HIGHLIGHTS:
เมื่อใครสักคนมีท่าทางหดหู่ ปลีกตัว หรือนิ่งเฉย เรามักนึกถึงโรคซึมเศร้าเป็นอันดับแรก คงมีไม่กี่คนจะคิดว่าใครคนนั้น อาจเป็นเพียงภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) ซึ่งไม่ใช่โรคซึมเศร้า เขาเพียงแต่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไม่มีใจ หมดแรง และหมดไฟที่จะทำงานต่อไป อาการของผู้มีภาวะหมดไฟในการทำงานปัจจุบันยังไม่มีการจำกัดอาการหรือระบุแน่ชัดถึงอาการ เนื่องจากผู้อยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงานส่วนใหญ่ มีอาการคล้ายเป็นโรคซึมเศร้า เช่น มีความหดหู่ รู้สึกเครียด และไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน ในบางรายอาจมีอารมณ์ก้าวร้าว หรือหงุดหงิดเมื่อทำงานไม่ได้ดังใจอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามผู้มีอาการหมดไฟในการทำงานอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเสมอไป สาเหตุและความเสี่ยงผู้มีภาวะหมดไฟในการทำงาน มีตัวกระตุ้นหรือปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน แบ่งเป็น 3 สิ่งเกี่ยวข้องดังนี้ 1. ปัจจัยเกี่ยวกับการทำงาน
2. ปัจจัยเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่
3. ปัจจัยเกี่ยวกับบุคลิกส่วนตัว
ทั้งนี้ภาวะหมดไฟในการทำงานยังส่งผลถึงร่างกายด้วยเช่นกัน เช่น นอนไม่หลับ กังวลใจทุกครั้งที่ต้องไปทำงาน รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย อาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รวมถึงปวดเมื่อยร่างกาย และประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ในบางรายอาจมีอารมณ์แปรปรวน รู้สึกสิ้นหวัง ล้มเหลวในการทำงาน หงุดหงิดจนแสดงออกด้วยการทะเลาะเบาะแว้งในที่ทำงาน หากเป็นมากขึ้นอาจปิดกั้นตนเองจากเพื่อนร่วมงาน พูดน้อยลง ขาดสมาธิและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ หรือหาทางออกโดยการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เที่ยวเตร่ มาทำงานสาย และกลับบ้านดึก รู้ก่อนป้องกันได้หากสังเกตพบว่าอยู่ในข่ายภาวะหมดไฟในการทำงาน ควรเริ่มปรับสมดุลให้ชีวิตดังนี้
อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนจะสามารถปรับตัวในสิ่งที่เคยเป็นมาตลอดชีวิต หรือสามารถสร้างสมดุลและระเบียบให้ตัวเอง รวมถึงหลากหลายปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากรู้สึกว่ามีอาการรุนแรงจนส่งผลถึงร่างกายและจิตใจอย่างมากตลอดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขได้ ควรปรึกษาและรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ หรือพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาได้ทันท่วงที อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็กจนปล่อยปละละเลยเป็นเวลานาน ความเบื่อหน่ายการงานและภาวะหมดไฟในการทำงานอาจกลายเป็นภาวะซึมเศร้า ที่รักษายากและซับซ้อนขึ้นก็เป็นได้ นพ. โยธิน วิเชษฐวิชัย สาขาจิตเวชศาสตร์ ดูประวัติ
Share:
Burnout หรือที่ใครหลายคนเข้าใจว่าเป็นอาการหมดไฟและหมดแรงจูงใจในการทำงาน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียดจากงาน ทำงานหนักเกินไป หรือทำงานที่ไม่ตรงกับแนวทางของตนเอง เป็นต้น ซึ่งอาจรับมือได้ด้วยการออกกำลังกาย จัดการกับความเครียด หรือปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน แต่หากอาการ Burnout เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยอย่างโรคซึมเศร้าหรืออาการอื่น ๆ ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมตามแต่กรณี Burnout คือ อะไร ? Burnout เกิดจากความเหน็ดเหนื่อยที่มักเป็นผลมาจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ โดยอาจทำให้อ่อนเพลีย เฉยชาต่อทุกสิ่ง รู้สึกล้มเหลว และขาดประสิทธิภาพในการทำงาน ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่า Burnout อาจเป็นอาการของภาวะเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น โรคซึมเศร้า และโรควิตกกังวล เป็นต้น หรืออาจเกิดจากการใช้ชีวิตแบบเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาจนทำให้รู้สึกกดดันมาก เหนื่อยหมดแรง ว่างเปล่า และหมดไฟไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม อาการต่าง ๆ ที่แสดงออกมาอาจใกล้เคียงกับอาการของภาวะเจ็บป่วยอื่น ๆ อย่างภาวะซึมเศร้าได้ แต่อาจต่างกันตรงที่ภาวะซึมเศร้าอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ใช่จากการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่ชัดว่าเป็น Burnout และหากวินิจฉัยไม่รอบคอบถ้วนถี่ก็อาจทำให้รักษาผิดทางได้ สาเหตุของ Burnout Burnout อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
