นสุดการทำงาน ซึ่งการทำซ้ำในภาษาโปรแกรมมักมี 2 แบบ คือ ตรวจสอบเงื่อนไขตอนต้นก่อนเริ่มทำงาน หรือตอนท้ายของการทำงาน
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    Sequence
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    Decision
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    Repeation
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    3. การเริ่มต้นเขียนโปรแกรมเริ่มต้นตรงไหน :
    เริ่มตรง Learning by doing ที่ไม่ไปเน้นกับ syntax หรือ structure แต่ยกตัวอย่างให้เห็นภาพโปรแกรมที่สั้น เข้าใจง่าย นั่นคือ การพิมพ์ 1 ถึง 10 หรือ สูตรคูณ หรือ พีระมิดของตัวเลข ที่ต้องฝึกใช้ Structure Programming ให้ชำนาญ ส่วน syntax นั้นให้ไปอ่านเพิ่มเติมในรายละเอียดด้วยตนเอง บ่อยครั้งที่ feed back คือ "เสียงบ่นว่าไม่ชอบเขียน ไม่มีประโยชน์" หรือ "เขียนไม่ได้ ถึงเขียนได้ ก็ไม่รู้จะเขียนไปทำไม จึงไม่เขียน" แล้วก็ต้องอธิบายย้ำว่า การเริ่มต้นแบบนี้ "ทำให้รู้จักควบคุมโปรแกรม กำหนดขั้นตอนการทำงานตามหลักการโปรแกรมแบบมีโครงสร้างได้ดีขึ้น รู้จักเรียนรู้ และแก้ปัญหาด้วยตนเอง รวมทั้งรู้จักแก้ไข Syntax พื้นฐานไม่ให้ผิดพลาด เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเขียนโปรแกรมในระดับต่อไปได้"
      เริ่มต้นเขียนโปรแกรมทำอย่างไร (จากหนังสือ พื้นฐานเว็บมาสเตอร์บทที่ 17)
    1. เลือกภาษา สำหรับนักศึกษานั้นง่ายที่จะเลือก เพราะอาจารย์คอยชี้แนะ
    2. หาแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากห้องสมุด ถ้าท่านไม่มีอะไรอยู่ในมือเลย คงนึกโครงสร้างภาษาไม่ออกเป็นแน่
    3. หาตัวแปลภาษา ทุกภาษาต้องมีตัวแปลภาษา บางภาษามี Free compiler
    4. เขียนโปรแกรมตัวแรกที่ง่าย เช่น พิมพ์ hello world
    5. ศึกษาการทำซ้ำ และการเลือกตามเงื่อนไข เช่น พิมพ์สูตรคูณ หรือพิมพ์ 1 ถึง 10
    6. ติดต่อแฟ้มข้อมูล เพื่ออ่านมาแสดงผล หรือปรับปรุงข้อมูลได้
    7. เขียนเมนู เพื่อเลือกกระทำโปรแกรมตามตัวเลือก
    8. ทำรายงานจากการเชื่อมแฟ้มหลายแฟ้ม โดยกำหนดได้หลายตัวเลือก
    9. เขียนโปรแกรมเพิ่มข้อมูล เช่น ซื้อ ขาย ยืม คืน หรือ ระบบทะเบียนสมาชิก
    10. สร้างโปรแกรมขึ้นมาหนึ่งระบบที่ตอบความต้องการของผู้ใช้
      ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม (Steps in Program Development) #
    1. ศึกษาความต้องการของโปรแกรม (Program Requirements)
    2. การออกแบบโปรแกรม (Program Design)
    3. การเขียนโปรแกรม (Program Coding)
    4. การตรวจสอบข้อผิดพลาด และแก้ไขโปรแกรม (Program Debugging)
    5. การทดสอบโปรแกรม (Program Testing)
    6. การบำรุงรักษาโปรแกรม (Program Maintenance)
    4. การบ้าน คือ บันไดสู่ประสบการณ์งานมอบหมาย (Assignment) หมายถึง การสั่งงานให้นิสิต/นักศึกษา/นักเรียน/ผู้เรียนรู้ ได้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง เป็นวิธีหนึ่งในการพัฒนาทักษะของผู้เรียน งานมอบหมายที่ใช้เวลาค้นคว้า เรียนรู้ ปฏิบัติ ไม่นานนัก และทำที่บ้าน เรียกว่า การบ้าน ถ้าเป็นงานมอบหมายที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ ใช้เวลาระยะหนึ่ง ลองผิดลองถูก ปรับปรุงแก้ไขพัฒนา เรียกว่า โครงงาน สำหรับงานมอบหมาย/การบ้าน/โครงงาน มักต้องใช้หลักการแนวทางที่ได้จากในห้องเรียน ต่อยอด หรือค้นคว้าเพิ่มเติม ที่มีท้าทายความสามารถมากพอ จนต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการฝึกฝน ค้นคว้า จนสำเร็จ เกิดทักษะตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
    การบ้าน หรือโครงงาน (Project) หมายถึง งานที่ต้องกลับไปทำที่บ้าน หากเป็นโครงงานก็จะใช้เวลาทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นภาคการศึกษา หรือเป็นปีการศึกษา งานมอบหมายอาจมีทั้งงานกลุ่ม และงานเดี่ยว ซึ่งแตกต่างกันไปตามเนื้องาน และวัตถุประสงค์ของงาน งานกลุ่ม คือ งานที่ในทีมมีหน้าที่แตกต่างกัน เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ปริมาณงานต้องมากพอ หรือมากเกินกว่าคนเดียวจะทำได้สำเร็จ งานเดี่ยว คือ งานที่ต้องเข้าใจกระบวนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบเพียงผู้เดียว ประมาณงานไม่มากเกินความสามารถที่คนเดียวจะทำได้สำเร็จ5. ตัวอย่างโจทย์พีระมิด คือ แบบฝึกหัดที่ยากสำหรับผู้เริ่มต้นตัวอย่างพีระมิดที่มอบหมายให้นักศึกษาไปเขียน (ผมใช้สอนในทุกภาษาที่ผมสอนทีเดียว)

