บทบาทของพระอภัยมณีอาจกล่าวได้ในฐานะต่างๆ ดังนี้ เมื่อไปอยู่เมืองผลึก ในฐานะที่เป็นกษัตริย์น่าที่พระอภัยมณีจะมีโอกาสกลับไปบ้านเมืองเพื่อเห็นหน้าพ่อแม่ ก็มีเหตุที่ทำให้ไม่อาจทิ้งเมืองผลึกไปได้ คือกลัวศึกมาติดเมืองต้องให้ศรีสุวรรณกับสินสมุทรไปแทน กว่าพระอภัยมณีจะมีโอกาสได้ไปกรุงรัตนาก็เมื่อท้าวสุทัศน์กับนางปทุมเกสรตายแล้ว คือไปในพิธีศพ แม้เหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องระหว่างพระอภัยมณีกับท้าวสุทัศน์และนางปทุมเกสรว่ามีน้อยเหลือเกินก็ตาม ในฐานะลูก กล่าวได้ว่าพระอภัยมณีเป็นลูกที่มีความเคารพเชื่อฟังอยู่ ในโอวาทของพ่อแม่ แม้การกระทำของพ่อแม่จะไม่ตรงกับความคิดของตน ก็ไม่ได้แย้งหรือแสดงความไม่พอใจอย่างใด จะเห็นได้จากคราวที่พระอภัยมณีกลับจากการไปศึกษาหาความรู้ เมื่อท้าวสุทัศน์ทราบว่า พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่ และศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบอง ซึ่งผิดจากความคาดหวังของพระองค์ ก็พิโรธและดูถูกวิชาที่เรียนมาว่าไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด แต่พระอภัยมณีก็ไม่ได้โต้แย้งหรือชี้แจงเพื่อทดลองให้เห็นคุณค่าของวิชาที่เรียนมาให้ประจักษ์ ทั้งนี้น่าจะเนื่องด้วยความคิดของพระอภัยมณีที่มีความเห็นว่าข้อวินิจฉัยทั้งหลายของพ่อแม่นั้น แม้จะไม่ตรงตามความเห็นของตนก็ตาม เป็นสิ่งที่ลูกจะพึงยอมรับ ครั้นท้าวสุทัศน์ซึ่งโกรธเคืองถึงกับตรัสบริภาษอย่างรุนแรง แล้วขับไล่พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณออกจากบ้านจากเมือง ลูกกาลีมีแต่จะขายหน้า ช่างชั่วช้าทุจริตผิดวิสัย พระอภัยมณีก็ปฏิบัติตามโดยมิได้แสดงความขุ่นเคือง นอกจากรำพันกับศรีสุวรรณด้วยความน้อยใจว่า พระเชษฐาว่าโอ้พ่อเพื่อนยาก สู้ลำบากบุกป่าพนาสัณฑ์ เมื่อคราวที่พบกับท้าวสิลราช พระอภัยมณีได้เล่าความเป็นมาตั้งแต่ต้นจนกระทั้งมาอยู่ที่เกาะแก้วพิสดารกับพระโยคี พระอภัยมณีเว้นไม่เล่าถึงเหตุการณ์ที่ท้าวสุทัศน์กริ้วถึงกับขับไล่ออกจากวัง พระบิดา ข้าชื่อท้าวสุทัศน์
ผ่านสมบัติรัตนามหาสถาน การที่พระอภัยมณีละเว้นไม่เล่าเหตุการณ์ที่ท้าวสุทัศน์กริ้วถึงกับขับไล่พี่น้องทั้งสองออกจากบ้านเมือง ก็เนื่องด้วยไม่ปรารถนาจะให้ท้าวสุทัศน์ได้รับการตำหนิว่าเป็นพ่อที่ขาดเมตตาธรรม เป็นกษัตริย์ที่ขาดความยั้งคิดไตร่ตรอง ขาดเหตุผลที่ควรไม่ควร อันแสดงให้เห็นความเคารพบูชาของพระอภัยมณีที่มีต่อท้าวสุทัศน์ ฐานะพี่ โอ้สงสารป่านฉะนี้ศรีสุวรรณ อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราก ครั้งเมื่อคราวโดยสารเรืออุศเรนและมาพบกับเรือสินสมุทร เมื่อทราบจากสินสมุทรว่า ศรีสุวรรณก็มาด้วย พระอภัยมณีก็แสดงความดีใจ พระรู้ว่าอนุชามาด้วยบุตร ยิ่งแสนสุดชื่นชมสมประสงค์ อนึ่ง ในวรรณคดีไทยทั่วไป ตัวละครที่มีฐานะเป็นพี่มักจะมีบทบาทที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ที่ปกป้องให้ความคุ้มครอง ให้ความช่วยเหลือและเป็นที่พึ่งพาอาศัยของน้องอยู่ตลอดเวลา ส่วนพระอภัยมณีซึ่งนับเป็นตัวอย่างของพี่ที่ดีในด้านความรักความห่วงใยน้อง แต่ในด้านที่จะเป็นที่พึ่งพาอาศัยคอยช่วยเหลือปกป้องน้องนั้นไม่ปรากฎว่าพระอภัยมณีมีบทบาทดังกล่าว ตรงกันข้ามพระอภัยมณีกลับเป็นพี่ที่ได้รับความช่วยเหลือจากน้องศรีสุวรรณต้องเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาแก่พระอภัยมณีอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในการศึกสงคราม ศรีสุวรรณต้องออกทำศึกสงครามช่วยเหลือพระอภัยมณีเกือบจะทุกครั้ง ฐานะสามี บรรดาเมียทั้งสี่ของพระอภัยมณี ยกไว้เฉพาะนางผีเสื้อยักษ์ที่พระอภัยมณีต้องจำใจอยู่ร่วมด้วย เพราะมีความเกรงกลัวอำนาจของนาง มิได้เกิดจากความรัก ความปรารถนาของตน ข้อที่น่าตำหนิก็คือเมื่อได้นางเงือกเป็นชายาแล้ว พอได้พบนางสุวรรณมาลีก็แสดงนิสัยเจ้าชู้ รักนางอย่างจับใจขึ้นมาทันที ปรารถนาจะได้นางมาเป็นชายา ถึงกับอุบายขอให้พระโยคีฝากให้โดยสารไปกับเรือ โดยหวังจะอยู่ใกล้ชิดกับนางเพื่อให้ความปรารถนาของตนสมประสงค์ โดยมิได้นึกถึงหรือเป็นห่วงนางเงือกที่ต้องว้าเหว่อยู่ที่เกาะเลย เมื่อได้อภิเษกกับนางสุวรรณมาลีสมปรารถนาแล้ว ได้พบกับนางละเวงกลางสนามรบครั้งที่ยกกองทัพข้ามไปตีลังกาครั้งแรก พระอภัยมณีกลับหลงใหลนางละเวง แสดงความเจ้าชู้เกี้ยวพาราสีทั้งๆ ที่อยู่ในระหว่างการรพุ่งกันอยู่ ปรารถนาจะได้นางมาเป็นชายาอีกโดยมิได้คิดว่านางละเวงเป็นศัตรู และตนเองก็มีมเหสีอยู่แล้ว การแสดงความเจ้าชู้เกี้ยวผู้หญิงโดยหวังจะได้นางมาเป็นคู่ครอง ทั้งๆ ที่มีคู่ครองอยู่เป็นตัวเป็นตนแล้ว นับเป็นข้อตำหนิในประการที่สอง คือเป็นสามีที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อภรรยา การที่ผู้ชายเป็นคนเจ้าชู้และมีเมียมากอย่างพระอภัยมณี หรือพระเอกในวรรณคดีไทยเรื่องอื่นอย่างนี้ อาจจะไม่เป็นข้อเสียหาย หรือเป็นค่านิยมของสังคมไทยในยุคนั้น เพราะมิฉะนั้นลักษณะเช่นนี้คงจะไม่มีปรากฎในวรรณคดีไทยเกือบทุกเล่ม