เคยมั้ยที่อยากจะแสดงความเห็นเชิงลบอะไรบางอย่างออกไป แต่ก็ลังเลไม่แน่ใจ เพราะกลัวจะส่งผลเสีย และทำให้คนฟังไม่พอใจ แม้ว่าสิ่งที่เราอยากพูดจะเป็น “ติเพื่อก่อ” ก็เถอะ Show
วันนี้ JobThai จึงอยากจะแนะนำขั้นตอนเพื่อช่วยตัดสินใจ เมื่อเราคิดที่จะแสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อคนอื่น เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นของเรานั้น ไม่ทำให้เกิดปัญหาหรือความรู้สึกแย่ ๆ ตามมา
ถึงจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ได้ยิน ก็ยังไม่ต้องรีบพูดเมื่อเรื่องที่เรารับรู้มีข้อมูลที่ผิดพลาด หรือเป็นเรื่องที่เราไม่เห็นด้วยมาก ๆ เราต้องตั้งสติก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป เช่น พูดออกไปทันที หรือ รายงานความผิดพลาดหรือแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ผ่านทางหัวหน้างานของเขา ถึงมันจะทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นผู้ชนะ แต่การแสดงความคิดเห็นในขณะที่เรามีความไม่พอใจ หรือขาดการยั้งคิดจะทำให้จุดประสงค์ในการสื่อสารของเราที่ต้องการจะแก้ไขความเข้าใจผิดนั้นถูกตีความผิดพลาดไปได้ คิดให้ดีว่าผลลัพธ์มันคุ้มไหมที่จะแสดงความเห็นออกไปต้องยอมรับว่าคนเราก็มักจะไม่ค่อยโอเคหรอกกับการที่โดนคนอื่นตำหนิ ในฐานะคนพูดเราเลยต้องคิดดูให้ดี ๆ ก่อนว่าความคิดเห็นของเราที่จะพูดออกไปมันมีประโยชน์อะไรไหม ข้อเสียคืออะไร คุ้มไหมที่เราจะแลกถ้าคนฟังเกิดไม่พอใจขึ้นมา ถ้าเรื่องที่เราจะพูดมันมีข้อแต่ข้อเสียตามมา และพูดไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ การเงียบไว้ก็อาจจะดีกว่า เช่น ถ้าเพื่อนเล่าถึงเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เกิดไปเมื่อหลายวันก่อน แต่เรารู้ว่าเรื่องที่เขาเล่ามีข้อมูลอะไรบางอย่างที่คาดเคลื่อน ก่อนจะแย้งอะไรออกไป เราก็ต้องคิดดูว่าเรื่องนั้นจะมีผลอะไรกับอนาคตข้างหน้าไหม ถ้าไม่ และเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ปล่อยผ่านได้ การปล่อยให้มันผ่านไปก็อาจจะดีกว่า ดูก่อนว่าคนที่เราจะแสดงความคิดเห็นด้วยเป็นใคร และควรใช้วิธีไหนถึงจะเหมาะ“ลางเนื้อชอบลางยา” วิธีแสดงความคิดเห็นที่เราใช้กับคนนึง ก็อาจจะไม่เหมาะกับอีกคนนึง ก่อนพูดความเห็นอะไรออกไป ลองพิจารณาดูก่อนว่าคนที่เราจะแสดงความเห็นด้วยเป็นใคร รวมถึงสนิทกับเรามากแค่ไหน เพราะเรื่องบางอย่างถ้าไม่ได้สนิทกันมากพอ ก็คงไม่เหมาะที่จะแสดงความคิดเห็นอะไรออกไป โดยเฉพาะถ้าเป็นความคิดเห็นเชิงลบ เช่น เรื่องในครอบครัว ลองสังเกตบุคลิกและนิสัยของคนคนฟังก่อน แล้วเลือกใช้วิธีแสดงความคิดเห็นให้เหมาะสมกับแต่ละคนจะดีกว่า ต้องรู้ว่าควรพูดในสถานการณ์ไหน และเมื่อไหร่สำหรับบางคนการโดนติก็ว่าแย่แล้ว แต่การโดนต่อหน้าคนจำนวนมากนั้นอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงไปอีก ถ้าความคิดเห็นเชิงลบที่เราจะพูดออกไปมันค่อนข้างแรง และไม่ได้จำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องพูดออกทันที การเลี่ยงมาพูดทีหลังในเวลาหรือสถานการณ์ที่เหมาะสมและเป็นส่วนตัว จะทำให้คนฟังรู้สึกดีกว่า ไม่ทำให้เขาเสียหน้า และยังสามารถแก้ความเข้าใจผิดของเขาให้ตรงตามจุดประสงค์ของเรามากขึ้นด้วย จะแสดงความเห็นได้ ต้องมั่นใจว่าข้อมูลเราแน่นพอการที่เราจะเข้าไปแสดงความคิดเห็นกับใครสักคนได้ เราต้องมั่นใจก่อนว่าข้อมูลที่เราจะเอาไปแก้ความเข้าใจผิดนั้นมีความถูกต้องแน่นอน เพราะเมื่อเราเดินเข้าไปแสดงความคิดเห็นของเรา และเขาตอบโต้กลับมาด้วยข้อมูลที่เขามี เราก็จะต้องมีข้อมูลที่มากกว่าและน่าเชื่อถือกว่ามาสู้ เพื่อโน้มน้าวให้เขายอมรับความคิดเห็นของเรา อยากให้เขารับฟังเรา เราก็ต้องพร้อมเปิดใจรับฟังเขาด้วยไม่ว่าเราจะมั่นใจในข้อมูลและมองว่าความคิดของเรานั้นดีกว่าแค่ไหน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีโอกาสเหมือนกันที่ความคิดของเราจะไม่ถูก