    โจทย์ใน excel

    1.
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    Source Code .java2.
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    Source Code .java3.
    15*****
    26******
    37*******
    48********
    
    Source Code .java4.
    *1
    **212
    ***32123
    ****4321234
    
    Source Code .java5.
       11
      2**2
     3****3
    4******4
     3****3
      2**2
       11
    
    6. (java % and /)
    1010101010101
     10101010101
      101010101
       1010101
        10101
         101
          1
    
    7.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    08.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    19.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    210.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    311.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    412.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    513.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    614.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    715. (2 * i - 1)
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    816.
    var a = 1;
    a = a + 2 * 3; // operator rule
    document.write(a);
    
    917.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    018.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    119.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    220.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    321.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    422.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    523.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    624.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    725.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    826.
    var i = 1;
    if(i == 1) i = 2;  
    else if(i > 1) { i = 3; }
    document.write( i );
    
    927.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    028.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    129.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    230.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    331.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    432.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    533.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    634.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    735.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    836.
    var i = 1;
    while (i < 3) { i = i + 1; }
    do { i = i + 1; } while (i < 3);
    document.write( i );
    
    96. ตัวอย่างโปรแกรมภาษา Pascalได้รับ mail จากคุณ ditthapong สอบถามว่าเขียน พีระมิดด้วย pascal แบบเลือกตัวอักษรได้ จะเขียนอย่างไร ผมจึงเขียน และแชร์ไว้ตามตัวอย่างข้างล่างนี้
    โปรแกรมนี้รอรับตัวอักษรจากแป้นพิมพ์ แล้วนำไปใช้กำหนดเงื่อนไขในการพิมพ์
    เช่น ส่งอักษร D ก็จะพิมพ์บรรทัด A ถึง บรรทัด D และถ้าส่งอักษร E ก็จะพิมพ์บรรทัด A ถึง บรรทัด E เป็นต้นรหัสต้นฉบับ (Source Code)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    0ผลลัพธ์ (Output)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    1เมื่อเช้านี้น้องเค้า mail ถึงผมอีกว่า ใช้ function ที่ครูยังไม่สอน
    ผมจึงเขียนใหม่แบบที่ไม่ต้องใช้ function รู้สึกง่ายกว่าเดิมอีกครับรหัสต้นฉบับ (Source Code)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    2ผลลัพธ์ (Output)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    37. ตัวอย่างโปรแกรมภาษา Java Scriptเมื่อหลายปีก่อน เคยมีเพื่อนถามว่าเขียนโปรแกรม Pyramid ด้วย Java เขียนอย่างไร จึงทำตัวอย่างไว้ 4 code จาก 36 code วันนี้ (23 ส.ค.60) มีโอกาสปรับ code ให้ดีขึ้น อ่านง่ายขึ้น แล้วอัพไปทดสอบที่ compilejava.net แล้วก็สั่ง paste source ส่งเข้า Github.com ได้ link ใน GIST มาด้วย ต่อจากนี้ก็จะปรับตัวอย่าง Java script ในหัวข้อนี้ หลังเมื่อวานมอบหมายงานให้ น.ศ. ไปเขียนมา 36 code ด้วย Javascript แนะนำไปว่าให้ใช้ Editplus ทำการ Create, Edit และ Run (Ctrl-B) บน Editplus ได้เลย แต่ถ้าใช้ Notepad++ ก่อนกด Ctrl+Alt+Shift+R = Launch in Chrome เพื่อดูการทำงานของ Javascript ก็ต้อง Save file ให้เรียบร้อยก่อน หากต้องการทดสอบแบบ online ก็แนะนำที่ js.do หรือ jsbin.comรหัสต้นฉบับ (Source Code)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    4 ผลลัพธ์ (Output)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    5รหัสต้นฉบับ (Source Code)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    6 ผลลัพธ์ (Output)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    7รหัสต้นฉบับ (Source Code)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    6 ผลลัพธ์ (Output)
    11******11
     22****22
      33**33
       4444
    
