ความสําคัญของวรรณคดี Show วรรณคดีเป็นสิ่งสร้างสรรค์อันล้ำค่าของมนุษย์ มนุษย์สร้างและสื่อสารเรื่องราวของชีวิต วัฒนธรรมและอารมณ์ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องหรือสะท้อนความเป็นมนุษย์ด้วยกลวิธีการใช้ถ้อยคําสํานวน ภาษา ซึ่งมีความเหมือนหรือแตกต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย พระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) ได้กล่าวถึงความสําคัญของวรรณคดีไวในหนังสือ แง่คิดจากวรรณคดีว่า โลกจะเจริญก้าวหน้ามาได้ไกลก็เพราะวิทยาศาสตร์ แต่ลําพังวิทยาศาสตร์เท่านั้นไม่ครอบคลุม ไปถึงความเป็นไปในชีวิตที่มีอารยธรรมและวัฒนธรรมสูง เราต้องมีศาสนา เราต้องมีปรัชญา เราต้องมี ศิลปะ และเราต้องมีวรรณคดีด้วย สิ่งเหล่านี้ย่อมนํามาแต่ความดีงาม นําความบันเทิงมาให้แก่จิตใจ ให้เราคิดงาม เห็นงาม ประพฤติงาม มีความงามเป็นเจ้าเรือน แบบสนิทอยุ่ในสันดาน ศิลปะและวรรณคดี นี้แหละคือแดนแห่งความเพลิดเพลินใจ ทําให้มีใจสูงเหนือใจแข็งกระด้าง เป็นแดนที่ทําให้ความแข็ง กระด้างต้องละลายสูญหาย กลายเป็นมีใจงาม ละมุนละม่อม เพียบพร้อมไปด้วยคุณงามความดี วรรณคดีมีความสําคัญทางด้านการใช้ภาษาสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของคน การสืบทอดและ อนุรักษ์วัฒนธรรม กฎระเบียบคําสอน และเป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคีให้เกิดในกลุ่มชน และให้ ความจรรโลงใจ นอกจากจะให้คุณค่าในด้านอรรถรสของถ้อยคําให้ผู้อ่านเห็นความงดงามของภาษาแล้ว ยังมีคุณค่าทางสติปัญญาและศีลธรรมอีกด้วย วรรณคดีจึงมีคุณค่าแก่ผู้อ่าน 2 ประการคือ
เหมาะสม กระทบอารมณ์ผู้อ่าน มีสัมผัสให้เกิดเสียงไพเราะเป็นต้น
ที่มา http://202.143.165.163/th_m2/chap3/chap3_4.pdf วันที่ 31 ตุลาคม 2556 "วรรณกรรม" กระจกเงาสะท้อนสังคม ความเป็นจริงในวรรณกรรมโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นของต่างชาติหรือของไทยเองก็ตาม อย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ก็คือ วรรณกรรมเป็นกระจกเงาที่สะท้อนภาพทางสังคม และวัฒนธรรม ตลอดจนคุณค่าต่างๆของคนในสังคมแต่ละยุคสมัย ความเป็นไปทางการเมือง ความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ ระดับการศึกษา สิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาให้เราได้เห็นจากคนอ่านและคนเขียน และวรรณกรรมยังเป็นสัญลักษณ์ที่บอกให้เราเห็นความจริงจังของคนในชาติ หรือความฟุ้งเฟ้อของกลุ่มคนในสังคม ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากลุ่มคนสังคมใดจะใช้กระจกเงาบานไหนออกมาฉาย ดังนั้นท่าทีและแนวโน้มของวรรณกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นของไทยหรือต่างชาติ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนย่อมมีอิทธิพลเกี่ยวข้องกัน และขึ้นอยู่กับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานทางวรรณกรรมว่าจะทำวรรณกรรมให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม หรือเหยียบย่ำสังคมให้ต่ำทรามลง วรรณกรรมเป็นผลงานของมนุษย์ ดังนั้นจึงเป็นที่เก็บรวบรวมความคิด ความเป็นอยู่
และลักษณะสภาพต่างๆของมนุษย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไว้ด้วยกัน สังคมของผู้แต่งหนังสือมีธรรมชาติอย่างไร วรรณกรรมก็มีธรรมชาติอย่างนั้น สังคมนั้นเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการไปตามเหตุการณ์อย่างไร วรรณกรรมก็บอกถึงเหตุการณ์นั้น เช่น เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ มีผลทำให้มนุษย์ในแต่ละสังคมประพฤติปฏิบัติตนต่างกัน หรือบางครั้งก็ออกมาในรูปเดียวกัน บางครั้งก็ขัดแย้งกัน บางครั้งก็กลมกลืนกัน ผู้แต่งหนังสือที่ช่างสังเกตก็จะเลือกหาเหตุการณ์เรื่องราวจากความเป็นไปในสังคมมาผูกเป็นเรื่องขึ้น