เพราะฉะนั้นต้องเปิดใจกว้างและพร้อมรับความคิดเห็นของเขาด้วย ลองวางตัวเองในตำแหน่งของเขาดู ถ้าเราอยากให้เขายอมรับฟังความคิดเห็นของเรา แล้วเราจะไม่ยอมรับความคิดเห็นของเขาได้ยังไง JobThai มี Line แล้วนะคะติดตามสาระความรู้สำหรับคนทำงาน ที่ย่อยง่าย อ่านสนุก และพูดคุยทุกแง่มุมเกี่ยวกับการทำงานอย่างใกล้ชิดที่ ข้อเสนอแนะ (Feedback) นั้นเป็นได้ทั้งแง่บวก และแง่ลบ อย่ารับแต่คำชม ปฎิเสธคำติ เพราะข้อมูลทุกอย่างล้วนแล้วแต่นำไปวิเคราะห์และแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้นได้ในยุคที่ทุกข้อมูลมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์และพัฒนาไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามนั้น การเสนอแนะ (Feedback) ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ตลอดจนยุคนี้เป็นยุคที่มีเสรีภาพสูง ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น และมีการเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากขึ้น การตอบกลับจึงเป็นเสมือนเสียงสะท้อนสำคัญที่จะทำให้เกิดการสื่อสารสองทาง ได้รับรู้ข้อมูลหลากหลายมิติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดให้ดีขึ้น หรือพัฒนาจุดแข็งให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ความหมายของ Feedback ในภาษาไทย ปัจจุบันคนไทยมักใช้คำว่า Feedback เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษไปแล้ว เพราะสื่อความหมายได้ชัดเจนกว่า เพราะหากให้เลือกใช้คำไทยนั้นอาจมีหลายความหมาย อาทิ “การตอบกลับ” “ข้อเสนอแนะ” ไปจนถึง “คำติชม” ซึ่งคำว่า Feedback นั้นก็สามารถสื่อความหมายรวมๆ กันของภาษาไทยได้เป็นอย่างดีทีเดียว อย่างไรก็ดีความซับซ้อนของมนุษย์นั้นมีมาก หลากคนหลายความคิด การเสนอแนะ (Feedback) ก็เช่นกันบางอย่างอาจมาจากความจริงใจ ข้อมูลถูกต้อง แต่บางอย่างก็มาจากอคติ และความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่เป็นประโยชน์ หากมองถึงการทำงานก็อาจสร้างผลกระทบกับองค์กรได้เช่นกัน นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมองค์กรควรจะควรให้ความสำคัญเรื่องการเสนอแนะ (Feedback) ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการพัฒนาองค์กร เป้าหมายของการเสนอแนะ (Feedback) ที่ควรยึดถือ
CHECK เจ้านายและลูกน้องควรมีวิธีการเสนอแนะ (Feedback) แก่กันอย่างไร เภทของการเสนอแนะ (Feedback)การเสนอแนะก็คือกระบวนการของการสื่อสารสองทางวิธีหนึ่ง ก่อนที่เราจะรู้จักวิธีการเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการพัฒนาองค์กรนั้นเราควรมาทำความเข้าใจกับประเภทของการเสนอแนะกันก่อนดีกว่า การเสนอแนะในเชิงบวก (Positive Feedback)
การเสนอแนะในเชิงลบ (Negative Feedback)
การเสนอแนะผ่านอวัจนภาษา (Nonverbal Feedback or Silent Feedback)
การเสนอแนะผ่านเครื่องมือหรือช่องทางอื่นๆ (Indirect Feedback)
ลักษณะของการเสนอแนะ (Feedback) ที่ดีการเสนอแนะนั้นมีได้ทั้งแง่บวกและแง่ลบ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคำชม หรือพูดแต่สิ่งที่ดีๆ เสมอไป แต่สิ่งสำคัญก็คือควรมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ข้อคิดเห็นที่มุ่งประเด็นไปเพื่อการทำงานจริงๆ หรือเพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงพัฒนาองค์กร มากกว่าที่จะเสนอแนะเพื่อด่าทอ ว่ากล่าว โยนความผิด หรือทำให้การทำงานเสีย ไม่เกิดประโยชน์กับองค์กร ซึ่งลักษณะการเสนอแนะที่ดีควรเป็นดังนี้ 1.มีเป้าหมายและประเด็นในการเสนอแนะที่ชัดเจนควรมีเป้าหมายของเรื่องที่เสนอแนะให้ชัดเจน พูดให้ตรงประเด็น การมีประเด็นที่ชัดเจนนั้นจะทำให้ทุกคนมุ่งสนใจในเรื่องเดียวกัน และช่วยกันคิดวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.