    98. แบ่งระดับการเขียนโปรแกรม 4 ระดับ
      ระดับในการเขียนโปรแกรมมีหลายระดับ
    1. เขียนตามที่ครูสอน ( ระดับต้น )
    2. เขียนโครงงานส่งครู ( ระดับกลาง )
    3. เขียนโปรแกรมประยุกต์ไว้ใช้งาน ( ระดับสูง )
    4. เขียนโปรแกรมเชิงวัตถุให้ถูกเรียกใช้ภายหลัง ( ระดับมืออาชีพ )
      นักเรียนบางคนเก่งกว่าอาจารย์อีกครับ เพราะศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์นั้น ปฏิบัติง่ายกว่าทฤษฏีเยอะ หมายความว่า การลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง จะเข้าใจได้ทันที โดยไม่ต้องมีคำอธิบาย การฟังบรรยาย จะได้เพียงแนวคิด แต่จะไม่ทำให้เกิดความชำนาญ และนำไปประยุกต์ใช้ได้ ดังนั้นเมื่อฟังบรรยายในห้องเรียนแล้ว จะต้องนำไปทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง จึงจะเกิดผล ให้เห็นชัดเจน - ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นักเรียนมากมายศึกษาด้วยตนเอง ฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง และมีความรู้มากมายได้ลึกซึ้งกว่าอาจารย์ผู้สอน .. โดยเฉพาะผู้สอนที่ไม่พยายามหาประสบการณ์เพิ่มเติมจากการปฏิบัติจริง ...
    9.แบบฝึกหัดสำหรับสอนการเขียนโปรแกรมเบื้องต้นพบว่ามีผู้เรียนส่วนหนึ่ง ทำข้อสอบไม่ได้ตามเป้าหมาย เพราะไม่ใช้เวลาว่างที่บ้านในการฝึกฝน แม้จะให้การบ้านไปทำ แต่ก็ไม่ได้ไปลงมือฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ จึงต้องให้งาน 60 โปรแกรมนี้ ซึ่งเป็นโจทย์พื้นฐาน ถ้าพบว่ายังคัดลอกกันมาอีก ก็จะไม่ผ่านการสอบปากเปล่า จากการซักถามจุดผิดพลาดในโปรแกรมเป็นรายบุคคล
      กลุ่ม 1 พิมพ์ข้อมูลอย่างง่าย
    1. พิมพ์ รหัสนักศึกษา
    2. พิมพ์ ชื่อตนเอง
    3. พิมพ์ ตัวเลข จากตัวแปร
    4. พิพม์ ชื่อ และสกุล คนละบรรทัด
    5. พิพม์ รหัส ชื่อ และสกุล คนละบรรทัด
    6. พิมพ์ ผลบวก ของเลข 2 จำนวน
    7. พิมพ์ ผลบวก ลบ คูณ หาร ของเลข 2 จำนวน
      กลุ่ม 2 รับข้อมูลมาคำนวณ
    8. พิมพ์ ตัวเลข ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
    9. พิมพ์ อักษร ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
    10. พิมพ์ ผลบวก ของเลข 2 จำนวน ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
    11. พิมพ์ ผลบวก และลบ ของเลข 2 จำนวน ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
    12. พิมพ์ ผลคูณ และหาร ของเลข 2 จำนวน ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
    13. พิมพ์ ผลบวก ของเลข 3 จำนวน ที่รับมาจากแป้นพิมพ์
      กลุ่ม 3 รับข้อมูล และเลือกพิมพ์
    14. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ 2 จำนวน แต่พิมพ์ตัวหลังก่อนตัวแรก
    15. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ 2 จำนวน ให้พิมพ์ตัวที่มากกว่า
    16. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ 2 จำนวน ให้พิมพ์ตัวที่น้อยกว่า
    17. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ ถ้ามากกว่า 5 ให้พิมพ์คำว่า wow
    18. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ ถ้าน้อยกว่า 5 ให้พิมพ์คำว่า oho
    19. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ 3 จำนวน ให้พิมพ์ตัวที่มากที่สุด
    20. รับตัวเลขจากแป้นพิมพ์ 3 จำนวน ให้พิมพ์ตัวที่น้อยที่สุด
      กลุ่ม 4 ทำซ้ำอย่างง่าย
    21. พิมพ์ 1 ถึง 10 ด้วย for
    22. พิมพ์ 1 ถึง 10 ด้วย while
    23. พิมพ์ 10 ถึง 1 ด้วย for
    24. พิมพ์ 10 ถึง 1 ด้วย while
    25. พิมพ์ 10 ถึง 20 ด้วย for
    26. พิมพ์ 10 ถึง 20 ด้วย while
    27. พิมพ์ 20 ถึง 10 ด้วย for
    28. พิมพ์ 20 ถึง 10 ด้วย while
    29. พิมพ์เลขคู่ระหว่าง 1 ถึง 10
    30. พิมพ์เลขคี่ระหว่าง 1 ถึง 10
      กลุ่ม 5 ทำซ้ำซ้อนกัน
    1. พิมพ์สูตรคูณแม่ 2
    2. พิมพ์สูตรคูณแม่ 3
    3. พิมพ์สูตรคูณแม่ 2 จนเสร็จ แล้วพิมพ์แม่ 3 ต่อ
    4. พิมพ์สูตรคูณแม่ 2 และ 3 คนละ Column
    5. พิมพ์ตัวเลขแบบ for ซ้อนด้วย for
    6. พิมพ์ตัวเลขแบบ for ซ้อนด้วย while
    7. พิมพ์ตัวเลขแบบ while ซ้อนด้วย for
    8. พิมพ์ตัวเลขแบบ while ซ้อนด้วย while
      กลุ่ม 6 อาร์เรย์
    9. อ่านข้อมูลจากอาร์เรย์แบบตัวเลข 3 สมาชิกมาพิมพ์ ไม่ใช้ for
    10. อ่านข้อมูลจากอาร์เรย์แบบตัวอักษร 3 สมาชิกมาพิมพ์ ไม่ใช้ for
