Home - เนื้อหาฟิสิกส์ (Physics Story) - เนื้อหาแม่เหล็กไฟฟ้า - กฎของโอห์ม (Ohm’s Law)
ในปี พ.ศ. 2307 จอร์จ โอห์ม นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ตีพิมพ์ผลงานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า กับความต่างศักย์ไฟฟ้าในตัวนำที่มีอุณหภูมิคงที่พบว่า กระแสไฟฟ้าจะมีขนาดแปรผันตรงกับความต่างศักย์ไฟฟ้าในตัวนำนั้น ดังสมการแปรผัน เมื่อนำค่าที่ได้จากการทดลองมาพล็อตกราฟพบว่า ความชันที่ได้จะมีค่าคงที่ (k) และถูกกำหนดให้เป็นความต้านทานทางไฟฟ้า (R) ดังสมการ โดยที่ V คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้า ในหน่วย โวลต์ (volt) I คือ กระแสไฟฟ้า ในหน่วย แอมแปร์ (A)
R คือ ความต่างศักย์ไฟฟ้า ในหน่วย โอห์ม () Previous Page : กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ Next Page: สภาพต้านทานไฟฟ้า สภาพต้านทานเป็นสมบัติเฉพาะของสารหนึ่งๆ ส่วนความต้านทาน เป็นสมบัติของสารแต่ละชิ้น สารใดมีความต้านทานมาก แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้าผ่านน้อยหรือกล่าวว่ามีความนำไฟฟ้า (electrical conductance) น้อย ความนำไฟฟ้า เป็นสมบัติทางไฟฟ้าที่ตรงข้ามกับความต้านทานไฟฟ้าของสาร หรือกล่าวได้ว่า ความนำไฟฟ้าเป็นส่วนกลับของความต้านทาน สัญลักษณ์ ความนำไฟฟ้า แทนด้วย "G“ จะได้ว่า…….
สำหรับสารที่มีสภาพต้านทานมาก จะมีสภาพนำไฟฟ้า (electrical conductivity) น้อย สภาพนำไฟฟ้า จึงเป็นส่วนกลับของสภาพต้านทาน สัญลักษณ์ สภาพนำไฟฟ้า แทนด้วย s การคำนวณหาความต้านทานเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง ถ้ากำหนดให้ … R0 = ความต้านทานของโลหะตัวนำที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส Rt = ความต้านทานของโลหะตัวนำที่อุณหภูมิ t องศาเซลเซียส t = อุณหภูมิของโลหะตัวนำในหน่วยองศาเซลเซียส a = สัมประสิทธิ์อุณหภูมิของความต้านทานเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไป 1 องศาเซลเซียส มีหน่วยเป็น (0C)-1 จะได้ความสัมพันธ์ดังนี้ … ไดโอด ไดโอด เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ใช้ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทั่วๆ ไป ที่จำกัดทิศทางการไหลของประจุไฟฟ้ามันจะยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลในทิศทางเดียว และกั้นการไหลในทิศทางตรงกันข้าม เช่น ใช้เป็นอุปกรณ์กรองแรงดันไฟฟ้าในวงจรภาคจ่ายไฟ เป็นต้น ไดโอดประกอบด้วยขั้ว 2 ขั้ว คือ แอโนด (Anode ; A) ซึ่งต่ออยู่กับสารกึ่งตัวนำชนิด p และ แคโทด (Cathode; K) ซึ่งต่ออยู่กับสารกึ่งตัวนำชนิด n ชนิดของสารกึ่งตัวนำ เนื่องจากสารกึ่งตัวนำที่บริสุทธิ์ จะมีอิเล็กตรอนอิสระน้อย กระแสไฟฟ้าที่ผ่านจึงมีน้อยถ้าต้องการให้มีกระแสไฟฟ้าไหลเป็นจำนวนมาก ต้องทำการเจือปนอะตอมของธาตุอื่นลงไปในสารเหล่านั้น เรียกว่า “สารกึ่งตัวนำไม่บริสุทธิ์” นอกจากนี้ยังมีสารกึ่งตัวนำแบบสารประกอบ 2. สารกึ่งตัวนำประเภท