บทความนี้ เราจะอธิบายเกี่ยวกับขั้นตอนในการขนส่งสินค้าทางเรือ และเจาะลึกหัวข้อหลัก คือ การส่งสินค้าแบบ FCL หรือแบบเต็มตู้นั่นเอง Show สงสัยกันหรือไม่ ว่าสินค้าขนส่งทางเรือได้อย่างไร ? สิ่งที่สำคัญ สำหรับผู้เริ่มต้นในการเรียนรู้เกี่ยวกับการขนส่งโลจิกติกส์ทางเรือ นั่นคือ ต้องเข้าใจขั้นตอนและเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการขนส่ง อันดับแรก เราอยากให้ผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับภาพรวมกันก่อน ว่ามีขั้นตอนการขนส่งอย่างไรและมีเอกสารสำคัญอะไรบ้าง เรามาเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการทำงานที่โรงงานกันก่อน โรงงานอุตสาหกรรม จะมีการผลิตสินค้าเป็นประจำทุกวัน เมื่อผลิตเสร็จ ก็จะบรรจุลงตู้คอนเทนเนอร์ ลูกค้าของบริษัทเราเอง ก็ใช้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ในการขนส่งสินค้าหลากหลายชนิด เมื่อตรวจสอบคุณภาพของสินค้าเสร็จแล้ว ตัวแทนของโรงงานก็จะส่ง Booking มายัง forwarder. เพื่อทำการจองเรือ โดยจะส่งรายละเอียดของสินค้า เช่น ชนิดของสินค้า จำนวนตู้ ขนาดตู้ 20′ หรือ 40′ วันบรรจุสินค้า สถานที่บรรจุสินค้า เป็นต้น หลังจากได้รับข้อมูลจากลูกค้าแล้ว forwarder จะมีหน้าที่จัดเตรียมเรือ รถบรรทุกสินค้า การทำพิธีการศุลกากร และยืนยันเอกสารสำคัญต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้ว ลูกค้าจะขอบริการแบบครบวงจร เพื่อความสะดวกสบายในการติดต่อและสอบถามข้อมูล เราจะต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด เพื่อความถูกต้องและป้องกันความผิดพลาดที่จะตามมา นอกจากนี้ หากใบรับรองถิ่นกำเนิด หรือ COA มีข้อผิดพลาด สินค้าจะไม่ได้รับอนุญาตสำหรับการลดภาษี หลังจากนั้น เราจะต้องไปรับตู้คอนเทนเนอร์เปล่าที่ลานรับตู้ และนำไปบรรจุสินค้าที่สถานที่บรรจุสินค้าที่ลูกค้าได้แจ้งไว้ ในลานตู้คอนเทนเนอร์นั้น จะเต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์ของสายเรือต่าง ๆ ที่ถูกทำความสะอาดและถูกซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับลูกค้าบางราย อาจจะบรรจุสินค้าเป็นจำนวนหลายตู้ในแต่ละครั้ง เราจะต้องประสานงานกับผู้ขับรถเรื่องเวลาในการเข้าบรรจุ ในขณะบรรจุสินค้าลงตู้คอนเทนเนอร์ เราจะต้องมั่นใจว่าสินค้าจะไม่เคลื่อนย้ายในระหว่างการขนส่ง หลังจากบรรจุสินค้าเรียบร้อยแล้ว ทางผู้ขับรถต้องนำตู้สินค้าไปคืนที่ท่าเรือที่ระบุไว้ใน Booking ภายในระยะเวลาที่กำหนดใน Booking หรือที่เรียกว่า Cutt off หรือ Closing time วัน Cutt off หรือ Closing time คือ วันและเวลาที่จะต้องคืนตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างช้าที่สุด ทางผู้ขับรถจะต้องนำตู้เข้าไปคืนที่ท่าเรือก่อนวันและเวลาที่ระบุไว้ในบุคกิ้ง ・AFR คือ การส่งข้อมูลของสินค้าล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ก่อนการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการทำพิธีการศุลกากรขาออก ซึ่งจะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม ตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก จะถูกรวบรวมอยู่ในเทอร์มินอล เมื่อตู้คอนเทนเนอร์ถึงที่ท่าเรือ จะถูกยกขึ้นเรือโดยเครน ลูกค้าบางคนเข้าใจว่า สามารถบรรจุน้ำหนักของตู้ 20 ฟุต 2 ตู้ ลงในตู้คอนเทนเนอร์ 40 ฟุตได้ ในรูปภาพ เราจะเห็นว่าตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมากถูกวางลงในพื้นที่ของเรือ เอกสาร B/L จะออกหลังจากที่สินค้าขึ้นบนเรือไปแล้ว เรามาดูขั้นตอนการขนส่งสินค้ากันค่ะ เอกสาร B/L ถูกออกโดย forwarder และจะส่งไปยังผู้ส่งออก ดังนั้น ลูกค้าจะต้องมีเอกสาร B/L เพื่อไปแลก เอกสาร D/O ในบางครั้ง สภาพอากาศที่แปรปรวนก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เรือเกิดความล่าช้า การขนส่งสินค้าจะใช้ระยะเวลาไม่กี่วันในประเทศใกล้เคียง ก่อนที่เรือจะถึงปลาย จะมีเอกสารที่เรียกว่า