    11. อ่านข้อมูลจากอาร์เรย์แบบตัวเลข 3 สมาชิกมาพิมพ์ ใช้ for
    12. อ่านข้อมูลจากอาร์เรย์แบบตัวอักษร 3 สมาชิกมาพิมพ์ ใช้ for
    13. รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์เก็บลงอาร์เรย์ แล้วนำมาพิมพ์ใหม่
    14. รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์เก็บลงอาร์เรย์ แล้วนำมาพิมพ์ใหม่ เฉพาะมากกว่า 10
    15. รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์เก็บลงอาร์เรย์ แล้วนำมาพิมพ์ใหม่ เฉพาะน้อยกว่า 10
      กลุ่ม 7 คำนวณเบื้องต้น
    16. พิมพ์ค่าสูงสุด จากอาร์เรย์ที่ถูกกำหนดเป็นค่าคงที่ในโปรแกรม
    17. พิมพ์ค่าต่ำสุด จากอาร์เรย์ที่ถูกกำหนดเป็นค่าคงที่ในโปรแกรม
    18. พิมพ์ค่าผลรวม จากอาร์เรย์ที่ถูกกำหนดเป็นค่าคงที่ในโปรแกรม
    19. พิมพ์ค่าเฉลี่ย จากอาร์เรย์ที่ถูกกำหนดเป็นค่าคงที่ในโปรแกรม
    20. พิมพ์ค่าสูงสุด จากอาร์เรย์ที่รับค่าจากแป้นพิมพ์
    21. พิมพ์ค่าต่ำสุด จากอาร์เรย์ที่รับค่าจากแป้นพิมพ์
    22. พิมพ์ค่าผลรวม จากอาร์เรย์ที่รับค่าจากแป้นพิมพ์
    23. พิมพ์ค่าเฉลี่ย จากอาร์เรย์ที่รับค่าจากแป้นพิมพ์
      กลุ่ม 8 แฟ้มข้อมูล หรือฐานข้อมูล
    24. อ่านข้อมูลจากแฟ้มข้อมูล มาแสดงทางจอภาพ
    25. อ่านข้อมูลจากแฟ้มข้อมูล มาแสดงทางจอภาพ โดยมีเลขลำดับกำกับ
    26. อ่านข้อมูลจากแป้นพิมพ์ แล้วเขียนลงแฟ้มข้อมูล
    27. อ่านข้อมูลจากแฟ้มข้อมูล เขียนลงแฟ้มใหม่อีกแฟ้มหนึ่ง
    28. เพิ่มข้อมูลในแฟ้มข้อมูล เมื่อได้รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์
    29. ลบข้อมูล แบบต่าง ๆ
    30. แก้ไขข้อมูล แบบต่าง ๆ
    งานที่มอบหมายให้นักศึกษาไปฝึก หรือทำแก้ตัวหลังสอบกลางภาค
    A. จากโจทย์แต่ละข้อ ให้เขียนโปรแกรมที่ถูกต้อง และที่ผิดอย่างละโปรแกรม โดยบอกว่าที่ผิด ผิดอย่างไร
    B. ให้แต่ละข้อทำที่ถูกมา 1 ครั้ง และให้ทำที่ผิดมา 2 โปรแกรม โดยแยกเฉลยจุดผิดออกจากกัน
    C. ให้นักศึกษาสลับกัน หาจุดผิดพลาดในโปรแกรมของเพื่อน
    D. ตัวอย่างจุดผิดพลาดที่แนะนำนักศึกษา
    - เขียนคำสั่งผิด เช่น class เป็น ClaSs เป็นต้น
    - ลืมเครื่องหมาย เช่น . , ; ( { = เป็นต้น
    - ลืมประกาศตัวแปร หรือ ประกาศตัวแปรซ้ำ
    - ใช้งานผิดประเภท เช่น ตัวเลข เป็นตัวอักษร หรือไม่เปลี่ยนประเภทก่อนนำมาประมวลผล
    - ลืมประกาศ include หรือ IOException หรือ อื่น ๆ
    - จำนวน { ไม่เท่ากับ }
    - Compile ไม่ผ่าน แต่พยายามเรียกใช้งาน
    - ผิดพลาดขณะแปลอย่างไร หรือประมวลผล หรือตรวจสอบระหว่างประมวลผลผิดพลาด10. เปรียบเทียมหาค่ามากกว่าการเขียนโปรแกรมต้องมีตัวแปลภาษา ตัวอย่างชุดนี้เป็น javascript ที่ประมวลผลได้ทันทีใน Internet Explorer ถ้ามีข้อสงสัยเรื่อง javascript เพิ่มเติมให้เปิดจาก thaiall.com/java สำหรับตัวอย่าง 10.2 ถึง 10.4 มี 2 แบบคือ หาเฉพาะค่า max และเรียงลำดับค่ามากไปน้อย ซึ่งมีหลักการคล้ายกัน10.1 เปรียบเทียบค่าคงที่ 2 ค่า
    : ใช้ if เลือกค่าที่มากกว่ามาแสดงผล
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    010.2 เปรียบเทียบค่าคงที่ 3 ค่า แบบที่ 1
    : ใช้ if และ and เปรียบเทียบพร้อมกันทั้ง 3 ค่า ทุกกรณี
    : สัญลักษณ์ && คือ and ในภาษา javascript
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    0
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    010.3 เปรียบเทียบค่าคงที่ 3 ค่า แบบที่ 2
    : ใช้ if เปรียบเทียบค่าที่ละคู่ตามเงื่อนไข
    : ผลการเปรียบเทียบจึงใช้ if else หลายกรณี
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    0
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    010.4 เปรียบเทียบค่าคงที่ 3 ค่า แบบที่ 3
    : ใช้การสลับที่ของ 2 ตัวแปร ผ่านตัวแปร t
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    5
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    610.5 เปรียบเทียบค่าในอาร์เรย์ด้วย Bubble Sort
    : การจัดเรียงข้อมูลที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่ง
    : bubble แปลว่าฟอง หลักการนี้แสดงการลอยขึ้นของค่าทีละตัว
    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    0พีระมิด ใน Google Chrome
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    Source : pyramid1to9.js
    แบบที่ 1. เรียกใช้ javascript เข้าไปใน x.htm

