การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

5 พฤศจิกายน 2018

Show

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

ดัชนีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษนานาชาติชี้ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของคนไทยยังคง "ย่ำแย่" และอยู่ในระดับเดิมเป็นเวลาถึง 8 ปีซ้อน ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุ ความล้มเหลวมาจากการเรียนภาษาอังกฤษยังเน้นการท่องจำเป็นหลัก

ในรายงานประจำปี 2561 ของสำนักงานจัดอันดับทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ หรือ Education First (EF) ที่มีสำนักงานใหญ่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่าน มาระบุว่าไทยอยู่ในอันดับ 64 จาก 88 ประเทศทั่วโลกที่ไม่ได้ใช้อังกฤษเป็นภาษาหลัก และได้คะแนนเพียง 48.54 จาก 100 คะแนน

เมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียนแล้ว ไทยได้คะแนนในอันดับที่ 6 จาก 8 ประเทศในอาเซียนที่ทำการสำรวจ เรียงตามลำดับดังนี้คือ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย เมียนมาร์ และ กัมพูชา

ในขณะที่ สวีเดน มีคะแนนสูงสุดในบรรดาประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ส่วนประเทศที่คะแนนน้อยที่สุดก็คือ ลิเบีย

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

ผลจากคะแนนสอบจะนำมาจัดหมวดหมู่เป็น 5 ระดับคือสูงมาก สูง ปานกลาง ต่ำ ต่ำมาก คะแนนของไทยนั้นถูกจัดอยู่ในระดับ "ต่ำ" ซึ่งไทยคงอยู่ในระดับนี้ตั้งแต่ EF ออกรายงานฉบับแรกในปี 2554

นอกจากนี้ EF ยังได้ให้ข้อมูลเปรียบเทียบทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้หญิงว่า คะแนนของผู้หญิงสูงกว่าผู้ชาย โดยผู้หญิงมีเฉลี่ย 54.57 และผู้ชาย 52.63 จากผู้ทดสอบทั้งสิ้น 1.3 ล้านคนทั่วโลก โดยคะแนนระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายในไทยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันนี้ด้วย

การทดสอบดังกล่าวเป็นการทดสอบแบบออนไลน์สำหรับคนทั่วไป โดยวัดผลจากทักษะการฟังและการอ่าน ซึ่ง EF ระบุว่า อาจส่งผลให้ภาพรวมคะแนนออกมามากกว่าปกติ เนื่องจากอาจไม่ได้เข้าถึงกลุ่มคนยากไร้หรือคนที่ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต

ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงมาจากภาษาไทยที่อ่อนแอ

ที่มาของภาพ, ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย

คำบรรยายภาพ,

ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย

ดร.เนตรปรียา ชุมไชโย หรือ "ครูเคท" ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนภาษาครูเคท กล่าวกับบีบีซีไทยว่า พัฒนาการภาษาอังกฤษที่ตกต่ำลงของคนรุ่นใหม่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาไทยที่อ่อนแอ เนื่องจากภาษาจะเกี่ยวข้องโดยตรงต่อระบบการทำงานของสมอง

"เมื่อใช้ไทยอ่อนด้อย ความลึกซึ้งจะน้อย เมื่อใช้อังกฤษที่มีโครงสร้างที่ชัดเจน ผู้เรียนจะรู้สึกว่ายากจังเลย" เธอกล่าว

  • จำเป็นไหมที่นายกฯ ไทยต้องใช้ล่ามอังกฤษ?
  • โอลิมปิกวิชาการ: 11 ปีผ่านไป ชีวิตหลังรับเหรียญของตัวแทนประเทศไทยเป็นอย่างไร ?

"ยิ่งเป็นภาษาไทยรุ่นโบราณจะมีความลึกมาก ลักษณะโครงสร้างภาษาราชการหรือภาษาไทยรุ่นโบราณจะเป็นแพทเทิร์น (รูปแบบ) เดียวกันกับภาษาอังกฤษ แต่ปัจจุบันหนังสือภาษาไทยจะเขียนเป็นประโยคสั้น ๆ เมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษ ประโยคยังมีความซับซ้อน เลยทำให้ภาษาอังกฤษใช้ยากยิ่งกว่าเดิม"

ทั้งนี้ เนื่องจากทักษะการอ่านของคนไทยรุ่นใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และเด็กรุ่นใหม่ไม่มีสมาธิที่จะอ่านหนังสือเป็นเวลานาน

อีกสองปัจจัยที่ "ครูเคท"เห็นก็คือ คนไทยไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ "กลัวพูดผิดแล้วอาย และยิ่งพอเห็นตัวอย่างของคนรุ่นก่อนที่ไม่กล้าพูด แล้วคนรุ่นใหม่ก็ไม่กล้าพูดเหมือนกัน" และความสามารถของครูสอนภาษาอังกฤษก็มีส่วน ปัจจุบันคนที่สอนภาษาอังกฤษเก่งที่สุดนั้น สอนอยู่มหาวิทยาลัย "ซึ่งที่จริงแล้ว ควรจะไปสอนเด็กประถมเพื่อสร้างพื้นฐานให้กับเด็กมากกว่า"

เน้นไวยากรณ์เป็นหลัก

ที่มาของภาพ, ดร.มินตรา ภูริปัญญวานิช

คำบรรยายภาพ,

ดร.มินตรา ภูริปัญญวานิช

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี 2542 ได้เสนอการปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นไปในทางที่เน้นให้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร หรือที่เรียกว่า communicative language teaching

"แต่ในทางปฏิบัติ มันไม่เป็นไปตามนั้น เพราะครูคุ้นชินกับวิธีการสอนที่เน้นโครงสร้างหลักไวยากรณ์เป็นสำคัญ (grammar translation) ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ใช้มาตลอด ไม่ว่าครูจะรุ่นใหม่หรือเก่าก็ตาม" ดร.มินตรา ภูริปัญญวานิช อาจารย์ประจำสถาบันภาษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว

"ระบบการเรียนการสอน เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามุ่งเน้นเพื่อให้เด็กสอบผ่าน แปลว่าวิธีการสอนก็จะเหมือนการติว พอมันเน้นตรงนั้นเมื่อไร มันไม่ได้เน้นกระบวนการฝึกใช้ภาษา ต้องท่อง ต้องจำ"

ความเห็นดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ได้อ้างว่าให้สัมภาษณ์ว่า การเรียนภาษาอังกฤษของไทยที่เน้นที่ความถูกต้องและความจำมากกว่าการสื่อสาร ทำให้นักเรียนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เขายอมรับว่า แม้คนไทยจะเรียนภาษาอังกฤษเป็นเวลา 12 ปี ในชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา แต่เมื่อจบออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคหลักในการแข่งขันระดับนานาชาติ

สถาบันภาษาอังกฤษ ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีหน้าที่จัดทำข้อเสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาการเรียนการสอนและการใช้ภาษาอังกฤษในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์บีบีซีไทย ณ เวลาที่ตีพิมพ์บทความชิ้นนี้

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยกันไหมคะว่าเพราะอะไร การเรียนภาษาอังกฤษ ในประเทศไทยจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะประสบผลสำเร็จ และไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ อะไรกันนะที่เป็นอุปสรรคขัดขวางอยู่ วันนี้ทางสถาบันได้ไปหา 3 สิ่งที่เป็นตัวขัดขวางการเรียนภาษาของเด็กไทยมาให้กับทุกท่านแล้วค่ะ ถ้าอยากทราบกันแล้ว... ไปดูกันเลยค่ะ!!!!

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

3 อุปสรรค ขัดขวาง การเรียนภาษาอังกฤษ ของเด็กไทย

 1. ไม่มีโอกาสได้ใช้จริง 

เนื่องจากเราคนไทยนั้นใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการสื่อสารกันในชีวิตประจำวัน คนส่วนใหญ่เกือบทั้งประเทศใช้ภาษาไทยในการติดต่อสื่อสารและพูดคุยกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลให้คนไทยไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษ และไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ฟังภาษาอังกฤษมากนัก 

ด้วยเหตุนี้เองทำให้การเรียนรู้ภาษายากขึ้น เพราะเมื่อ เรียนภาษาอังกฤษ ในห้องเรียน หรือพยายามเรียนด้วยตนเองผ่านทางช่องทางออนไลน์ แล้วไม่ได้รับการฝึกฝนหรือนำมาใช้จริง สิ่งที่เราได้เรียนมาจะค่อย ๆ เลือนหายไป จึงทำให้เมื่อเวลาที่เราอยากที่จะใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ การสื่อสาร เราจะต้องกลับไปเรียนเรื่องเดิมซ้ำ ๆ วนไปอย่างนี้

 2. เด็กคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากเกินไปที่จะเรียนรู้ 

เนื่องจากเด็กไทย เรียนภาษาอังกฤษ จากที่โรงเรียนมาตั้งแต่เด็กจนโต และที่โรงเรียนจะเน้นสอนพวกแกรมม่า และไวยากรณ์ให้เด็ก และใช้การวัดผลการเรียนรู้เป็นการสอบ 

ซึ่งการเรียนภาษาโดยเริ่มจากการให้เด็กเข้าใจจากแกรมม่า และไวยากรณ์ถือเป็นการข้ามขั้นตอนไปเรียนรู้ในระดับที่ยากเกินไป เพราะธรรมชาติของการเรียนภาษาทุกภาษาบนโลก จะต้องเริ่มต้นจากการฟัง เมื่อฟังจนเข้าใจ แล้วจึงเริ่มพูดลอกเลียนแบบตาม หลักจากนั้นจะเป็นขั้นของการอ่าน แล้วค่อยไปเขียนตามลำดับ 

และเมื่อเด็ก ๆ ได้เริ่มเรียนจากขั้นตอนที่ยาก โดยไม่มีพื้นฐานของความเข้าใจมาก่อน ทำเพียงแค่จำที่ครูสอนเพื่อนำไปสอบให้ผ่าน จึงเป็นสาเหตุให้เด็ก ๆ ไม่สามารถนำเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ในชีวิตจริงได้นั่นเอง

 3. เด็กคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ 

เนื่องจากการไป เรียนภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียน เด็กจะได้ทำแค่นั่งฟังที่คุณครูผู้สอนพูด ได้อ่าน และได้เขียนเท่านั้น ทำให้เด็ก ๆ ไม่มีแรงกระตุ้น หรือแรงจูงใจให้อยากที่เรียนภาษาอังกฤษ 

เมื่อไม่มีแรงกระตุ้น หรือแรงบันดาลใจให้อยากเรียนภาษาอังกฤษ ก็จะส่งผลให้เด็กไม่อยากที่จะกลับไปทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมา และฝึกฝนภาษาอังกฤษยามว่าง พอไม่ได้รับการทบทวน หรือฝึกฝนสิ่งที่เรียนมา ภาษาอังกฤษก็จะไม่ได้รับการพัฒนา ทำให้เด็กเรียนภาษาแบบย่ำอยู่กับที่นั่นเอง นี้จึงเป็นอีก 1 อุปสรรคที่ขัดขวางการประสบผลสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษของเด็ก

วันนี้คุณพ่อคุณแม่ก็ทราบกันแล้วว่าอะไรกันนะ ที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการ เรียนภาษาอังกฤษ ของลูก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การไม่มีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง การเรียนอย่างข้ามขั้นตอน หรือการที่เด็กไม่มีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษา และคิดว่ามันน่าเบื่อมาก คุณพ่อคุณแม่อาจจะนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปปรับใช้กับการเรียนภาษาอังกฤษของลูก โดยเริ่มจากการให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังก่อน และทำให้การเรียนภาษาสนุกยิ่งขึ้น โดยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากการ์ตูน หรือหนังเรื่องที่เด็ก ๆ สนใจ แล้วให้เด็กได้ลองใช้ภาษาอังกฤษ โดยการตั้งคำถาม หรือสมมติเหตุการณ์ที่มีคำตอบเป็นประโยคหรือคำที่อยู่ในการ์ตูน หรือหนังที่เด็กดู ให้เด็กได้มีโอกาสได้พูด และสื่อสารเป็นประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตจริงก็จะช่วยในการเรียนรู้ภาษาของเด็กได้

และทางสถาบัน BrainFit ของเสนอโปรแกรม Fast ForWord และโปรแกรม Reading Assistant ที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากระดับพื้นฐาน ตั้งแต่เรื่องของการฟังไปจนถึงการอ่านระดับสูง ผ่านตัวเกมและเรื่องราวที่สนุกสนาน เด็ก ๆ จะเพลิดเพลินไปกับการเรียน และไม่คิดว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

โปรแกรม Fast ForWord®

เป็นโปรแกรมที่ได้มีการวิจัย ปรับปรุงและพัฒนาจากนักวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังจากทั่วโลก เช่น Stanford และ Harvard ซึ่งตัวโปรแกรมนี้มีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ฉบับ เป็นโปรแกรมที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะทางด้านสมาธิ และภาษาอังกฤษได้อย่างแท้จริง ผ่านรูปแบบเกมที่สนุกสนาน

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

โดยตัวโปรแกรมจะฝึกครอบคลุมทุกทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น

  • การจำแนกหน่วยย่อยของเสียง

  • การเชื่อมโยงเสียงที่ได้ยิน กับตัวอักษร เข้าด้วยกันได้

  • การอ่าน สิ่งที่เห็นได้อย่างคล่องแคล่ว

  • เพิ่มพูนคลังคำศัพท์

  • ฟัง อ่าน แล้ววิเคราะห์ภาษาอังกฤษได้อย่างแท้จริง

----------------------------------------


การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

โปรแกรม Reading Assistant Plus®

เป็นโปรแกรมที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้ ฝึกอ่าน แล้วลองพูดภาษาอังกฤษออกมา ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนานตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงยาก เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้คำศัพท์ และการเลือกใช้ประโยค หรือคำพูดเพื่อสื่อสารในสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านเรื่องราวที่ได้อ่าน พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี Voice Verfication ที่สามารถจับเสียงของผู้อ่านได้อย่างชัดเจน เพื่อการออกเสียงที่ถูกต้องในการพูดภาษาอังกฤษ

ซึ่งเจ้า Voice Verfication นี้ได้รับการการันตีคุณภาพด้วยรางวัล Award of Excellence Winner จาก Tech & Learning ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าหากคุณฝึกอย่างต่อเนื่องในความเข้มข้นที่เพียงพอโปรแกรมนี้จะช่วยพัฒนาทักษะการอ่าน และสำเนียงการพูดของคุณให้เหมือนกับเจ้าของภาษาได้อย่างแน่นอน แถมคุณยังจะได้รับของแถมเป็นคลังคำศัพท์มากมายเพื่อเอาไว้ใช้ในการสื่อสารในอนาคตอีกด้วย

Reading Assistant Plus

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

--------------------

BrainFit รับสมัครน้องๆ อายุตั้งแต่ 3-18 ปี

รับคำปรึกษาจากเรา ได้แล้ววันนี้ ฟรี!

02-656-9938 / 02-656-9915 / 091-774-3769

LINE: @brainfit_th

การเรียนภาษาอังกฤษใน ประเทศไทย

Contact Us