โดยตั้งจุดประสงค์ไว้ต่างๆกัน บางคนผูกเรื่องขึ้นเพื่อรายงานเหตุการณ์แต่เพียงอย่างเดียว บางคนก็ชี้ให้เห็นลักษณะที่ขัดแย้งต่างๆเพื่อเตือนสติคนในสังคม รุสโซ ( Jean Jacques Rousseau ) พิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 1762 เป็นหนังสือที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยให้แนวคิดเกี่ยวกับทฤษฏีทางรัฐศาสตร์ที่สำคัญ เรียกว่า " เจตนารมณ์ทั่วไป ( General Will ) " เน้นเรื่องเสรีภาพและสิทธิของมนุษยชาติ ก็คืออำนาจอธิปไตยนั่นเอง ซึ่งถือเป็นหลักการที่สำคัญยิ่งของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อิทธิพลของหนังสือเล่มนี้มีส่วนก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการเรียกร้องอิสรภาพของสหรัฐอเมริกาใน ค.ศ. 1776 และการปฏิวัติในฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 - 1792 และอิทธิพลของหนังสือเล่มนี้ก็ยังคงมีอยู่จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ดังจะเห็นได้จากแนวคิดเรื่องทฤษฏีสัญญาประชาคม ( Social Contract Theory ) ซึ่งมีนักวิชาการได้นำมาอ้างอิงอยู่เสมอ หลังจากนั้นก็มีวรรณกรรมอีกหลายเล่ม ได้อิทธิพลและสนับสนุนการปกครองตามแนวคิดของรุสโซ เช่น จอห์น สจ๊วต มิลล์ ( John Stuart Mill ) นักเศรษฐศาสตร์และนักคิดชาวอังกฤษ ได้เขียนหนังสือ เรื่อง on Liberty โดยเน้นว่ารัฐบาลที่ดีต้องให้เสรีภาพแก่ประชาชน ซึ่งจากที่ได้กล่าวมาในข้างต้นทั้งหมดนี้ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าวรรณกรรมนั้นมีอิทธิพลและผลกระทบต่อสังคมของเราอย่างมากมายเพียงใด วรรณกรรมสามารถเปลี่ยนแนวความคิด และอุดมการณ์ของเราได้อย่างสิ้นเชิงด้วยค่านิยมต่างๆที่มีอิทธิพลต่อสังคมของเรา อีกทั้งยังสามารถสร้างพลังอันแข็งแกร่งให้กับเราได้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางความคิดของตนเองให้เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปในสังคมได้อีกด้วย ดังนั้นการอ่านวรรณกรรมจึงอาจเป็นเหมือนกับดาบสองคม หากเราปล่อยให้อิทธิพลของวรรณกรรมเข้ามามีส่วนครอบงำความคิด และจิตใจของเรามากจนเกินไป เราอาจไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นที่เขาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเราด้วยก็เป็นได้ และสิ่งนั้นนั่นแหละอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเองในที่สุด เพราะฉะนั้นวรรณกรรมจะส่งผลที่ดีต่อสังคมได้ก็ต่อเมื่อคนในสังคมรู้จักที่จะนำเอาเรื่องราวและความคิดที่ดีๆที่แฝงอยู่ในวรรณกรรมนั้นๆมาปรับปรุงและประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับสังคมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สังคมของเราอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขตลอดไป สรุปแล้วคืออิทธิพลของวรรณกรรมส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม ตลอดจนประเทศชาติ และโลกของเราอีกด้วย วรรณกรรมจึงผูกพันกับสังคมอย่างแนบแน่น และมีบทบาทที่สำคัญในการชี้นำแนวทางให้กับคนในสังคมตลอดมา วรรณคดีเป็นกระจกสะท้อนสังคมอย่างไรวรรณคดีและวรรณกรรมเป็นบันทึกทางสังคมและสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในยุคนั้น ๆ ผ่านตัวละครที่สร้างตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่ว่าจะเป็นพระราชา สามัญชน หญิง ชาย คนดี คนชั่ว ผู้อ่านจึงสามารถเรียนรู้สัจธรรมของชีวิตได้จากลักษณะนิสัยของตัวละครเหล่านั้น ได้ข้อคิด ในการดำาเนินชีวิต เช่น ความดีย่อมชนะความชั่ว รู้จักการ ...
วรรณกรรมเป็นภาพสะท้อนสังคมอย่างไร(1) วรรณกรรมเป็นภาพสะท้อนของสังคม แต่ไม่ใช่เป็นการสะท้อนอย่าง บันทึกเหตุการณ์จ าพวกเอกสารทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นภาพสะท้อนประสบการณ์ของตัวผู้เขียน และเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของสังคม ในทางรูปธรรมอาจหมายถึง วรรณกรรมสามารถสะท้อนเหตุการณ์ ทั่วไปที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนในด้านของนามธรรมหมายถึง วรรณกรรมได้สะท้อนค่านิยมในชีวิตจิตใจ ...
วรรณคดีสะท้อนอะไรวรรณคดี คือวรรณกรรม หรือข้อเขียนที่ทรงคุณค่า เพราะสะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่ลึกซึ้งของผู้เขียน ทั้งทางด้านเนื้อหา และวิธีการประพันธ์ การอ่านวรรณกรรมแต่ละเรื่อง จึงทำให้ผู้อ่านได้ซึมซาบสิ่งเหล่านี้ไปด้วย ซึ่งแบ่งได้เป็น คุณค่าด้านวรรณศิลป์ คุณค่าทางเนื้อหา คุณค่าด้านสังคม และคุณค่าจากการนำไปปรับใช้ชีวิตประจำวัน
ความสําคัญของวรรณคดี มีอะไรบ้างวรรณคดีเป็นวรรณกรรมที่ถูกยกย่องว่าเขียนดี มีคุณค่า สามารถทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์สะเทือนใจ มีความคิดเป็นแบบแผน ใช้ภาษาที่ไพเราะ เหมาะแก่การให้ประชาชนได้รับรู้ เพราะสามารถยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น รู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร และทรงคุณค่า
|