    ดูผลลัพธ์โดยกด F12 ใน Console
    แบบที่ 2. เขียน javascript ใน Console
    เครื่องหมาย % คือ Modulus (Remainder)ได้พบคำถามในกลุ่ม Programer Thai Blood
    มีการแชร์คำถามการโปรแกรม Pyramid เข้าไปในกลุ่ม โดย คุณกฤษฏ์กานต์ สีเฉลียว แล้ว คุณ Usw chatchai แนะนำใช้ inspector ของ Google Chrome เป็นเครื่องมือช่วยเขียน มีตัวอย่าง code ดังนี้

    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    8

    11. โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกAugusta Lovelace Ada คือ โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
    และ Edsger Wybe Dijkstra ใช้คำว่า โปรแกรมเมอร์ (Programmer) กับโลกของคอมพิวเตอร์เป็นคนแรก [ อ้างอิง ]
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    Do not try to change the world. Give the world the opportunity to change itself
    Edsger Wybe Dijkstra เป็น theoretical physicist และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 6 ส.ค. 2002 (อายุ 72 ปี)
    wikipedia.org/wiki/Edsger_W._Dijkstra
    Article : p341-dijkstra.pdf12. 140 ภาษาคอมพิวเตอร์thaiall.com/language
    levenez.com/lang/ 50 ภาษา (Computer Languages Timeline)
    people.ku.edu/~nkinners (2500 ภาษา)
    dmoztools.net/Computers/ (140 ภาษา)
    เป็นนักคอมพิวเตอร์ ไม่จำเป็นต้องรู้ไปหมดทุกภาษาหรอกครับ .. บางคน รู้แค่ภาษาเดียว ก็มีชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขแล้ว .. แล้วคุณล่ะ รู้ภาษาอะไรบ้าง แล้วคิดจะใช้ภาษานั้นพัฒนาอะไรขึ้นมา หรือพัฒนาอะไรไปบ้างแล้ว13. การใช้ scratch สร้างโปรแกรมพิมพ์ 1 ถึง 5ทราบข่าวว่า google สนับสนุนให้เด็กที่สหรัฐ เรียนรู้ วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) มีคลิ๊ปและรายละเอียดที่ cs-first.com เคยสนใจเรื่องพิมพ์ตัวเลข จึงลองใช้ scratch ที่ scratch.mit.edu สร้างโปรแกรม เพื่อพูด (say) 1 ถึง 5 แบบทำซ้ำ
    พูด 1 จำนวน 1 ครั้ง คั่นด้วย , ทุกครั้ง แล้วเลื่อนเป็น 2
    พูด 2 จำนวน 2 ครั้ง คั่นด้วย , ทุกครั้ง แล้วเลื่อนเป็น 3
    ไปถึง 5
    พูด 5 จำนวน 5 ครั้ง คั่นด้วย , ทุกครั้ง แล้วหยุด
    ตัวอย่างการใช้ randomnumber กับภาษาจาวา
    + simplerandomnumbers.pdf

    วันนี้คุยกับนักศึกษามา
    แล้ว .. คิดว่าเค้าสนใจเรื่องแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แน่เลย
    คำถาม ถ้าอยากรู้เรื่อง การเขียนโปรแกรม ต้องทำอย่างไร
    คำตอบ หาหนังสือที่อธิบายเรื่องการเขียนโปรแกรมมาอ่าน
    คำถาม ถ้าอยากชำนาญในการเขียนโปรแกรม ต้องทำอย่างไร
    คำตอบ ก็ตั้งโจทย์ขึ้นเอง ฝึกเขียนโปรแกรมบ่อย ๆ จะได้ชำนาญ

    เริ่มต้นกับ Scratch ก็ดีครับ ไม่ยาก ไม่ต้องเขียน code
    คลิ๊กไม่กี่ที่ก็ Program ได้แล้ว
    "ด้วย Scratch ท่านสามารถเขียนโปรแกรมด้วยตัวท่านเอง
    ทั้งแบบโต้ตอบได้ เขียนเกม หรือหนังการ์ตูน
    แล้วยังแชร์ผลงานให้ใคร ๆ ในชุมชนออนไลน์ได้อีกด้วย
    Scratch ช่วยให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ที่จะคิดอย่างสร้างสรรค์
    มีระบบคิดอย่างมีเหตุผล และทำงานร่วมกัน
    เป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21"

    Scratch Homepage
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    Print 1 to 5 in Scratch

    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    ใครก็เป็น programmer ได้กรณี เศรษฐศาสตร์ ออกงานไป coding 3 เดือน
    เรื่อง "อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ละอ่อนใน 3 เดือน" พบแชร์เรื่องนี้ใน ProgrammerThai เป็นเรื่องราวของหนุ่ม ที่จบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ แต่เบนเข็มลาออกจากงานประจำ แล้วไปเรียน coding เพื่อเป็นโปรแกรมเมอร์เต็มตัว ตั้งใจจะเป็นให้ได้ใน 3 เดือน ด้วยการเรียนรู้ด้วยตัวเองผ่าน MOOC และบลา ๆ โพสต์โดย @TiMeFF เขียน blog ที่ medium.com อ่านรายละเอียดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจได้ ที่ post ของหนุ่มเศรษฐศาสตร์กรณี ป.6 ใช้ Dream และ CSS
    ได้อ่าน post ของ น้อง Kittichai Mala-in FramyFollow (ป.6) ที่ใช้ medium.com เป็นเวทีเขียน blog แชร์ประสบการณ์ใน โรงเรียนบ้านง่อนหนองพะเนาว์มิตรภาพที่ 126 ตั้งแต่สมัย ป.3 ที่ทำ 1) root Smartphone ของ True ผ่าน King Root พอขึ้น ป.4 กับ ป.5 สร้างเกมด้วย 2) RPG Maker VX เดี๋ยวนี้ ป.6 สนใจ 3) Dream Weaver CS5 กับ CSS ได้ความรู้เยอะเลยจาก thaicreate.com เขียนได้ดี น่านำไปแชร์ต่ออย่างมาก ถ้าสนใจที่น้องเค้าเขียนหาอ่านได้ ที่ post ของน้อง ป.6Python เลือกข้อมูลเลขคู่ เลขคี่ จากตัวแปรอาร์เรย์คลิป แบบ .gif
    เพื่ออธิบายขั้นตอนการทำงานของโปรแแกรม ที่ทำการทำซ้ำกับตัวแปรอาร์เรย์ แล้ว เลือกข้อมูลเลขคู่ เก็บเข้าในตัวแปรอาร์เรย์ชื่อ even และ เลือกข้อมูลเลขคี่ เก็บเข้าในตัวแปรอาร์เรย์ชื่อ odd