Arrival Notice ถูกส่งโดย forwarder ในฝั่งนำเข้าไปยังลูกค้า Arrival Notice คือ ใบแจ้งว่าเรือจะมาถึง เป็นเอกสารที่ทางตัวแทนเรือ จะส่งไปแจ้งลูกค้า ว่าจะมีสินค้ามาถึงปลายทาง จะระบุค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ไว้ เรามาเจาะลึกขั้นตอนในการนำเข้าสินค้ากัน ผู้นำเข้าสินค้า จะต้องได้รับเอกสาร D/O เป็นเอกสารใบสั่งปล่อยสินค้า ที่ทางสายเรือจะออกให้แก่ผู้นำเข้า ในขณะเดียวกัน เอกสาร B/L ก็จะถูกส่งมาพร้อมกับ เอกสาร Arrival Notice. ในกรณีที่ใช้ original B/L จะต้องส่งเอกสารตัวจริงไปให้ลูกค้าที่ปลายทาง แต่ถ้าใช้ Surrendered B/L ผู้ส่งออกสามารถแสกน และส่งไปให้ผู้รับปลายทาง เพื่อดำเนินการเคลียร์สินค้าได้โดยไม่ต้องใช้เอกสาร B/L ตัวจริง หลังจากที่ผู้นำเข้าได้รับเอกสาร Arrival Notice จะต้องไปชำระค่าธรรมเนียมกับสายเรือ เพื่อให้สายเรือออกเอกสาร D/O เพื่อไปรับสินค้าจากท่าเรือที่นำเข้า ในการไปรับสินค้าที่ท่าเรือ ผู้นำเข้าจะต้องเตรียมเอกสารในการทำพิธีการศุลกากรขาเข้าให้เรียบร้อย เช่น เอกสาร Invoice, Packing List, Certificate of Origin หรือใบรับรองถิ่นกำเนิด เพื่อนำไปใช้เคลียร์สินค้าสำหรับการนำเข้า หากพบปัญหาในการนำเข้าสินค้า เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ทราบในภายหลัง เมื่อผู้นำเข้าได้รับเอกสาร D/O และทำเคลียร์สินค้าเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถไปรับสินค้าได้ที่ลานรับตู้คอนเทอร์ เมื่อรถบรรทุกไปถึงปลายทาง และนำสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการสิ้นสุดในการขนส่งสินค้า เรามาย้อนกลับไปดูแต่ละขั้นตอนกัน สินค้าถูกผลิตออกมาจากโรงงาน สินค้าถึงที่ท่าเรือ จากนั้นทำการส่งข้อมูล VGM และพิธีการศุลกากรขาออก หลังจากนั้น จะเป็นขั้นตอนในฝั่งผู้นำเข้า มาถึงการทำพิธีการศุลกากรนำเข้าและเคลียร์สินค้า หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สินค้าก็จะมาถึงมือของลูกค้าปลายทางเป็นที่เรียบร้อย เป็นอย่างไรบ้าง..ในการขนส่งสินค้าในแต่ละครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงแค่นำสินค้าใส่ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ยังมีเอกสารอีกมากมายที่จะต้องเตรียม หากเอกสารผิดพลาด เราอาจจะไม่สามารถส่งสินค้าได้ ทางเรา จึงอยากให้ทุกท่านได้เข้าใจในขั้นตอนการขนส่งสินค้า เพื่อความถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาดและดำเนินไปอย่างราบรื่น ขั้นตอนการส่งออกสินค้ามีอะไรบ้างขั้นตอนการส่งออกสินค้า EXPORT. 1. การจัดการ ผู้ส่งออกจะต้องมีความพร้อมที่จะดำเนินธุรกิจส่งออกในด้านต่างๆ ดังนี้ ... . 2. การเลือกสินค้าและการผลิต ... . 3. การเลือกตลาด ... . 4. การทำสัญญาซื้อขาย (Sale Contract) ... . 5. การชำระเงิน (Term of Payment) ... . 6. พิธีการส่งออก. เอกสารส่งออกทางเรือ มีอะไรบ้างเอกสารสำคัญที่ใช้ในการนำเข้า-ส่งออก. ใบขนสินค้า. ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading). บัญชีราคาสินค้า (Comercial Invoice). บัญชีบรรจุหีบห่อ (Packing List). ขั้นตอนการส่งออกขั้นตอนใดเป็นขั้นตอนสุดท้ายพิธีการส่งออกเป็นขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการส่งออกสินค้า แต่ก็เป็นขั้นตอนที่มีความซับซ้อนมากขั้นตอนหนึ่ง แต่ถ้าได้มีการศึกษาและเตรียมพร้อมล่วงหน้าแล้วก็จะไม่มีความยุ่งยาก เพราะรัฐบาลเองก็ส่งเสริมให้มีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศอยู่แล้วจึงได้พยายามลดขั้นตอนหรืออุปสรรคต่างๆ ลงเพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกเกิดความสะดวกรวดเร็วในการ ...
ขั้นตอนการส่งสินค้าทางอากาศมีอะไรบ้างขั้นตอนการขนส่งสินค้าทางอากาศ. ผู้นำเข้าหรือส่งออก ตรวจสอบสินค้า. ติดต่อบริษัทตัวแทนขนส่ง. นัดสถานที่รับสินค้าและจัดเตรียมเอกสาร. จัดส่งสินค้าและรับเอกสาร Air Waybill.. |