P - type เป็นสารกึ่งตัวนำ ที่เกิดจากการจับตัวของอะตอมซิลิกอนกับอะตอมของ แรงเคลื่อนไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า วงจรไฟฟ้า วงจรไฟฟ้า ประกอบด้วย ความต้านทานหลายตัวต่อเข้าด้วยกันแบบต่างๆ เซลล์ไฟฟ้าหลายๆ เซลล์ต่อเข้าด้วยกัน มีการใช้แอมมิเตอร์ โวลต์มิเตอร์วัดในจุดต่างๆ ซึ่งเมื่อต่อตัวนำหรือตัวต้านทานเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้าจะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวต้านทานและแหล่งกำเนิดไฟฟ้านั้น
กระแสไฟฟ้าที่เกิดก็เนื่องจากการเคลื่อนที่ของประจุไฟฟ้า โดยประจุไฟฟ้าได้รับพลังงานจากแหล่งกำเนิดไฟฟ้า แรงเคลื่อนไฟฟ้า (electromotive force ; e.m.f.) แรงเคลื่อนไฟฟ้า
หรือ electromotive force (emf ; E) ของแหล่งกำเนิดไฟฟ้าใดๆ นิยามว่า เป็นพลังงานที่แหล่งกำเนิดนั้นจะสามารถให้ได้ต่อหน่วยประจุไฟฟ้า ตัวอย่างเช่นถ่านไฟฉายก้อนหนึ่งมีแรงเคลื่อนไฟฟ้า 1.5 โวลต์ (V) หรือจูลต่อคูลอมบ์ (J/C) หมายความว่า
ให้พลังงานได้ 1.5 จูลต่อประจุไฟฟ้าทุกๆ 1 คูลอมบ์ ที่เคลื่อนที่ระหว่างขั้วไฟฟ้า
จากรูป สัญลักษณ์ หมายถึง เซลล์ไฟฟ้า นำโวลต์มิเตอร์ (เครื่องมือวัดความต่างศักย์ไฟฟ้า) V มาวัดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขั้วของถ่านไฟฉาย ปรากฏว่า วัดได้ค่า V1 ตามความหมายของแรงเคลื่อนไฟฟ้า จะได้ ... V1 = E = 1.5 โวลต์ ถ้าวงจรเปลี่ยนไปเป็นรูป (ข) โวลต์มิเตอร์อ่านได้ V2 ตอนนี้ V2 จะเป็นความต่างศักย์ไฟฟ้าที่ตกคร่อมความต้านทาน R และเป็นความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างขั้วของเซลล์ไฟฟ้า เมื่อมีความต้านทาน R ต่อรวมอยู่ พบว่า V2 น้อยกว่าแรงเคลื่อนไฟฟ้า E อธิบายได้ว่า เพราะเซลล์ไฟฟ้ามีความต้านทานภายใน r ทำให้พลังงานไฟฟ้าบางส่วนสูญเสียไป โดยการอาศัยกฎของโอห์ม และความหมายของแรงเคลื่อนไฟฟ้า และความต่างศักย์ไฟฟ้า จะได้ ... E = IR + Ir หรือ... I = E/R+r เมื่อ ... I เป็นกระแสไฟฟ้า สรุปนิยาม แรงเคลื่อนไฟฟ้า (electromotive force “e.m.f.”) หมายถึง พลังงานไฟฟ้าที่แหล่งกำเนิด (เซลล์ไฟฟ้า) ใช้ในการเคลื่อนประจุ +1 คูลอมบ์ ครบวงจรพอดี จากขั้วบวกไปยังขั้วลบผ่านตัวต้านทาน (R) ภายนอกเซลล์และจากขั้วลบไปยังขั้วบวก ผ่านเซลล์ไฟฟ้าภายใน มีหน่วยเป็น จูลต่อคูลอมบ์ หรือ โวลต์ ความต่างศักย์ไฟฟ้าภายนอกเซลล์ (VR) หมายถึง พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการเคลื่อนประจุ +1 คูลอมบ์ จากขั้วบวกไปยังขั้วลบของเซลล์ โดยผ่านตัวต้านทานภายนอกเซลล์ (R) มีหน่วยเป็น จูลต่อคูลอมบ์ หรือ โวลต์ ความต่างศักย์ไฟฟ้าภายในเซลล์ (Vr) หมายถึง พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการเคลื่อนประจุ +1 คูลอมบ์ จากขั้วลบไปยังขั้วบวกของเซลล์ โดยผ่านภายในเซลล์ไฟฟ้า มีหน่วย เป็น จูลต่อคูลอมบ์ หรือ โวลต์ ความต้านทานภายใน (r) หมายถึง ความต้านทานภายในเซลล์ไฟฟ้า มีหน่วย เป็น โวลต์ต่อแอมแปร์ หรือ โอห์ม |