    123***
    234****
    345*****
    456******
    
    9

    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    การทำงานของอาร์เรย์กับเลขคู่เลขคี่ด้วย python

    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    เด็ก ๆ ม.3 ของไทย เรียน C# แล้ว จากที่ได้อ่านหนังสือวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำหรับ ม.3 มีบทที่ 3 การพัฒนาโปรแกรม หน้า 39 – 68 มีเนื้อหาสอนการใช้โปรแกรมประเภท IDE คือ Sharpdevelop
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    Try Html Basic
    Barack Obama

    ยุคใหม่ของวิทยาการคอมพิวเตอร์ (itinlife537)
    โอบาม่า กล่าวผ่าน whitehouse.gov ที่เผยแพร่เมื่อ 30 มกราคม 2559 ว่า “ในเศรษฐกิจยุคใหม่ วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) จะไม่เป็นเพียงทักษะทางเลือก แต่จะเป็นทักษะพื้นฐาน” ที่มีทั้งการอ่าน การเขียน และการคำนวณ แล้วเขาจะหางบ 4 พันล้านเหรียญมาผลักดันหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ให้มีการเรียนในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา ซึ่งเดิมจะเน้นให้อ่านออกเขียนได้ แต่ยุคใหม่ต้องให้การคำนวณเป็นทักษะพื้นฐานของเยาวชนทุกคน แม้ว่าหางบประมาณก้อนใหญ่ไม่ได้ ก็ยังหน่วยงาน National Science Foundation ได้เตรียมงบ 135 ล้านเหรียญไว้อบรมพัฒนาครูผู้สอนให้มีความสามารถทางวิทยากรคอมพิวเตอร์ไว้แล้ว
    อเมริกา เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ถือเป็นจุดแข็ง เพราะเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน มีผลงานของคนในประเทศ อาทิ Facebook.com, Microsoft.com, Google.com, Apple.com, Oracle.com ดังนั้นการเสริมจุดแข็งจึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความสำเร็จว่าเดินไปถูกทาง โดยมองไปที่การพัฒนาการศึกษาที่บูรณาการกับวิทยาการคอมพิวเตอร์สำหรับเด็กตั้งแต่เริ่มอ่านออกเขียนได้ ในอนาคตเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกจะยึดโยงกับเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ประเทศจีนมีคุณแจ็ค หม่า ที่ทำ Alibaba.com บริการ B2B ก็ขึ้นอันดับหนึ่งของคนรวยที่สุดในจีนแล้ว ที่ประเทศอังกฤษในอดีตมีคุณอลัน ทัวริ่ง ผู้คิดค้นเครื่องถอดรหัสเครื่อง Enigma ของเยอรมันจนทำให้สงความยุติลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ถือเป็นผลงานที่ต้องจดจำ และได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวิทยาการคอมพิวเตอร์
    จากการสำรวจทักษะคนงานไทย เพื่อเตรียมออกไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียน พบว่า ทักษะภาษาอังกฤษน่าเป็นห่วงมากที่สุด และทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัญหารองลงมา เราคงไม่ต้องถามว่าแข่งกับใครอย่างไร คงต้องถามว่าจะพัฒนาคนไทยอย่างไรมากกว่า เพราะปัญหาความเข้าใจในเทคโนโลยีสารสนเทศของคนไทยมีกันในทุกระดับ ตั้งแต่ปัญหาโรงเรียนเล็กที่มีเด็กไม่ถึง 60 คน ส่งผลถึงจำนวนครูในโรงเรียน และส่งผลถึงงบประมาณทุกด้าน