หากค่านิยมของสังคมเป็นดังที่ปรากฎเช่นนี้ และพระอภัยมณีจะอยู่ในข่ายที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกตำหนิในข้อประพฤติสองประการนั้น ก็ต่อเมื่อพระอภัยมณีจะมีความรับผิดชอบต่อภรรยาทุกๆ คนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แต่พฤติกรรมของพระอภัยมณีแสดงให้เห็นว่า เป็นสามีที่ขาดความรับผิดชอบ นับแต่นางเงือก แม้พระอภัยมณีจะไม่ได้แสดงว่ารักนอกจากความสงสารก็ตามก็น่าที่จะมีความสำนึกในความรับผิดชอบคอยดูแลให้ความสุขตามฐานะอันควร ปกป้องอันตรายอันอาจจะมีขึ้น แต่เมื่อได้พบนางสุวรรณมาลี พระอภัยมณีก็หลงใหล อุบายขอโดยสารเรือไปด้วย สามารถทอดทิ้งนางเงือกให้ผจญชีวิตอยู่ตามลำพัง โดยปลอบใจนางแต่เพียงว่า สักปีครึ่งจึงจะกลับมารับน้อง อย่ามัวหมองหมางจิตคิดสงสัย ครั้นนางเงือกร้องไห้บอกถึงความหวาดกลัวภัยจากนางผีเสื้อยักษ์ ทั้งในเวลานั้นนางก็กำลังมีครรภ์ พระอภัยมณีก็อ้อนวอนให้เลิกร้องไห้โดยอ้างว่า อย่าครวญคร่ำกำสรดสลดนัก วิมลพักตร์ผิวน้องจะหมองไฉน แล้วพระอภัยมณีก็จากนางเงือกไปอย่างที่แสดงให้เห็นว่านางเงือกไม่มีความหมายอีกต่อไป ส่วนนางสุวรรณมาลีนั้น พระอภัยมณีก็มีพฤติกรรมแสดงให้เห็นว่าขาดความรับผิดชอบ กล่าวคือเมื่อได้พบนางละเวงที่สนามรบ พระอภัยมณีก็หลงรักเพียรพยายามเฝ้าประโลมจนได้นางมาเป็นชายา แล้วหลงเสน่ห์นางละเวงทอดทิ้งให้นางสุวรรณมาลีรับภาระในการปกครองบ้านเมืองแต่ลำพังเป็นเวลาถึง ๒ ปี ยิ่งกว่านั้น เมื่อนางสุวรรณมาลียกกองทัพข้ามมาถึงลังกาทำสงครามรบพุ่งกันใหญ่โตกว่าจะยุติได้ก็ต้องอาศัยเดชะบารมีของพระโยคี เมื่อเหตุการณ์สงบทุกฝ่ายต่างปรองดองเข้าใจกันแล้ว พระอภัยมณีก็กลับเมืองผลึก ซึ่งแม้ในครั้งแรกพระอภัยจะไม่กล้าชวนละเวงไปเมืองผลึกด้วย เพราะเกรงใจนางสุวรรณมาลี แต่พระอภัยมณีก็มิได้สนใจที่จะมาเยี่ยมเยียนกลับทอดทิ้งปล่อยให้นางละเวงอยู่ที่ลังกา ถึง ๑๘ ปี ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเกิดศึกมังคลา พระอภัยมณีต้องมาลังกาอีกครั้งหนึ่งเพื่อระงับศึก และเมื่อศึกสงบ พระอภัยมณีหมายจะประโลมนางละเวง แต่ด้วยความน้อยใจที่พระอภัยมณีทอดทิ้งนางจึงไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้องด้วย โดยกล่าวตัดพ้อว่า แต่ห่างเหินเนิ่นนานหม่อมฉานเล่า มีลูกเต้ามัวหมองไม่ผ่องใส พระอภัยมณีเป็นสามีประเภทเจ้าชู้ เกรงใจเมีย เฉพาะนางสุวรรณมาลีดูพระอภัยมณีจะเกรงใจอยู่มาก