สำหรับอัตราการเสียภาษีรถยนต์ จะขึ้นอยู่กับประเภทรถ รุ่นรถ ขนาดเครื่องยนต์ (ซีซี) น้ำหนักรถ หรืออายุรถ โดยจะนำมาเป็นตัวกำหนดว่า เราต้องเตรียมเงินในการเสียภาษีประจำปีเท่าไร โดยมีวิธีคำนวณภาษีรถยนต์ของประเภทรถ ดังนี้ Show
1. รถป้ายทะเบียน พื้นขาว ตัวหนังสือดำเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ไม่เกิน 7 ที่นั่ง เช่น รถกระบะ 4 ประตู รถเก๋ง ฯลฯ โดยจะมีวิธีคำนวณภาษีรถขึ้นอยู่กับขนาดเครื่อง (cc) ตามนี้
ยกตัวอย่าง รถยนต์ยี่ห้อ Toyota Camry มีความจุกระบอกสูบ 1,998cc จะมีการเรียกเก็บภาษีตามนี้
รวม 3 ขั้น เป็น 600 + 1,800 + 792 = 3,192 บาท/ปี
ทั้งนี้ หากใช้งานรถยนต์ 5 ปีขึ้นไป จะมีการเสียภาษีรถยนต์ลดลงตามสัดส่วนดังนี้
2. รถป้ายทะเบียน พื้นขาว ตัวหนังสือเขียวเป็นรถบรรทุกส่วนบุคคลที่เกิน 7 ที่นั่ง วิธีคำนวณภาษีจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถตามนี้
3. รถป้ายทะเบียน พื้นขาว ตัวหนังสือน้ำเงินเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง มีวิธีคำนวณภาษี โดยจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ แต่จะมีการคิดอัตราภาษีแตกต่างจากแบบรถบรรทุก ตามนี้
4. รถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ในการคิดอัตราค่าต่อทะเบียนประจำปี เหมือนรถยนต์ทั่วไป จึงให้มีวิธีคำนวนภาษีรถยนต์ในรูปแบบตามน้ำหนักรถยนต์เช่นเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คนแทน
5. รถจักรยานยนต์ รถจักรยานไฟฟ้า.ใครที่เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์ค่ายรถอย่าง Honda หรือ Suzuki จะเสียค่าต่อทะเบียนประจำปีเป็นรายคัน จำนวน 100 บาทต่อปี ส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จะถูกเรียกเก็บเพียงครึ่งเดียวนั่นคือ ปีละ 50 บาทเท่านั้น
ใครที่มีรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ เตรียมเงินสำรองไว้ต่อภาษีรถประจำปีกันได้เลย หรือหากต้องการคำนวณภาษีรถก่อนไป สามารถเข้าไปใช้โปรแกรมคำนวณภาษีออนไลน์ได้ที่นี่ https://eservice.dlt.go.th/esvapp/esv/ebk/esv02q002/
ข้อมูล : กรมการขนส่งทางบก
ข่าวเกี่ยวข้อง :
--------------------เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ |