ปัจจุบันพบว่าผู้ชายมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) มากขึ้น โดยอายุน้อยกว่า 40 ปี พบได้ร้อยละ 1-10 ส่วนอายุ 40 – 69 ปี พบได้ร้อยละ 15 – 40 และผู้ที่อายุมากกว่า 70 ปี พบได้มากถึงร้อยละ 50 – 100 ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ เช่น ความมั่นใจในตัวเองลดลง มีกิจกรรมทางเพศลดลง และทำให้มีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ นพ. การันต์ หริมเทพาธิป ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน กล่าวว่า โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หมายถึง การที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ หรือบางรายอาจจะแข็งตัวได้ไม่นาน โดยผู้ที่มีภาวะเสี่ยงในการเกิดโรค ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคซึมเศร้า โรคอ้วน ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่เคยผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน ผ่าตัดหลัง ผ่าตัดต่อมลูกหมาก ผ่าตัดท่อปัสสาวะ ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่กระดูกสันหลัง อุ้งเชิงกราน และที่อวัยวะเพศ ผู้ที่ทานยาบางชนิด เช่น ยาโรคความดันโลหิตสูงบางตัว ยาโรคจิตเภท ยาโรคซึมเศร้า ยาต่อมลูกหมากบางตัว เป็นต้น สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งได้เป็น 4 สาเหตุ คือ
|