หน้าจอ – ส่วนสำคัญที่สุดในการติดต่อระหว่างคนและอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟนหรือว่าแท็บเล็ตก็ตาม ถ้าขาดสิ่งๆนี้ไปแล้วก็แทบจะทำให้เราใช้งานเจ้าอุปกรณ์อัจฉริยะของเราไปไม่ได้เลย แต่ว่าในปัจจุบันอุปกรณ์ต่างๆมีการเลือกใช้หน้าจอที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยปกติเรามักจะพิจารณาคุณภาพของหน้าจอจากเพียงความละเอียด และความสดของสีเท่านั้น แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วยังมีรายละเอียดอื่นๆที่น่าสนใจที่ควรต้องนำเอามาพิจารณาด้วย ซึ่งวันนี้เดี๋ยวผมจะมารวบรวมให้ได้ทราบกัน [แก้ไขเพิ่มเติม 3/8/14] เรื่องของความกว้างของเฉดสี – ขอบคุณ mobilebomb สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เราสามารถบ่งชี้คุณภาพของหน้าจอได้จากคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ขยายความของแต่ละคุณสมบัติ 1. ความละเอียดของหน้าจอ ยิ่งเยอะยิ่งคมบาดตา
ความแตกต่างของหน้าจอที่ความหนาแน่นของจำนวนพิกเซลต่างกัน สรุป หน้าจอที่สวยคมชัด ควรต้องมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 300ppi สูตรการคำนวนหาค่า ppi : w = ความละเอียดตามแนวนอน (พิกเซล) h = ความละเอียดตามแนวตั้ง (พิกเซล) di = ขนาดของหน้าจอ (นิ้ว) 2.ความกว้างของเฉดสี ยิ่งมากภาพยิ่งสดใสมีชีวิตชีวา2,3
image credit : fstoppers ตัวอย่างภาพ เปรียบเทียบภาพที่แสดงความกว้างของเฉดสีได้ต่างกัน ซึ่งภาพด้านล่างเป็นภาพ Original มีเฉดสีครบถ้วน กับภาพบนที่มีการลดจำนวนเฉดสีลงไป ทำให้สีดูซีดกว่าความเป็นจริง ซึ่งหน้าจอที่แสดงเฉดสีได้น้อยกว่าก็จะมีลักษณะเช่นเดียวกันนี้เอง สรุป หน้าจอที่แสดงสีครบถ้วนจะได้ภาพที่มีชีวิตชีวามากกว่า ซึ่งควรจะแสดงได้ไม่น้อยกว่ามาตรฐาน sRGB แต่ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความถูกต้องของสีเป็นหลักด้วย 3. ความถูกต้องของสี ไม่สดหรือซีดเกินไป และไม่เพี้ยนติดสีอื่น4
ซ้าย : เฉดสีของ Adobe RGB ซึ่งจอที่ดีควรจะมีจุดขาวอยู่ที่จุด D65 หรือคลาดเคลื่อนไปไม่มาก (credit:
Wikipedia) สรุป หน้าจอที่ดีควรให้สีตรงตามธรรมชาติ ไม่อ่อนหรือสดเกินไป 4.ความสว่างสูงสุดและต่ำสุด สำหรับดูในที่สว่าง-มืด
เปรียบเทียบความสามารถในการแสดงผลเมื่อออกแสงแดด Credit image: PhoneArena
สรุป หน้าจอที่ดีควรสว่างสู้แสง ไม่สะท้อนภาพมาก และหรี่ให้น้อยจนถนอมสายตาได้ 5. Contrast Ratio ขาวให้สุด ดำให้สนิท5
หน้าจอที่ดีควรจะแยกเฉดสีตั้งแต่ขาวสุดไปถึงดำสุดได้ทุกช่อง ไม่ใช่เห็นเป็นปื้นๆ สรุป หน้าจอที่ Contrast Ratio ดีจะสามารถแสดงสีดำเป็นดำ ขาวเป็นขาว แยกเทาเป็นเฉดได้ครบถ้วน รวมถึงภาพสีที่จะสดคมกว่าเดิม 6. มุมภาพที่สามารถรับชมได้ โดยสีไม่ผิดเพี้ยน
ตัวอย่างภาพจาก เปรียบเทียบสุดยอด Smartphone ต้นปี 2014 Galaxy S5, Xperia Z2, One M8 และ Find 7a (ความเร็ว-หน้าจอ-ลำโพง-กล้อง) สรุป หน้าจอที่มีคุณภาพโดยมากจะยังคงคอนทราส จุดขาว และความถูกต้องของสีเอาไว้ได้ แม้เปลี่ยนมุมมองภาพที่มอง 7. ความสม่ำเสมอของแสงบนจอภาพ ควรต้องเรียบเนียนสม่ำเสมอ
Image credit : HD Installers
ลักษณะของหน้าจอ LCD ที่มีแสงลอด 8. การใช้พลังงาน ภาพสวยแต่ต้องไม่กินพลังงาน
