อ้างอิง : https://www.youtube.com/watch?v=a8g7heGt3yk Show ๑. สมัยที่แต่ง นิราศเมืองแกลงเป็นนิราศเรื่องแรกของสุนทรภู่ สันนิษฐานว่าแต่งในรัชกาลที่๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๐ สันนิษฐานว่าสุนทรภู่อายุประมาณ ๒๐ ปี ๑.๑ บอกจุดประสงค์ในการแต่งนิราศเมืองแกลงด้านประวัติ แสดงให้เห็น ถึงว่าสุนทรภู่อายุยังน้อย แต่ก็คงเป็นผู้ที่มีความสามารถ จึงมีผู้มาสมัครเป็นศิษย์และคงจะมีอายุไล่เลี่ยกัน
โอ้จำใจไกลนุชสุดสวาท ให้เห็นอกตกยากเมื่อจากจร กับศิษย์น้อยสองนายล้วนชายหนุ่ม
กับนายแสงแจ้งทางกลางอารัญ (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๒. จุดมุ่งหมายในการแต่ง จุดมุ่งหมายในการแต่งนิราศเมืองแกลงของสุนทรภู่ คือ สุนทรภู่คิดถึงบิดาและตั้งใจจะไปบวชบ้างก็ว่าตั้งใจจะไปบอกบิดาว่าตอนนี้กำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา และมีเรื่องเดือดร้อนให้ช่วย จากการเดินทางเมืองแกลงในครั้งนี้เป็นตอนที่สุนทรภู่มีความรักเป็นครั้งแรกและต้องพลัดพรากจากคนรักโดยที่ไม่ได้บอกลากับหญิงคนรักก็คือแม่จัน นั่นเอง ๒.๑ สุนทรภู่คิดถึงบิดา ตั้งใจจะไปหาบิดา มาพบพ่อท้อใจด้วยไกลแม่ ชนนีอยู่ศรีอยุธยา ภูเขาขวางทางกั้นอรัญเวศ เดินกันดารปานปิ้มจะบรรลัย ท่านชูช่วยอวยพรให้ผ่องแผ้ว อุตส่าห์ฝนไพลทารักษาตัว (นิราศเมืองแกลง : ๙๗) ๒.๒ จุดประสงค์ในการแต่งนิราศ นิราศเรื่องเมืองแกลงแต่งมาฝาก อย่าหมางหมองข้องขัดตัดอาลัย (นิราศเมืองแกลง : ๑๐๑) ๒.๓ สาเหตุที่สุนทรภู่จำต้องเดินทางจากนางอีกสาเหตุหนึ่ง นอกเหนือจากการต้องการไปเยี่ยมบิดา
ฉันพลัดพรากจากจรเพราะร้อนจิต ให้นิ่มน้องครองรักไว้สักปี (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๓. เนื้อเรื่องย่อ นิราศเมืองแกลงมีเนื้อหาเป็นช่วงชีวิตหนึ่งของสุนทรภู่ เป็นตอนที่มีความรักครั้งแรกและต้องพลัดพรากจากคนรัก การคร่ำครวญ ความรักในนิราศจึงแสดงถึงความทุกข์ ความห่วงใย ความอาลัย ของการพลัดพรากจากคนรักโดยมีเนื้อเรื่องย่อดังนี้ นิราศเมืองแกลงมีเรื่องราวเกี่ยวกับสุนทรภู่เดินทางไปเยี่ยมบิดาซึ่งบวชอยู่ที่ตำบลบ้านกร่ำอำเภอแกลงจังหวัดระยองนิราศเรื่องนี้สุนทรภู่ได้เริ่มต้นโดยการกล่าวพรรณนาความน้อยใจที่มีคนรัก แต่ไม่ได้อยู่ใกล้กัน(คือแม่จันภรรยาคนแรกของสุนทรภู่)การจากนางไปในครั้งนี้ยังไม่ทันได้ล่ำลาใดๆทั้งนั้น การเดินทางไปเมืองแกลง ในครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางไปด้วยเป็นศิษย์ ๒ คน คือ น้อยกับพุ่ม และนายแสงซึ่งเป็นคนนำทางลงเรืออกจากกรุงเทพฯ(ออกจากพระราชวังหลัง) ล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยา คลองสำโรง คลองหัวตะเข้ ออกแม่น้ำบางปะกงขึ้นบกที่บางปลาสร้อย หนองมน บางพระ ศรีราชา ทุ่งสาขลา บางละมุง ทุ่งพัทยา ห้วยอีร้า ห้วยโป่ง ห้วยพร้าว สุนักข์กะบาก บ้านทับม้า ระยอง บ้านแลง คลองกรุ่น บ้านแกลง ชายทะเลแหลมทองหลวง ชะวาลาวน และถึงที่หมายปลายทาง นั่นก็คือบ้านกร่ำ
นิราศเมืองแกลงมีเนื้อหาเป็นช่วงชีวิตหนึ่งของ ๓.๑ ข้อสันนิษฐานในช่วงต้นเรื่อง โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย
ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา โอ้จำใจไกลนุชสุดสวาท ให้เห็นอกตกยากเมื่อจากจร กับศิษย์น้องสองนายล้วนชายหนุ่ม
กับนายแสงแจ้งทางกลางอรัญ (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๓.๒ การเดินทางในครั้งนี้สุนทรภู่ไม่ได้บอกกล่าวกับแม่จัน ขออารักษ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สิงศาล ข้าจะไปทางไกลถึงเมืองแกลง ฉันพลัดพรากจากจรเพราะร้อนจิต ให้นิ่มน้องครองรักไว้สักปี (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๓.๓ สะท้อนถึงความกังวลเรื่องความรักกับแม่จัน จึงหลีกตัวกลัวบุญคุณบิดา (นิราศเมืองแกลง : ๑๐๑) ๓.๔ มีการฝากน้องและมารดากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขออารักษ์หลักประเทศนิเวศน์วัง ขอฝากน้องสองรามารดาด้วย
(นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๓.๕ เดินทางผ่านคลองสำโรง พอแจ่มแจ้งแสงเงินเงาระยับ ถึงปากช่องคลองสำโรงสำราญใจ (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๓.๖ เดินทางผ่านคลองหัวตะเข้ ระหริ่งเรื่อยเฉื่อยเสียงเรไรไพร ถึงชะแวกแยกคลองสองชะวาก (นิราศเมืองแกลง : ๘๔) ๓.๗ เดินทางผ่านหนองมน ริมทางเถื่อนเรือนเหย้ามีรายราย ถึงหนองมนมีตำบลชื่อบ้านไร่ (นิราศเมืองแกลง : ๘๘) ๓.๘ เดินทางผ่านบางละมุง ออกพ้นย่านบ้านบางละมุงไป ในกระแสแลล้วนแต่โป๊ะล้อม (นิราศเมืองแกลง : ๙๐) ๓.๙ เดินทางผ่านทุ่งพัทยา ออกชะวากปากทุ่งพัทยา บุกละแวกแฝกแขมที่แอร่มรก (นิราศเมืองแกลง : ๙๐) ๓.๑๐ เดินทางผ่านห้วยอีร้า ถึงห้วยอีร้าแลระย้าล้วนสายหยุด กะมองกะเมงนมแมวเป็นแถวไป
(นิราศเมืองแกลง : ๙๓) ๓.๑๑ เดินทางผ่านห้วยโป่ง ถึงห้วยโป่งเห็นธารละหานไหล มีกรวดแก้วแพรวพรายรายกระเด็น (นิราศเมืองแกลง : ๙๓-๙๔) ๓.๑๒ เดินทางผ่านห้วยพร้าว ถึงห้วยพร้าวเท้าเมื่อยออกเลื่อยล้า สุริย์ฉายบ่ายเยื้องเมืองประจิม (นิราศเมืองแกลง : ๙๔) ๓.๑๓ เดินทางผ่านระยอง
แล้วชวนสองน้องรักร่วมชีวิต จากระยองย่องตามกันสามคน (นิราศเมืองแกลง : ๙๕) ๓.๑๔ เดินทางผ่านบ้านแลง
เขาชี้นิ้วแนะทิวหนทางไป ถึงบ้านแลทางแห้งเห็นทุ่งกว้าง (นิราศเมืองแกลง : ๙๕) ๓.๑๕ เดินทางผ่านบ้านแกลง
ถึงบ้านแกลงลัดบ้านไปย่านกลาง แต่ปากพลอดมือสอดขยุกขยิก (นิราศเมืองแกลง : ๙๖) ๓.๑๖ เดินทางถึงบ้านกร่ำ