ปัญหาการให้ความสำคัญของภาครัฐและเอกชนที่จะใช้และให้บริการสารสนเทศอย่างจริงจัง ปัญหาผู้บริหารที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการในองค์กร เพราะถ้าเด็กในปัจจุบันขาดทักษะไอทีก็เชื่อได้ว่าทักษะของผู้ใหญ่ในปัจจุบันก็ต้องอ่อนแอถึงอ่อนมากเป็นธรรมดาRegular ExpressionDeveloper มักมี editor ที่ใช้ประจำตัว อาจเป็น Atom, Sublime, Editplus, Notepad++, Textmate, Visual Studio Code, Ultra Edit, Textpad ซึ่งฟังก์ชันหนึ่งที่สำคัญ คือ Regular Expression ที่จำเป็นสำหรับการ Find and Replace มีตัวอย่างตามภาพประกอบที่เป็นการทำ Data cleanning คือ กระบวนการตรวจสอบและการแก้ไข หรือลบรายการข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกไปจากชุดข้อมูล หลังจากที่ได้คัดลอกข้อมูลสถิติของ สอท.2559 จาก pdf มาเป็น text ก็พบปัญหาที่ต้องปรับข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้\r = ascii(13) และ \n=ascii(10) และ \t = ascii(9)
    \x41\x43 คือ ac
    \r\n..\r\n คือ ค้นหาบรรทัดที่มี 2 ตัวอักษร
    .at คือ bat, cat, eat, fat, hat, oat, rat, sat[abc][123] คือ a4, c1, b1, A1, C3
    href|img|src คือ href, img, src
    ="[a-z0-9][a-z0-9]" คือ ="31", ="it", ="A1"
    [\.]jpg|png คือ .jpg, .pngการฝึกงาน ทำได้หลายรอบ หรือ รอบเดียว
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่การตั้งเป้าหมาย ต้องเริ่มจากเรียนรู้ สั่งสม จนมีองค์ความรู้ที่ชัดเจน ผสมผสานเข้ากับจินตนาการ จึงจะได้เป้าหมายที่เป็นรูปธรรม และเป็นไปได้
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    พื้นฐานการพัฒนาอย่างเป็นระบบ นอกจาก IPO ก็ยังมี PDCA ที่จะทำให้การพัฒนาเกิดการทำซ้ำได้ ขยายวง ขยายงาน ขยายจินตนาการออกไป จนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    การฝึกงาน หรือฝึกปฏิบัติในหลายวิชาชีพ สามารถทำได้เพียง 1 - 2 รอบ มีเงื่อนไขเรื่องอุปกรณ์ สถานที่ และการควบคุม บางสายจะลองผิดลองถูกได้ยาก และกำหนดเส้นทางมาตั้งแต่ต้น
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3
    การฝึกปฏิบัติในสายคอมพิวเตอร์ ทำได้หลายรอบ และหลายเส้นทาง ไม่จำกัดเรื่องอุปกรณ์ องค์ความรู้ เวลา สถานที่ สามารถทำได้หลายรอบ สามารถลองผิดลองถูกจนกว่าจะพบทางของตนเองเทคนิคการทดสอบเป็นตัวขับเคลื่อนเทคนิคการทดสอบเป็นตัวขับเคลื่อน (Test-Driven Development = TDD) คือ เทคนิคการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เริ่มต้นพัฒนาโค้ด (Code) จากส่วนเริ่มต้นให้เพียงพอกับการเริ่มทำงานในส่วนนั้น มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ขั้นตอน คือ 1) การทดสอบล้มเหลว (Test Fails) ถูกสร้างเพื่อเริ่มต้นงานและมีเป้าหมายชัดเจน 2) การทดสอบผ่าน (Test Passes) คือ ทำให้โค้ดทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ 3) พัฒนาองค์ประกอบใหม่ (Refactor) แล้วปรับเพิ่มส่วนใหม่ แล้วกลับเข้าสู่การทดสอบรอบใหม่เล่าเรื่องโปรแกรมเมอร์ขาดตลาดโดย สกนท์ สิงห์โต และ ชญานิษฐ คงเดชศักดา