เช่นในคราวที่พระอภัยมณีจะกลับเมืองผลึก ในใจอยากจะพานางละเวงไปด้วย ก็เกรงว่านางสุวรรณมาลีจะไม่ยอม ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษ์ณ์ ไม่สิ้นรักวัณลามารศรี ครั้นจะไม่ชวนก็เกรงว่านางละเวงจะน้อยใจ ก็แสร้งทำทีว่าอยากจะชวนนางไปงานพิธีอภิเษกโอรสกับหลานที่เมืองรมจักรและเมืองการะเวก แต่ก็เกรงว่าทางลังกาจะมีศึกจึงขอให้นางอยู่รักษาเมือง คิดจะใคร่ให้วัณลายุพาพาล ไปช่วยงานอภิเษกเอกโอรส เมื่อถึงวันจะเดินทาง พระอภัยมณีจะไปรํ่าลานางละเวงก็เกรงนางสุวรรณมาลี ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม เสียงประโคมยามสองให้หมองศรี ฐานะพ่อ ส่วนอีก 2 คน คือ สุดสาคร กับ มังคลา นั้น พระอภัยมณีทอดทั้งมิได้ให้ความเอาใจใส่ ตั้งแต่โอรสทั้งสองยังไม่เกิด ทั้งๆ ที่เมื่อพระอภัยมณีจะจากไปก็รู้ดีว่านางกำลังมีครรภ์ แต่ก็มิได้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นห่วงเป็นใย ปรารถนาจะได้เห็นหน้า กับนางเงือก พระอภัยมณีกล่าวแต่เพียงว่าจะฝากฝังพระโยคีให้ช่วยดูแล ซึ่งทรงครรภ์นั้นอย่าได้ปรารภ จงนอบนบนับถือพระฤาษี ส่วนนางละเวงนั้นพระอภัยมณีบอกแก่นางว่า ขอฝากบุตรสุดใจที่ในครรภ์ ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี หลังจากนั้นพระอภัยมณีก็มิได้มีความคิดคำนึงเลยว่าโอรสทั้งสองจะเกิดมามีทุกข์มีสุขอย่างไร สุดสาครถูกทอดทิ้งให้อยู่ที่เกาะแก้วพิสดารกับนางเงือก และพระดาบสตามลำพัง ส่วนมังคลาน่าที่พระอภัยมณีจะไปเยี่ยมเยียนได้โดยสะดวก ก็ถูกปล่อยให้อยู่กับนางละเวงจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่ การทอดทิ้งไม่สนใจลูกของพระอภัยมณีเช่นนี้ ทำให้ความผูกพันระหว่างพระอภัยมณีกับลูกทั้งสอง คือสุดสาคร กับมังคลา ไม่มีเลยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม แม้พระอภัยมณีจะมิได้มีความคิดคำนึงแสดงความห่วงใยสุดสาครในตอนต้น แต่เมื่อได้พบกันแล้ว โดยความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ พระอภัยมณีได้แสดงความรักใคร่ห่วงใยสุดสาครอย่างลึกซึ้งไม่ต่างจากความรู้สึกที่มีต่อสินสมุทรเลย ส่วนมังคลานั้นพระอภัยมณีมิได้มีความผูกพันมาก่อน ฉะนั้น เมื่อได้พบกับมังคลาในลักษณะคู่ศึก ความรู้สึกความเป็นพ่อของพระอภัยมณีก็หมดไปโดยสิ้นเชิง ฐานะกษัตริย์ ในด้านการรบ เป็นไรมีที่ตรงจะยงยุทธ การบุรุษรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน แท้จริงแล้วพระอภัยมณีมิได้เป็นเช่นนั้นเพราะเมื่อถึงคราวจำเป็นที่ต้องออกรบเอง พระอภัยมณีก็ได้แสดงให้เห็นความกล้าหาญ แสดงฝีมือความสามารถในการรบ เช่นในคราวที่ออกรบและพบกับนางละเวงครั้งแรกในสนามรบ พระอภัยใจกล้าเห็นข้าศึก