ถึงหย่อมย่านบ้านกร่ำพอค่ำพลบ ขึ้นกระฎีที่สถิตท่านบิดา (นิราศเมืองแกลง : ๙๗) ๔. คุณค่า ๔.๑ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ๔.๑.๑ การดำเนินเรื่องมีความเร้าใจให้ผู้อ่านสนใจติดตามไปตลอดเรื่อง การดำเนินเรื่องจะบรรยายไปตามระยะเวลา ของการเดินทาง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของผู้คนที่พบเห็นวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี ธรรมชาติที่พบเห็น สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และยังได้สอดแทรกคติธรรม ทำให้ผู้อ่านติดใจในถ้อยคำ ที่บรรยายธรรมชาติที่งดงาม ในนิราศเรื่องนี้ใช้ความรัก ความอาลัยเป็นแก่นเรื่องเพื่อสร้างเรื่องให้งดงามสะเทือนอารมณ์ ตัวอย่าง ๑.) สภาพชีวิตความเป็นอยู่ และการประกอบอาชีพ อันพวกเขาชาวประมงไม่โหยงหยิบ
จะได้กินข้าวเช้าก็ราวเพล จึงมั่งคั่งตั้งบ้านในการบาป จะปลูกเรือนก็มิได้ใส่ปั้นลม (นิราศเมืองแกลง : ๘๗) ๒.) อารมณ์ความรู้สึกอันรุนแรงด้วยการกล่าวให้เกิดความสะเทือนใจ หรือเกิดความรู้สึก เห็นทิวทุ่งวุ้งเวิ้งให้หวั่นหวาด ไหนจะต้องละอองน้ำค้างโปรย
โอ้นึกนึกแล้วก็น่าน้ำตาตก ได้หมอนข้างต่างน้องประคองเกย (นิราศเมืองแกลง : ๘๕) ๓.) แสดงอารมณ์สะเทือนใจของกวี ให้เห็นถึงทุกข์ โอ้สังเวชวาสนานิจจาเอ๋ย ถึงทุกข์ใครในโลกที่โศกเศร้า จะพลัดพรากจากกันไม่ทันลา (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๔.๑.๒ ลักษณะคำประพันธ์ นิราศเมืองแกลงแต่งเป็นกลอน เลือกใช้ถ้อยคำที่มีสัมผัสเพื่อให้กลอนมีความไพเราะความสำคัญ ตัวอย่าง ๑.) ความสะเทือนใจของกวีที่เกิดจากการสัมผัสสิ่งต่างๆ ทำให้เกิดอารมณ์และถ่ายทอดออกมา ถึงอารามนามชื่อวัดดอกไม้
หอมสุคนธ์เคียงกายขจายจร (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๔.๑.๓ การใช้ถ้อยคำ ที่สั้นและง่ายทำให้ความกระชับ ตัวอย่าง ๑.) ใช้โวหารภาพพจน์อุปลักษณ์ เช่น ดวงกานดา ถึงวัดแจ้งแสงจันทร์จำรัสเรือง เป็นห่วงหนึ่งถึงชนกที่ปกเกล้า
ทั้งจากแดนแสนห่วงดวงกานดา (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๒.) การเล่นคำและเล่นความ คือ คำว่า “ปลื้ม” เป็นการพลิกแพลงคำ ถึงสามปลื้มพี่นี้ร่ำปล้ำแต่ทุกข์ ( นิราศเมืองแกลง : ๘๑ ) ๓.) การใช้โวหารภาพพจน์อุปมา ถึงย่านยาวดาวคะนองคะนึงนิ่ง โอ้ดูเดือนเหมือนดวงสุดาแม่ เห็นแสงจันทร์อันกระจ่างค่อยสร่างใจ (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๔.) การเล่นคำ พ้องรูป พ้องเสียง
ถึงบางผึ้งผึ้งรังก็รั้งร้าง
มาแสนยากฝากชีพกับเพื่อนชาย (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๕.) การเล่นคำสัมผัสอักษร ถึงปากลัดแลท่าชลาตื้น เขาแจวจ้องล่องแล่นแสนสำราญ
อนาถนิ่งอิงเขนยคะนึงหวน ศศิธรอ่อนแออับพยับไพร
(นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๖.) ใช้โวหารภาพพจน์อุปลักษณ์ เปรียบเทียบกระแสน้ำที่ไหลคดเคี้ยวกับน้ำใจไม่ซื่อตรง พอแจ่มแจ้งแสงเงินเงาระยับ ถึงปากช่องคลองสำโรงรำราญใจ