เปรียบเทียบการใช้พลังงานของหน้าจอแบบต่างๆระหว่าง OLED vs LCD credit image : Bugzilla รู้จักหน้าจอรุ่นยอดนิยมที่วางขาย7 TFT LCD – Thin Film Transistor Liquid-Crystal Display เป็นจอยอดนิยมในอดีตและยังพบได้ในรุ่นประหยัดทั่วไป โดยเจ้า TFT LCD มันเป็นตัวที่พัฒนาขึ้นมาจากจอ LCD รุ่นแรกๆ โดยจะมีคุณภาพและความละเอียดที่ดีขึ้น แต่เจ้า TFT LCD ก็ยังมีปัญหาเรื่องมุมการมองแคบ สู้แสงแดดไม่ค่อยได้ และกินแบตมาก IPS LCD – In-Plane Switching Liquid-Crystal Display จอ IPS เรียกได้ว่าเป็นจอ LCD ขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นกว่าจอ TFT LCD เป็นอย่างมาก พบได้ตามมือถือรุ่น Hi-End ทั่วไป โดยจะมีการแก้ข้อเสียของ TFT LCD ไปแล้วทั้งเรื่องมุมการมองที่กว้างขึ้น กินพลังงานน้อยลง ความละเอียดสูง AMOLED – Active-Matrix Organic Light-Emitting Diode ต่อยอดพัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี OLED ที่ได้รับการยอมรับว่าดีกว่า LCD เพราะสามารถสร้างสีขึ้นมาได้ดีกว่า มีอัตราการตอบสนองที่เร็วกว่า มุมการมองภาพที่กว้างขึ้น ให้แสงสว่างได้แรงชัดขึ้น และมีน้ำหนักที่เบากว่า LCD Super AMOLED เป็นเวอร์ชั่นของจอ AMOLED ที่พัฒนาโดย Samsung ซึ่งจะทำการรวมเอาเซนเซอร์จับสัมผัสใส่เข้าไปบนหน้าจอไปเลย ทำให้ได้จอที่มีความบางที่สุดในตลาด เปรียบเทียบ IPS LCD vs Super AMOLED ทั้งสองหน้าจอนี้ เป็นรุ่นที่ถูกนำไปใช้ใน Smartphone ระดับพรีเมียมมากที่สุด และแน่นอนว่าก็ถูกเปรียบเทียบกันมากที่สุดตามไปด้วย ซึ่งหากเอามาวัดกันในปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องยากที่จะใช้เพียงความรู้สึกมาบอกว่าตัวไหนดีกว่าตัวไหน เพราะด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนากันขึ้นมาจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ใครที่เคยใช้ตัวไหนมาก่อน จากที่เคยไม่ชอบอาจจะเปลี่ยนใจได้ หรือเรียกได้อีกอย่างว่า IPS LCD และ Super AMOLED ดีแทบจะไม่ต่างกันแล้ว แต่ถ้าวัดเป็นตัวเลขแล้ว การตัดสินอาจจะมีการเทไปให้ทางฝั่ง AMOLED มากกว่า ซึ่งเดี๋ยวจะไปหามาเขียนให้ได้อ่านกันต่อไป Super AMOLED สีเว่อร์ สดเกินจริง และกินไฟจริงเหรอ? ถ้าเอาตาม“ทฤษฎี”แล้วจอ AMOLED อาจจะไม่ได้เวอร์หรือว่าสดเกินจริง แต่กลับให้ตามจริงได้มากกว่า เพราะว่าหน้าจอ Super AMOLED จะเป็นจอที่ให้เฉดสีได้กว้างกว่าจอ LCD และระบบ Print ที่ใช้กันทั่วไปแทบจะทุกที่ทุกบ้าน (sRGB) ทำให้เวลาที่เราเอาภาพไปเปิดที่จออื่นหรือปริ้นท์ออกมาแล้วจะได้คุณภาพด้อยกว่าบนจอ SuperAMOLED (อ้างอิงจากข้อ 2) แต่ต้องอย่าลืมว่าจอและระบบปริ้นท์ที่แย่กว่านั้น เป็นส่วนมากของคนทั่วไป จึงทำให้จอ AMOLED ดูเป็นคนส่วนน้อยและกลายเป็นสีเพี้ยนไปนั่นเอง ส่วนเรื่องกินไฟมากน้อยนั้น ก็ขึ้นกับการใช้งานของแต่ละคนว่ามีการเปิดสีอะไรบนหน้าจอเป็นหลัก ซึ่งนั่นก็ทำให้เป็นการยากที่จะหาข้อสรุปที่ตายตัวว่าแบบไหนกินไฟมากกว่ากัน ทั้งหมดนี้ต้องบอกว่าเขียนตามทฤษฎีนะ ส่วนของจริงเรื่องความสวยงามเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ตัดสินแทนกันลำบาก ทำได้ดีที่สุดคือ ต้องใช้เป็นตัวเลขวัดกันออกมาให้ชัดเจนว่าใครเจ๋งกว่าใครด้านไหนแทนไปเลย ยันกันที่ตัวเลข…แต่สุดท้ายแล้ว ต่อให้ตัวเลขออกมาเป็นอย่างไร เชื่อว่าก็ไม่ได้ทำให้ความชอบของคนนั้นๆต่อหน้าจอที่เค้าชอบลดลงได้แต่อย่างใด ^^ ชอบจอไหนเชิญจอนั้นตามสะดวกเลย ทิ้งท้าย อยากรู้มากว่าหน้าจอมีผลในการตัดสินใจเลือกซื้อของเพื่อนๆขนาดไหน แล้วปกติแยกออกว่าหน้าจอไหนดีไม่ดีกันอย่างไรบ้าง ฝากมาคอนเม้นท์ไว้ด้านล่างได้เลยครับ ปล.1 อยากเสริมตรงไหน หรือข้อมูลมีผิดพลาดประการใด ขอเชิญมาติติงให้แก้ไขได้ทันทีครับ จักเป็นพระคุณอย่างสูง ปล.2 อ่านจบ วานมาเม้นท์บอกหน่อย ยาวๆแบบนี้เชื่อว่าไม่ค่อยมีคนอ่าน แค่อยากเขียน T__T references: 1Retina display :
http://en.wikipedia.org/wiki/Retina_Display |