ไม่บิดเบือนข้อมูล ข้อเท็จจริง พูดตามสถานการณ์ความเป็นจริงการเสนอแนะการทำงานนั้นควรอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่เป็นเท็จ และให้ข้อมูลตามสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ควรบิดเบือนข้อมูล หรือโกหกซึ่งกันและกัน เพราะนั่นจะทำให้เกิดการวิเคราะห์ที่ผิด และสร้างผลเสียได้ 3.มีทักษะและศิลปะในการสื่อสารที่ดีการสื่อสารนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญนักแต่แท้ที่จริงแล้วกลับมีส่วนช่วยทำให้ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้มากทีเดียว การมีทักษะการสื่อสารที่ดี พูดจาชัดเจน สื่อสารได้เข้าใจ ไม่ใส่อารมณ์ลงไปในการพูด มีการลำดับข้อมูลที่ดี หรือขั้นตอนที่ทำให้เข้าใจได้ง่าย ตลอดจนมีน้ำเสียงที่ชวนฟัง มีโทนเสียงที่เป็นมิตร หรือมีวิธีการพูดที่ไม่ชวนทะเลาะ ก็สามารถทำให้การเสนอแนะนำไปสู่ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ เกิดผลต่อการพัฒนาได้เช่นกัน 4.มีใจเป็นกลาง ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานอคติ รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างได้แน่นอนว่าการเสนอแนะย่อมมีคนที่อาจเห็นต่างด้วยเช่นกัน การมีใจเป็นกลางในความคิดของตนเองและของผู้อื่นจะทำให้เราสามารถยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างได้ รับฟังความคิดเห็น และนำมาวิเคราะห์ประกอบได้ การเสนอแนะที่ปราศจากอคติจะทำให้เรายืนอยู่บนพื้นฐานข้อมูลตลอดจนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ และที่สำคัญจะไม่เป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ในการสื่อสาร ตลอดจนคำพูด ที่อาจสร้างความไม่เห็นด้วย ความขัดแย้ง หรือสร้างให้ผู้อื่นมีอคติได้เช่นกัน 5.เป็นผู้ฟังที่ดีในขณะที่การเสนอแนะนั้นเราเป็นผู้พูดที่ดีแล้ว ขณะที่คนอื่นเสนอแนะบ้างเราก็ควรเป็นผู้ฟังที่ดี ผู้ฟังที่ดีย่อมไม่เอาอคติเป็นที่ตั้ง ตั้งใจฟัง ตั้งใจวิเคราะห์บนพื้นฐานข้อมูลที่ได้รับ และให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย ไม่ใช่สนใจแต่ความคิดเห็นของตนเพียงฝ่ายเดียว การฟังที่ดีอาจทำให้เราค้นพบแนวทางการแก้ปัญหาใหม่จากความคิดเห็นของคนอื่นก็ได้เช่นกัน และการเป็นผู้ฟังที่ดียังทำให้เรารู้จักเคารพคนอื่น ซึ่งจะทำให้คนอื่นเคารพเราได้ด้วยเช่นกัน เทคนิคการเสนอแนะ (Feedback) ที่มีประสิทธิภาพมีเทคนิคมากมายที่จะทำให้การเสนอแนะของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่มีอยู่หนึ่งโมเดลที่น่าสนใจที่ซึ่งโมเดลนี้มีหลักที่จดจำง่ายและเป็นหลักการที่ดี ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเสนอแนะได้ดีทีเดียว
บทสรุปการเสนอแนะ (Feedback) นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับองค์กรยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นการทำงานระดับไหนก็ตาม การเสนอแนะนั้นมีทั้งด้านบวก และด้านลบ เราควรรับฟังข้อเสนอแนะทั้งสองด้าน ไม่ใช่รับแต่ด้านบวกเพียงอย่างเดียว และควรนำทั้งสองด้านมาวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน รอบคอบ เพื่อนำไปสู้การแก้ปัญหา หรือการพัฒนาให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันเราก็ต้องรู้จักรับฟังความเห็นที่แตกต่างของทุกคน ให้ความเท่าเทียมกันของการเสนอแนะ ที่สำคัญที่สุดการเสนอแนะนั้นควรยืนอยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นจริง ไม่บิดเบือนเพื่อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือไม่นำเสนอข้อมูลเท็จให้แก่กัน เพราะหากเกิดมีการนำข้อมูลที่เป็นเป็จนั้นไปวิเคราะห์และหาข้อสรุปจริงๆ ก็อาจทำให้เกิดผลเสียกับการทำงาน และสร้างผลกระทบในด้านลบให้กับธุรกิจหรือองค์กรได้ในที่สุดเช่นกัน |