ชอบว่าคนอื่นไม่ดี

          จริงๆเราทุกคนกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรามากเกินไป ลองเขียนรายชื่อลงกระดาษ คนที่สำคัญกับชีวิตเราจริงๆ คนที่เรากังวลว่าเขาจะคิดยังไงกับเราจริงๆ บางทีมันอาจจะไม่มีชื่อคนที่เรากำลังกลัวว่าเขาจะคิดยังไงกับเราเลยอยู่ก็ได้ ว่าแต่คุณเคยกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงรกับเราไหม บอกกันมาไว้หน่อยนะ 

ช่วยเหลือ ดูแลเอาใจใส่ ทำตามใจคนอื่นตลอดเวลา ฯลฯ นิสัยเหล่านี้อาจทำให้เราดูดีในสายตาคนอื่น แต่ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ เพราะอยากให้คนอื่นยอมรับในตัวเรา ชีวิตของเราอาจจะดิ่งลงหุบเหวได้เช่นกัน เพราะคนที่ชอบเอาอกใจคนอื่น เพื่อให้คนอื่นยอมรับในตัวเอง หรือ ‘people-pleaser’ มักไม่มีความสุข และมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

UNLOCKMEN เลยอยากจะมาพูดถึงลักษณะของ people-pleaser และวิธีการใส่ใจกับตัวเอง เพื่อให้ทุกคนสามารถเลิกเป็นคนที่ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น และทำความต้องการของตัวเองมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้นตามมา


10 ลักษณะของ people-pleaser

ชอบว่าคนอื่นไม่ดี
ก่อนอื่นเราอยากพูดถึงลักษณะของคนที่เป็น people-pleaser ก่อน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น people-pleaser คือ คนที่โหยหาการยอมรับจากคนอื่น เลยต้องแสดงออกในเชิงที่เอาใจคนอื่นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น พูดในสิ่งที่คนอื่นอยากได้ยิน ตอบรับคำเชิญไปงานปาร์ตี้ที่ไม่อยากไป รับงานที่ตัวเองก็ไม่ได้อยากทำ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ ส่งผลให้ พวกเขาเลยมักไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ไม่เป็นตัวของตัวเอง และถูกคนอื่นมองว่าไม่จริงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณของ  people-pleaser ได้แก่

    • ช่วยเหลือคนอื่น เพราะไม่อยากถูกมองว่าเห็นแก่ตัว หรือ อยากดูดีในสายตาพวกเขา
    • ปากไม่ตรงกับใจ เห็นด้วยกับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ในใจเห็นต่าง
    • รู้สึกต้องรับผิดชอบกับความรู้สึกของคนอื่น จึงเอาคนอื่นมาก่อนตัวเอง
    • พูดขอโทษ และโทษตัวเองบ่อย ๆ
    • ทำในสิ่งที่คิดว่าคนอื่นอยากให้ทำมากกว่าทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
    • ไม่กล้าปฏิเสธคนอื่น
    • ไม่เป็นตัวของตัวเอง พยายามทำตัวเหมือนคนรอบข้าง หรือ พยายามทำในสิ่งที่คิดว่าคนอื่นจะมีความสุข
    • วัดคุณค่าของตัวเองจากคำชมของคนอื่น
    • หลีกเลี่ยงความขัดแย้งอยู่เสมอ
    • ไม่กล้าพูดว่าตัวเองรู้สึกแย่

เป็นไงบ้าง ลิสต์ข้างบนตรงกับนิสัยของคุณมากแค้ไหน ถ้าตรงหลายข้อ แนะนำว่าให่อ่านต่อไป เพราะเราได้นำวิธีแก้ไขนิสัยร้าย ๆ มาฝากทุกคนด้วยเหมือนกัน


วิธีการเลิกเป็น people-pleaser

ชอบว่าคนอื่นไม่ดี

เมื่อการเป็น people-pleaser ส่งผลเสียต่อชีวิตของเราในหลายด้าน เราเลยอยากแนะนำให้คนที่มีนิสัยแบบนี้เปลี่ยนแปลงและแก้ไขตัวเองโดยด่วน !! ลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดู จะช่วยให้มีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น

ใจดีกับคนอื่นแบบไม่เฟค – เริ่มจากจริงใจกับคนอื่นก่อนเลย โดยเวลาจะแสดงความใจดีกับคนอื่น ให้เราคิดเสมอว่า ทำไมเราถึงทำแบบนั้น ? ทำแล้วมันจะส่งผลต่อเราอย่างไร ? การใจดีกับคนอื่น เพราะอยากทำ และมีความสุขที่ได้ทำ มันย่อมดีกว่า ใจดีกับคนอื่น เพราะอยากดูดีในสายตาพวกเขา ซึ่งอย่างหลัง หากผลตอบรับไม่ดีเท่าที่เราคาดหวัง เช่น เขาไม่ชม หรือ ขอบคุณ เราอาจรู้สึกเสียใจ และเป็นทุกข์มากกว่าเดิม

เอาตัวเองมาก่อนเป็นอันดับแรก – เมื่อเราเอาคนอื่นมาก่อนตัวเองเสมอ เรามักจะเหนื่อย เพราะการช่วยเหลือคนอื่นต้องใช้พลังงานเยอะ และเมื่อเราไม่ได้ดูแลตัวเอง เราอาจจะไม่มีแรงมากพอไปช่วยเหลือใครได้เช่นกัน ดังนั้น เราเลยต้องมีสมดุลระหว่าง คนอื่น กับ ตัวเอง เพื่อให้เราไม่ใส่ใจคนอื่นมากเกินไปจนพัง วิธีหนึ่งที่ดี คือ เอาตัวเองมาก่อนเป็นอันดับแรก ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่อยากช่วย และใส่ใจทุกคนความต้องการของตัวเอง

กล้าขัดใจคนอื่น – ไม่มีใครสามารถทำได้ทุกเรื่อง ทุกคนล้วนมีเรื่องที่ไม่ถนัด ไม่ชอบ และไม่อยากทำ การยอมทำตามคนอื่นทุกเรื่องจึงเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดและทำให้เราไม่สบายใจอยู่เสมอ แถมบางครั้งงานยังทำให้งานออกมาไม่ดีด้วย ดังนั้น เราจึงต้องปฏิเสธคนอื่นบ้าง กล้าแสดงความเห็นแย้ง และยึดมั่นในสิ่งที่เราเชื่อ จะช่วยให้เรามีความมั่นใจมากกว่ายอมคนอื่นไปซะทุกเรื่องอย่างแน่นอน

เว้นช่วงก่อนที่จะตอบกลับ – บางครั้งการเว้นช่วง ก่อนที่จะตอบรับคำขอของคนอื่น อาจช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นมากกว่า เพราะการตอบรับคำขออย่างรวดเร็วอาจเกิดขึ้นจากความรู้สึกถูกกดดัน จนต้องตอบรับคนอื่นไปก่อน เพื่อเข้าสู่โซนปลอดภัย เพราะฉะนั้น ลองหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อตั้งสติ และใช้เวลาคิดสักเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับไป

อย่างไรก็ตาม ถ้ารู้สึกว่า การแก้นิสัยชอบเอาอกเอาใจคนอื่นเป็นเรื่องยากสำหรับเรา เราอยากแนะนำให้ลองไปพบนักบำบัด ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจที่มาของนิสัยที่เป็นปัญหา และแนะนำวิธีการรับมือกับมันได้

อาจมีบางวันที่คุณตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์แจ่มใส และหมายมั่นปั้นมือว่าวันนี้จะเป็นวันดี ๆ ของคุณ แต่แล้วคุณก็ถูกดับฝัน ด้วยคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจของใครบางคน ซึ่งหลังจากนั้น วันดี ๆ ของคุณก็กลับตาลปัตรกลายเป็นวันแย่ ๆ ไปทันที

สุภาษิตโบราณก็บอกอยู่แล้วว่าอาวุธที่อันตรายที่สุดของมนุษย์คือคำพูด (ลิ้น) นั่นแสดงว่าคนเรามักถูกทำร้าย และทำร้ายกันและกันเสมอด้วยคำพูด โดยเฉพาะในวิถีชีวิตทุกวันนี้ นอกจากการพูดคุยกันต่อหน้าแล้ว ยังมีโอกาสที่จะเจอการ Bully และ hate speech ในโลกออนไลน์ได้อีกด้วย

คนเป็นจำนวนมากกำลังเผชิญกับภาวะ self-esteem (ความภูมิใจในตัวเอง การรักตัวเอง) และ self-confidence (ความมั่นใจในตัวเอง) ต่ำเกินปกติ จนมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุข ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการถูกกระทบกระแทกด้วยคำพูดจากคนอื่น ประกอบกับการไร้กำแพงปราการจะปิดกั้นหรือมีภูมิต้านทาน อิทธิพลจากคำพูดเหล่านั้นเลยเข้าไปทำร้ายจิตใจได้เต็ม ๆ

ข่าวร้ายคือคุณหลีกเลี่ยงคำพูดแย่ ๆ จากคนอื่นไม่ได้ และตราบใดที่คุณยังเป็นคนธรรมดาที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งยังไม่บรรลุธรรมอยู่เหนืออิทธิพลคำพูดทั้งปวงแล้ว คุณก็ยังจะรู้สึกไม่มากก็น้อยจากสิ่งเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม แวนมีคำแนะนำในการรับมือกับคำพูดที่ไม่ดีจากคนอื่นมาให้คุณลองนำไปใช้ดูค่ะ

1. วิเคราะห์จิตของเจ้าของคำพูดแย่ ๆ นั้น

คนบางคนชอบระรานและปากเสียกับคนอื่นเป็นนิสัยและกิจวัตรปกติอยู่แล้ว ครั้งต่อไปหากคุณพบเจอคนที่ชอบพูดบั่นทอนคุณเป็นประจำ ลองใช้เวลาวิเคราะห์ในมุมมองของบุคคลที่สามว่า อะไรที่ทำให้คนคนนั้นมีนิสัยแบบนั้น เขาถูกเลี้ยงมาแบบไหน เติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบไหน ครอบครัวเป็นอย่างไร

คนหลายคนชอบพูดจาทำร้ายคนอื่น อันเนื่องมาจากการพยายามปกป้องตัวเองไม่ให้คนอื่นเข้ามาทำร้ายตนเอง ที่เรียนรู้มาจากประสบการณ์วัยเด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลางการถูกรังแกหรือถูกถากถางเป็นประจำ พวกเขาจึงเรียนรู้ที่จะสร้างเกราะป้องกันตนเอง

แวนพบว่าหากเราเข้าใจอีกฝ่ายมากขึ้น จะทำให้เราสงบลงได้ หัวร้อนน้อยลง เครียดน้อยลง และจะเห็นอกเห็นใจมากขึ้น รวมถึงยังปล่อยวางและอภัยได้มากขึ้นด้วย

2. มองคำพูดที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงขยะ

คำพูดหรือการกระทำแย่ ๆ จากคนอื่นก็เหมือนกับวัตถุมีพิษที่ต้องเก็บทิ้งทุกวัน แน่นอนว่าหลายครั้งคุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเจอเรื่องราวให้ปวดหัวหรือรำคาญใจ แต่มากกว่า 50% ของเรื่องราวเหล่านั้น ไม่มีประโยชน์ที่ต้องเก็บมาคิดต่อ จดจำ หรือคิดวนเวียนให้รกสมอง ถ้าคุณไม่คิดจะเก็บขยะไว้กับตัวฉันใด คุณก็ควรทิ้งขยะในใจออกไปทุกวันด้วยฉันนั้น

อย่าเก็บสารพิษไว้กับตัว อย่าเอาแต่คิดวนเวียนซ้ำ ๆ ถึงเรื่องเหล่านั้น เพียงแค่หยุด ไม่คิดต่อ ไม่ทบทวน ไม่ฉายซ้ำ หยุดคิดแล้วออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปรับสิ่งดี ๆ เข้าร่างกาย เพื่อบรรเทาพิษจากสิ่งร้ายเหล่านั้นบ้าง เท่านี้ชีวิตของคุณก็เบาขึ้นเยอะแล้ว

3. ขอบคุณในฐานะเป็นแหล่งสร้างพลัง

คุณคงปฏิเสธไม่ได้ว่า บางครั้งคำพูดที่เจ็บแสบ คำดูถูก ถากถาง กลับกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้คุณออกเร่งเครื่อง ฮึดลงมือทำตัวเองให้พ้นจากข้อกล่าวหาเหล่านั้น ยิ่งคุณสามารถเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นให้กลับกลายมาเป็นพลังงานขับเคลื่อนคุณได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตักตวงประโยชน์จากสถานการณ์ได้มากเท่านั้น

การขอบคุณจะทำให้คุณมองด้านบวกมากขึ้น แต่นั่นต้องอาศัยทัศนคติและมุมมองที่สร้างสรรค์ในระดับหนึ่ง คนฉลาดจะพยายามเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนสิ่งลบ ๆ ให้กลายเป็นโอกาสในด้านบวกให้ได้ เพราะมองเห็นแล้วว่าหากปล่อยให้สิ่งลบวนเวียนอยู่ในหัวสมองนาน ๆ จะไม่เป็นผลดีกับตัวเองแน่นอน ดังนั้นจงขอบคุณและรู้สึกตามนั้นจริง ๆ ขอบคุณที่เป็นพลังให้ฮึดสู้ ขอบคุณที่ทำให้รู้ตัวเอง ขอบคุณที่ทำให้ได้ฝึกทักษะการมองในแง่บวก ฯลฯ แล้วคุณจะคุมเกมได้มากขึ้น

มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งของแวนมักสอนเสมอว่า ตัวปัญหานั้น ไม่ใช่ปัญหา แต่วิธีการแก้ปัญหาต่างหากคือปัญหา คำพูดแย่ ๆ นั้นไม่ใช่ปัญหา แต่วิธีการตีความ ความรู้สึก วิธีการรับมือ และวิธีการตอบโต้ออกไปต่างหากที่อาจจะทำให้เกิดปัญหา

ตราบใดที่คุณฝึกที่จะรับมือกับคำพูดแย่ ๆ ได้ดี สิ่งเหล่านั้นก็ทำร้ายคุณไม่ได้อีกต่อไป

หรือบางครั้งคุณอาจต้องเพิ่มระดับของ Self-esteem เพื่อเพิ่มเกราะป้องกันความเข้มแข็งทางจิตใจ ให้คุณรับมือกับสิ่งลบ ๆ คำพูดร้าย ๆ จากคนอื่นได้เสมอ โดยที่ตัวตนคุณไม่หวั่นไหว >> ดูวิธีพัฒนาพัฒนา Self-esteem ที่ได้ผลและทรงประสิทธิภาพ