โครงงานสบู่เหลว ล้างมือ จาก เศษสบู่ก้อน

———————————————————————————————————————————————-

โครงงาน  IS  เรื่องสบู่เหลวจากสมุนไพร

โรงเรียนหินกองวิทยาคม

———————————————————————————————————————————————-

บทที่ 1

บทนำ

ที่มาและความสำคัญของการศึกษา

ป้องกันและลดการแพร่ของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและไข้หวัดต่างๆ  เป็นการนำสมุนไพรใกล้ตัวที่เรารู้จักมาใช้ให้เกิดประโยชน์  ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้  ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์  และเรียนรู้การทำงานร่วมกัน

จุดมุ่งหมายของการศึกษา

1. เพื่อทำให้บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น
2. เพื่อเป็นการลดและป้องกันเชื้อโรคต่าง
3. เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ และความสามัคคีในหมู่คณะ

ขอบเขตการศึกษา

สถานที่ : โรงเรียนหินกองวิทยาคม

 ระยะเวลาการศึกษา

วันที่ 11 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2558 ถึง วันที่ 7 เดือน กันยายน พ.ศ. 2558

———————————————————————————————————————————————-

บทที่ 2

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

ตะไคร้

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cymbopogon citratus  Stapf.

ชื่อสามัญ           :   Lemon Grass, Lapine

วงศ์                   :   Poaceae (Gramineae)

ชื่ออื่น                :  จะไคร้(ภาคเหนือ)  ไคร(ภาคใต้)  คาหอม(เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน)  ห่อวอตะไป่(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) หัวสิงโต(เขมร-ปราจีนบุรี)  ตะไคร้แกง(ทั่วไป)

ส่วนที่ใช้           :   ทั้งต้น เก็บได้ตลอดปี ล้างให้สะอาด ใช้สดหรือผึ่งให้แห้งในที่ร่มเก็บไว้ใช้  รากเก็บได้ตลอดปี     ล้างให้สะอาด ใช้สด ใบสด

สรรพคุณ

ทั้งต้น

1. รสฉุน สุมขุม แก้หวัด ปวดศีรษะ ไอ
2. แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ขับลมในลำไส้ บำรุงไฟธาตุ
3. ทำให้เจริญอาหาร แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้ท้องเสีย
4. แก้ปวดข้อ ปวดเมื่อย ฟกช้ำจากหกล้ม ขาบวมน้ำ
5. แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว ขับปัสสาวะ ประจำเดือนมาผิดปกติ
6. แก้ปัสสาวะเป็นเลือด แก้โรคหืด

ราก

1. แก้เสียดแน่น แสบบริเวณหน้าอก ปวดกระเพาะอาหารและขับปัสสาวะ
2. บำรุงไฟธาตุ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการ
3. รักษาเกลื้อน แก้อาการขัดเบา

ใบสด

1.  มีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูง

ต้น

1.  มีสรรพคุณเป็นยาขับลม
2. แก้ผมแตกปลาย
3. เป็นยาช่วยให้ลมเบ่งขณะคลอดลูก
4. ใช้ดับกลิ่นคาว
5. แก้เบื่ออาหาร
6. บำรุงไฟธาตุให้เจริญ
7. แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่วปัสสาวะพิการ
8. แก้หนองใน

คุณค่าทางด้านอาหาร

ตะไคร้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะช่วยเพิ่มเกลือแร่ที่จำเป็นหลายชนิด เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และยังมีวิตามินเอ รวมอยู่ด้วย

สารเคมี

ใบ  –   มีน้ำมันหอมระเหย 0.4-0.8% ประกอบด้วย Citral 75-85 %  Citronellal, Geraniol Methylheptenone เล็กน้อย

ราก  –   มี อัลคาลอยด์ 0.3%

การล้างมือ

ควรล้างมือเมื่อไหร่

1.  หลังการไอหรือจาม หรือไปสัมผัสสารคัดหลั่งมือเมื่อไหร่ของผู้ป่วย
2. ก่อนและหลังรับประทานอาหาร
3. ก่อนและหลังการเตรียมอาหาร
4. ก่อนและหลังการเข้าห้องน้ำ
5. ก่อนและหลังการสูบบุหรี่
6. ก่อนและหลังการทำงาน
7. เมื่อกลับจากทำงาน

 ความสำคัญของการล้างมือ

มือเป็นสิ่งที่เราใช้ตลอดเวลาและโรคหลายโรคก็ติดต่อทางมือโดยมือเป็นตัวนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย การล้างมือเป็นวิธีการป้องกันโรคติดเชื้อทั้งทางเดินหายใจและการสัมผัส

โรคติดเชื้อที่ติดต่อผ่านทางมือที่พบบ่อยๆคือ

1.  โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด หัดเยอรมัน
2. โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย โรคตับอักเสบชนิดเอ โรคบิด อหิวาตกโรค
3. โรคพยาธิชนิดต่างๆซึ่งติดต่อได้จากการที่มือปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้แล้วหยิบจับอาหารเข้าไป
4. โรคติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง เช่น โรคตาแดง โรคเชื้อรา แผลอักเสบที่ผิวหนัง หิด เหา
5. โรคที่ติดต่อได้หลายทาง เช่น โรคอีสุกอีใสอาจติดต่อได้จากการสัมผัสและจากการหายใจ