เห็นเพื่อนเรือเรียงรายทั้งชายหญิง ไม่แม้นเหมือนคู่เชยเคยประคอง กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๗.) ใช้คำบรรยายให้เกิดจิตนาการ ( พรรณนาโวหาร ) ถึงด่านทางกลางคลองข้างฝั่งซ้าย ออกสุดบ้านถึงทวารอรัญวา ลมระริ้วปลิวหญ้าคาระยาบ ดูโล่งลิ่วทิวรุกขะเรียงรัน (นิราศเมืองแกลง : ๘๓) ๘.) การให้อารมณ์ พอฟ้าคล้ำค่ำพลบหรุบรู่ ได้รับรองป้องกันเพียงควันไฟ โอ้ยามยากจากเมืองแล้วลืมมุ้ง
จะกรวดน้ำคว่ำขันจนวันตาย พอน้ำตึงถึงเรือก็รีบล่อง ด้วยมือมัวกลัวตอต้องรอรา ถึงบางบ่อพอจันทร์กระจ่างแจ้ง ดูดาวดาษกลาดฟ้านภาภางค์
ดูริ้วริ้วลมปลิวที่ปลายแฝก รำลึกถึงขนิษฐายิ่งอาลัย (นิราศเมืองแกลง : ๘๔) ๙.) ใช้อุปมาโวหาร ถึงยามนอนนอนเดียวเปลี่ยวอารมณ์ (นิราศเมืองแกลง : ๘๕-๘๖) ๔.๒ คุณค่าด้านความรู้ ๔.๒.๑ เขาสร้างศาลเทพาพยายาม ตะลึงแลแต่ล้วนลูกจระเข้
สักสองร้อยลอยไล่กินลูกปลา โอ้คลองขวางทางแดนแสนโทสก คำโบราณท่านผูกถูกทุกสิ่ง ทำหลุกหลิกเหลือกลานพานลุกลน (นิราศเมืองแกลง : ๘๔) ๔.๒.๒ ที่ขายผ้าหน้าถังก็เปิดโถง สักยี่สิบหยิบออกเป็นกอบกอง ดูก็งามตามประสาพนาเวศ (นิราศเมืองแกลง : ๘๘) ๔.๒.๓ โอ้คิดเห็นเอ็นดูหมู่แมงดา เขาจับผัวตัวทิ้งไว้กลางน้ำ พอเมียตายฝ่ายผัวก็บรรลัย
แม้น้องตายพี่จะวายชีวิตด้วย (นิราศเมืองแกลง : ๙๐) ๕.๑ ความเชื่อ ๑.) ขออารักษ์หลักประเทศนิเวสน์วัง เทพทั้งเมืองฟ้าสุราลัย ขอฝากน้องสองรามารดาด้วย เอ็นดูช่วยปกครองให้ผ่องใส ตัวข้าบาทจะนิราศออกแรมไพร ให้พ้นภัยคลาดแคล้วอย่าแผ้วพาน (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๒.) ขออารักษ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สิงศาล ลือสะท้านอยู่ว่าเจ้าห้าวกำแหง ข้าจะไปทางไกลถึงเมืองแกลง เจ้าจงแจ้งใจภัคนีที (นิราศเมืองแกลง : ๘๒) ๓.) ถึงหย่อมย่านบ้านระกาดต้องลงถ่อ ค่อยลอยรอเรียงลำตามน้ำไหล จนล่วงเข้าหัวป่าพนาลัย ล้วนเงาไม้มืดคล้ำในลำคลอง ระวังตัวกลัวตอตะเคียนขวาง เป็นเยี่ยงอย่างผู้เฒ่าเล่าสนอง ว่าผีสางนางตะเคียงทะนอง ใครถูกต้องแตกตายลงหลายลำ พอบอกกันยังมิทันจะขาดปาก เห็นเรือจากแจวตรงหลงถลำ กระทบผางตอนางตะเคียนตำ ก็โคลงคว่ำล่มลงในคงคา พวกเรือพี่สี่คนขนสยอง ก็เลยล่องหลีกทางไปข้างขวา พ้นระวางนางรุกขฉายา ต่างระอาเห็นฤทธิ์ประสิทธิ์จริง (นิราศเมืองแกลง ๘๔.) ๔.) แสนวิตกอกพี่เมื่ออ้างว้าง ถามถึงทางที่จะไปในไพรสัณฑ์ ชาวบ้านบอกมรคาว่ากว่าพัน สะกิดกันแกล้วกล้าเป็นน่ากลัว ยิ่งหวาดจิตคิดคุณพระชินสีห์ กับชนนีบิตุเรศบังเกิดหัว ข้าตั้งใจไปหาบิดาตัว ให้พ้นชั่วที่ชื่อว่าไภยันต์ (นิราศเมืองแกลง : ๙๑ – ๙๒) ๕.