ลุกสะอึกองอาจฟาดพระแสง ทางด้านการปกครอง พระอภัยมณีรักคนมีวิชาความรู้และรับเข้ามาช่วยราชการโดยมิได้รังเกียจเดียดฉันท์ว่าจะมีพื้นเพตระกูลเดิมสูงต่ำประการใด ดังจะเห็นได้จากนางวาลีเข้ามาถวายตัวขอเป็นมเหสีเมื่อพระอภัยมณีได้ทราบว่านางมีวิชาความรู้ก็ให้รับไว้และให้ตำแหน่งเป็นสนมเอก และนางวาลีก็ได้ใช้สติปัญญาอุบายให้นางสุวรรณมาลีรีบสึกออกมาอภิเษกกับพระอภัยมณีได้ ทั้งยังวางแผนรบชนะอุศเรน ตลอดจนใช้คำพูดฆ่าอุศเรนได้อีกด้วย พระอภัยมณีเป็นนักปกครองที่ไม่เห็นประโยชน์สุขแต่เฉพาะตน เมื่อพระองค์ได้ครองราชสมบัติ เมืองผลึก มีความสุข ก็นึกถึงผู้ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาว่าควรจะได้รับลาภยศและความสุขด้วย จึงได้ประทานทรัพย์สินเงินทองแก่บริวารที่ติดตามมาแต่เกาะแก้วพิสดารโดยทั่วหน้ากัน แล้วรางวัลบรรดาสานุศิษย์
ซึ่งตามติดปรนนิบัติไม่ขัดสน พระอภัยมณีเป็นนักปกครองที่มีความรอบคอบ โดยเฉพาะในการปกครองบ้านเมือง ดังจะเห็นได้จากการส่งคนไปประจำไว้ในที่ต่างๆ คอยแจ้งเหตุศึก เพื่อจะได้เตรียมการป้องกันได้ทันท่วงที ให้ไปอยู่บูรีรอบขอบประเทศ
คอยแจ้งเหตุตื้นลึกศึกสิงหล ความเป็นนักปกครองที่ดีอีกประการหนึ่งของพระอภัยมณีก็คือ การฟังความเห็นของที่ปรึกษา ไม่ดึงคนที่จะกระทำตามความคิดเห็นของตนโดยไม่มีเหตุผล ในคราวที่อุศเรนยกกองทัพมาตีเมืองผลึก พระอภัยมณีก็ขอคำปรึกษามาจากนางวาลีว่า พระอภัยได้ความให้ขามศึก อุตส่าห์ตรึกตรองอุบายเป็นหลายเล่ห์ เมื่อนางวาลีอธิบายกลอุบายในการทำศึก พระอภัยมณีก็เห็นด้วยและปฏิบัติตามจนได้ชัยชนะต่ออุศเรน อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักปกครองพฤติกรรมบางอย่างของพระอภัยมณีที่ควรจะได้รับการตำหนิก็มีอยู่ กล่าวคือการกระทำตามความพอใจ ความปรารถนาของตัวเองโดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิง โดยลืมนึกถึงความรับผิดชอบที่มีอยู่ ดังจะเห็นได้จากคราวที่ทำศึกกับลังกา ในขณะที่ศรีสุวรรณกับสินสมุทรต้องรับศึกหนัก พระอภัยมณีกลับตามนางยุพาผกาเข้าไปในเมืองลังกาเพื่อจะได้พบนางละเวงที่รักใคร่หลงใหล โดยไม่บอกกล่าวใครทั้งสิ้น เป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วทั้งกองทัพ ที่มา:สมชาย พุ่มสอาด |