——————————————————————————————————————————

บทที่ 3

วิธีการศึกษาและปฏิบัติ

วิธีการศึกษา

1. เลือกชื่อเรื่อง
2. ศึกษาแหล่งเรียนรู้
3. นำเสนอเรื่อง ปรึกษาครูผู้สอน
4. ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้
5. นำไปปรึกษาครูผู้สอน
6. วางแผนการดำเนินงานการเขียน
7. ลงมือปฏิบัติ
8. บริการสู่บุคลากรและชุมชน
9. ส่งผลงาน

วัสดุและอุปกรณ์

1. SLES70   1.0    กิโลกรัม                               2.  TEXAPON ALS   0.5   กิโลกรัม

3.  COMCAMIDE DEA   50   กรัม                      4.  UNIGERM  G-2   1.0   ออนซ์

5.  SODIUM CHLORIDE   350   กรัม                  6.  ตะไคร้   3   กิโลกรัม

7.  หม้อ 2  ใบ                                                       8.  ไม้พาย

9.  น้ำสะอาด                                                        10.  มีด

11.  กรรไกร                                                           12.  บรรจุภัณฑ์

วิธีทำสบู่เหลว

1. ล้างตะไคร้ที่เตรียมไว้
2. ทุบเเละหั่นตะไคร้ลงในหม้อ  ยาวประมาณ  1  นิ้ว
3. ใส่น้ำสะอาดลงไป  4  ลิตร  ต้มด้วยไฟปานกลางแล้วปิดฝา  ต้มจนเดือดแล้วทิ้งไว้จนกว่าจะเย็น
4. นำ  SLES70  , TEXAPON ALS , SODIUM CHLORIDE  และ  UNIGERM  G-2  ใส่ลงหม้อใบที่สอ’แล้วกวนจนส่วนผสมละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
5. นำน้ำตะไคร้ที่ได้ไปกรอง  แล้วนำใส่หม้อใบที่สอง  กวนช้าๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน
6. ใส่น้ำสะอาดเพิ่ม  4  ลิตร  และใส่  COMCAMIDE DEA  แล้วกวนช้าๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน
7. ทิ้งไว้จนกว่าฟองที่เกิดจากการกวนลดหรือหมดไป
8. นำสบู่เหลวที่ได้กรอกใส่บรรจุภัณฑ์
9. นำไปแจกจ่ายนักเรียนในโรงเรียน  และชุมชนใกล้เคียง

———————————————————————————————————————————————-

บทที่ 4

 ผลการศึกษา

จากการศึกษาและปฏิบัติ โครงงาน IS  เรื่อง สบู่เหลวจากสมุนไพร ในครั้งนี้  ทำให้บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนมีการใส่ใจในการล้างมือมากขึ้น  โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่คณะผู้จัดทำได้ศึกษา  ค้นคว้า   และปฏิบัติ  จนได้มาเป็นสบู่เหลวจากสมุนไพร  เพื่อใช้ในการล้างมือให้สะอาดมากขึ้นกว่าการล้างน้ำเปล่า  และยังทำให้ผิวชุ่มชื้น  สดชื่น  และฆ่าเชื้อโรค  เพื่อป้องกันและลดการเกิดไข้หวัดต่างๆ ที่ทำให้สุขภาพกายเจ็บป่วย  และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

———————————————————————————————————————————————-

บทที่ 5

สรุปและข้อแนะนำ

ผู้ศึกษาได้ศึกษาโครงงาน IS  เรื่อง สบู่เหลวจากสมุนไพร โดยมีจุดมุ่งหมาย  ดังนี้

1.  ป้องกันและลดการแพร่ของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและไข้หวัดต่างๆ
2. เป็นการนำสมุนไพรใกล้ตัวที่เรารู้จักมาใช้ให้เกิดประโยชน์
3. เป็นการเพิ่มรายได้
4. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
5. เรียนรู้การทำงานร่วมกัน เกิดความสามัคคี
6. ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ

สรุป

ในการทำสบู่เหลวจากสมุนไพร  ทำให้ผู้จัดทำทราบว่า  เมื่อทำเสร็จควรจะพักไว้จนกว่าสบู่เหลวจะหมดฟอง               เพื่อให้ง่ายต่อการบรรจุลงในผลิตภัณฑ์

ข้อเสนอแนะ

1.  เราไม่ควรคนสวนทางกัน เพราะจะทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร
2. เมื่อทำเสร็จแล้วเราควรจะรอให้ฟองหมดไป เพราะจะทำให้ง่ายต่อการบรรจุ

———————————————————————————————————————————————-

จัดทำโดย

นางสาวเบญจวรรณ  ศรีพิทักษ์

นางสาวภูริชญา  จักรพรรดิแก้ว

นางสาวสุนิษา  เพ็ชรไพร

นางสาวรุ่งทิพย์  เฉยเจียม

โรงเรียนหินกองวิทยาคม  อ.หนองแค  จ.สระบุรี

———————————————————————————————————————————————-