๒ คุณค่าด้านสภาพชีวิตและสังคมในสมัยโบราณ คุณค่าที่แสดงสภาพชีวิตและสังคมในสมัยโบราณ ๑.) ถึงสำเพ็งเก๋งตั้งริมฝั่งน้ำ แพประจำจอดเรียงเคียงขนาน มีซุ้มซอกตรอกนางจ้างประจาน ยังสำราญร้องขับไม่หลับลง โอ้ธานีศรีอยุธยาเอ๋ย นึกจะเชยก็ได้ชมสมประสงค์ (นิราศเมืองแกลง : ๘๑) ๒.) ถึงบางพลีมีเรือนอารามพระ ดูระกะดาษทางไปกลางทุ่ง เป็นเลนลุ่มลึกเหลวเพียงเอวพุง ต้องลากจูงจ้างควายอยู่รายเรียง ดูเรือแพแออัดอยู่ยัดเยียด เข้าเบียดเสียดแทรกกันสนั่นเสียง แจวตะกูดเกะกะปะกระเชียง บ้างทุ่มเถียงโดนดุกันวุ่นวาย โอ้เรือเราคราวเข้าไปติดแห้ง เห็นนายแสงเป็นผู้ใหญ่ก็ใจหาย นั่งพยุงตุ้งก่านัยน์ตาลาย เห็นวุ่นวายสับสนก็ลนลาน (นิราศเมืองแกลง : ๘๓) ๓.) แลทะเลแล้วก็ให้อาลัยนุช ไม่สร่างสุดโศกสิ้นถวิลหา จนอุทัยไตรตรัสจำรัสตา เห็นเคหาเรียงรายริมชายทะเล ดูเรือแพแต่ละลำล้วนโปะโหละ พวกเจ๊กจีนกินโต๊ะเสียงโหลเหล บ้างลุยแลนล้วงปูดูโซเซ สมคะเนใส่ข้องเที่ยวมองคอย อันนารีที่ยังสาวพวกชาวบ้าน ถีบกระดานถือตะกร้าเที่ยวมองคอย ดูแคล่วคล่องล่องแล่นแฉลบลอย เอาขาห้อยทำเป็นหางไปกลางเลน (นิราศเมืองแกลง : ๘๗) อ้างอิง : หนังสือชีวิตและงานสุนทรภู่ เหตุใดสุนทรภู่จึงเดินทางไปยังเมืองแกลงแต่เจ้านายท่านใดใช้ไป และไปธุระเรื่องใดไม่ปรากฏ อย่างไรก็ดีสุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี ในช่วงที่สุนทรภู่พักที่บ้านกร่ำนั้นเกิดล้มป่วยและเจ็บหนักเกือบถึงชีวิตกว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วงถึงเดือน ๙ ปี พ.ศ. ๒๓๔๙
สุนทรภู่ได้เดินทางไปที่ใดล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยาผ่านมาทางพระบรมมหาราชวัง และผ่านสถานที่ ต่าง ๆ ตามลำดับ เช่น วัดประโคนปัก โรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน วัดเขมาภิรตาราม ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ นนทบุรี บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บ้านใหม่ บางเดื่อ (ในจังหวัดปทุมธานี) บางหลวง สามโคก บ้านงิ้ว เกาะใหญ่ราชคราม เมื่อเข้าเขตพระนครศรีอยุธยา ผ่าน ...
ใครบ้างที่ร่วมเดินทางไปกับสุนทรภู่แชร์ 26 มิถุนายน วันสุนทรภู่ มาติดตามผลงานนิราศเมืองแกลงของท่านสุนทรภู่ ที่ถือได้ว่าเป็นนิราศเรื่องแรกของท่าน โดยท่านแต่งหลังพ้นโทษจากคุก และครั้งเดินทางไปเยี่ยมบิดาที่บวชเป็นพระอยู่ที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง ในปี พ.ศ. 2349 โดยมีศิษย์ 2 คนร่วมโดยสารไปด้วยกัน คือ น้อยกับพุ่ม และมีผู้นำทางชื่อนายแสง
นิราศเมืองแกลงแต่งขึ้นในสมัยใดนิราศเมืองแกลงเป็นนิราศคำกลอนเรื่องแรกของสุนทรภู่ มีความยาว 248 บท เล่าเรื่องการเดินทางไปหาบิดาที่วัดป่า ตำบลบ้านกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อกลางเดือน 7 พ.ศ. 2350 สุนทรภู่แต่งนิราศเรื่องนี้เมื่ออายุย่าง 22 ปี ขณะนั้นยังเป็นโสดแต่ลอบรักอยู่กับแม่จัน เมื่อความทราบถึงกรมพระราชวังหลังจึงถูกลงโทษจำคุกทั้งสองคน เมื่อพ้น ...
|