สังเกตตนเองอย่างไรว่ามีอาการ Burnout ? ภาวะ Burnout อาจมีสัญญาณบอกอาการ ดังนี้
รับมือกับปัญหา Burnout อย่างไรดี ? หากพบว่าตนเองมีสัญญาณของอาการ Burnout อาจเริ่มปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้สุขภาพร่างกายและจิตใจทรุดโทรมไปมากกว่าเดิม โดยวิธีการรับมือกับปัญหา Burnout มีดังนี้ ดูแลสุขภาพ เมื่อทำงานหนักเกินไปหรือมีภาระงานมาก อาจทำให้ไม่มีเวลารับประทานอาหารกลางวัน ไม่ได้ออกกำลังกาย นอนน้อย หรือนอนดึก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้สภาพร่างกายเสื่อมโทรมลงและทำให้รู้สึกหมดไฟเร็วขึ้น การดูแลสุขภาพจึงอาจช่วยให้รับมือกับปัญหา Burnout ได้ ซึ่งการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 7-9 ชั่วโมง/วัน อาจช่วยเสริมสุขภาพร่างกายและการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น และควรทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกายหรือออกกำลังกายเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง/สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ เพราะอาจช่วยคลายความเครียด และช่วยให้สมองได้พักจากการคิดเรื่องงานไปสนใจสิ่งอื่นแทน นอกจากนี้ การรับประทานอาหารครบทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอ และเลือกรับประทานแต่สิ่งที่มีประโยชน์ โดยเน้นอาหารที่มีไขมันดีและโปรตีนอาจช่วยให้ร่างกายสงบลงได้ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงกาแฟและน้ำตาล เพราะอาจมีฤทธิ์เพิ่มความเครียดจนทำให้มีอาการแย่ลงได้ ทำงานแต่พอดี อย่าพยายามคิดว่าตนเองเป็นยอดมนุษย์ที่ทำได้ทุกอย่าง แม้ในบางครั้งหัวหน้างานอาจคิดเช่นนั้นก็ตามจึงมักเร่งให้ทำงานที่ต้องใช้เวลามากแต่กำหนดให้แล้วเสร็จในเวลาอันสั้น ซึ่งหลายคนอาจอยากรับผิดชอบให้งานสำเร็จเรียบร้อยเพื่อสร้างความประทับใจ แต่อย่าลืมว่าร่างกายของมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ และไม่อาจแก้ปัญหาของบริษัทด้วยตัวคนเดียวได้ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้รู้สึกกดดันและเพิ่มความวิตกกังวลขึ้นได้ด้วย ดังนั้น จึงควรปรึกษากับหัวหน้างานเพื่อหาทางออกที่ดีร่วมกัน เพราะหากไม่หาทางแก้ ปัญหาอาจคงอยู่อย่างเรื้อรัง จนส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและร่างกายในด้านอื่น ๆ เพิ่มขึ้น หาทางออกเพื่อจัดการกับความเครียด ความเครียดอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะ Burnout ได้ ให้ลองนึกว่าอะไรบ้างที่ทำให้รู้สึกเครียดหรือทำให้เริ่มหมดไฟ แล้วรีบจัดการและหาวิธีแก้ไขในส่วนดังกล่าว ซึ่งอาจลองปรึกษาหัวหน้างานเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็น หาวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นร่วมกัน หรืออาจหาที่ปรึกษาและผู้ที่อาจให้ความช่วยเหลือในด้านนี้ได้ เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อน หรือคนรัก เป็นต้น เพื่อให้ช่วยร่วมกันคิดและช่วยให้คำแนะนำในการตัดสินใจ ประเมินตนเองและงานที่ทำอยู่ เพื่อให้ทราบว่าตนเองเหมาะกับงานที่ทำอยู่แล้วหรือไม่ โดยอาจเริ่มจากถามตัวเอง หรือสังเกตตัวเองเกี่ยวกับงานและองค์กรในมุมมองต่าง ๆ เช่น องค์กรมีทางเลือกหรือให้สิทธิในการเสนอแนวทางต่าง ๆ ร่วมกันหรือไม่ การปรับเวลาของตนเองกับองค์กรและการทำงานนอกออฟฟิศเป็นอย่างไร องค์กรมีทางเลือกสำหรับการศึกษาต่อหรือการพัฒนาสู่การเป็นมืออาชีพหรือไม่ แท้จริงแล้วตนถนัดด้านไหนเป็นพิเศษ หรือชอบและรักที่จะทำอะไร เป็นต้น จากนั้นจึงนำคำตอบที่ได้มาประเมินว่าตนเองเหมาะสมกับงานที่ทำอยู่หรือไม่ และควรทำอย่างไร อย่างไรก็ตาม แม้คำแนะนำข้างต้นอาจทำให้อาการ Burnout ที่เกิดจากความเหนื่อยล้าในการทำงานดีขึ้นได้ แต่หากอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า หรือสังเกตเห็นได้ว่าอาการทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาทางจิตวิทยาหรือใช้ยาตามดุลยพินิจของแพทย์ต่อไป เพราะหากไม่รีบรักษา อาการ Burnout อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ขึ้นได้ เช่น ปัญหาเครียดสะสม ภาวะนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า โรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น Share: หัวข้อสนนทนาที่เกี่ยวข้อง |