    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    ชอบประโยคช่วงสุดท้ายของบทความ เขียนว่า "แรงฮึด อดทนของเด็กรุ่นใหม่ มีน้อย บางคนที่เจอเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่ ๆ ลาออกไปเป็น Testing programmer ดื้อ ๆ เพราะบอกว่าเหนื่อยกับการเรียนรู้ อาชีพนี้ ถ้าใจไม่รักเรียนรู้ ผมว่า อย่าเข้ามาเลย นี่อาจจะเป็นสาเหตุให้โปรแกรมเมอร์ขาด" โดย สกนท์ สิงห์โต โพสต์เมื่อ 30 มกราคม 2565
    สอดคล้องกับภาพประกอบที่มีข้อความว่า "โปรแกรมเมอร์" ขาดตลาด เด็กจบใหม่ เปลี่ยนงานทุก 2 ปี เป็นภาพจากเว็บไซต์เดลินิวส์ โพสต์เมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2560 ที่สรุปสาเหตุการเปลี่ยนงานบ่อยของเด็กคอมพิวเตอร์ได้ 3 ข้อ คือ 1) ต้องการความมั่นคง 2) ต้องการเป็นเจ้านายตัวเอง และ 3) มีการชิงตัวกันของบริษัทต่าง ๆ เป็นคอลัมน์ : รายงานพิเศษ โดย ชญานิษฐ คงเดชศักดา
    แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาไทย ม. 3

    "ยอมรับคุกกี้"
    เพื่อให้เว็บไซต์นำเสนอ
    ประสบการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับคุณ

    เราใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อเพิ่มประสบการณ์ และความพึงพอใจของท่าน เพื่อให้เว็บไซต์สามารถใช้งานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการเข้าใช้เว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายคุกกี้ของเรา อ่านเพิ่มเติม