 ในบรรดา Samsung Galaxy J7 Series ที่เปิดตัวในปี 2017 นี้ Samsung Galaxy J7 Core ถือว่า เป็นรุ่นที่มีราคาประหยัดที่สุด แต่สเปกและคุณสมบัติต่าง ๆ ถือว่า คุ้มค่าเกินราคาค่าตัวเลยก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับจุดเด่น นั่นก็คือ ไฟแฟลชที่กล้องด้านหน้า, ระบบ Dual Messenger รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน 2 แอปฯ พร้อมกันได้โดยไม่ต้องผ่าน Secure Folder รองรับมากถึง 15 แอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger รวมไปถึงฟีเจอร์ Multi-Window รองรับการใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันในหน้าจอเดียวอีกด้วย โดย Samsung Galaxy J7 Core มาพร้อมกับ หน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7870 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช, กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9, แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเครือข่าย 4G LTE และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 7,290 บาทเท่านั้น มาดูกันดีกว่าว่า Samsung Galaxy J7 Core จะมีความน่าสนใจและน่าใช้อย่างไรบ้าง กับบทความ รีวิว Samsung Galaxy J7 Core โดยทีมงาน techmoblog ครับ สเปก Samsung Galaxy J7 Core
>> สเปก Samsung Galaxy J7 Core อย่างละเอียด คลิกที่นี รีวิว Samsung Galaxy J7 Core : ดีไซน์ และการออกแบบ Samsung Galaxy J7 Core มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (268 ppi) โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 152.4 x 78.6 x 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 167 กรัม ด้านบนของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ไฟแฟลชแบบ LED, ลำโพงสำหรับสนทนา และกล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.2 ด้านล่างของหน้าจอแสดงผล ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home และปุ่มย้อนกลับ ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง ส่วนด้านซ้ายของตัวเครื่อง เป็นปุ่มปรับระดับเสียง ด้านบนของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงาน ส่วนด้านล่างของตัวเครื่อง เป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ต microUSB และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร สำหรับฝาหลังของ Samsung Galaxy J7 Core เป็นพลาสติกเนื้อดี ผิวขรุขระ สัมผัสแล้วไม่ลื่นหลุดมือ กล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 ส่วนขวามือของกล้อง เป็นลำโพงเสียง และด้านท้ายมีการระบุคำว่า DUOS อย่างชัดเจน หมายความว่า Samsung Galaxy J7 Core รุ่นนี้ รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดนั่นเอง Samsung Galaxy J7 Core สามารถถอดแกะฝาหลังได้ ภายในประกอบด้วย ช่องใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องใส่ซิมการ์ดที่ 2 และช่องใส่หน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card รองรับสูงสุด 256 GB ส่วนแบตเตอรี่ขนาดความจุอยู่ที่ 3000 mAh รีวิว Samsung Galaxy J7 Core : อินเทอร์เฟส และการใช้งานเบื้องต้น Samsung Galaxy J7 Core ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) เหมือนกับ Samsung Galaxy J7 Pro ที่มีการปรับอินเทอร์เฟสให้น่าใช้มากขึ้น สามารถปรับแต่งวอลเปเปอร์, ธีม และ Widget ได้ตามใจชอบ สำหรับการเปิดหน้ารวมแอปพลิเคชันทั้งหมดในตัวเครื่อง ทำได้ด้วยการสไลด์นิ้วจากขอบจอด้านล่างขึ้นด้านบน คล้ายกับบน Samsung Galaxy S8 เบื้องต้นนั้น มาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐานมากมายเลยทีเดียว สำหรับแอปพลิเคชันทั้งจาก Google และ Microsoft ก็ถูกติดตั้งมาให้แล้วเช่นกัน ไม่ต้องดาวน์โหลดเพิ่มแต่อย่างใด Samsung Galaxy J7 Core พร้อมกับระบบ Dual Messenger รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน 2 แอปฯ พร้อมกันได้โดยไม่ต้องผ่าน Secure Folder ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger ซึ่งแอปฯ ที่ 2 จะมีไอคอนสีแดงปรากฏอยู่ตามภาพ นอกจากนี้ ยังรองรับฟังก์ชัน Multi-Window หรือการเปิดใช้งาน 2 แอปพลิเคชันในหน้าจอเดียว ซึ่งแอปพลิเคชันที่รองรับฟังก์ชัน Multi-Window นั้น สามารถแบ่งครึ่งหน้าจอแบบเท่ากัน หรือปรับให้แอปฯ ใดแอปฯ หนึ่งมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าก็ได้ Samsung Notes แอปพลิเคชันสำหรับจดข้อความ สามารถเขียนข้อความที่ต้องการลงไปบนหน้าจอได้เลย หรือจะพิมพ์เป็นตัวอักษร, เพิ่มรูปภาพ และใส่เสียงก็ได้เช่นกัน Samsung Galaxy J7 Core มีวิทยุ FM ในตัว ซึ่งก่อนใช้งานจะต้องเสียบหูฟังเสียก่อน Secure Folder เป็นโฟลเดอร์ลับสำหรับล็อกแอปพลิเคชัน หรือไฟล์ข้อมูลสำคัญ ป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปใช้งานได้ โดยอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัยของ Samsung KNOX สำหรับการใช้งานด้านเบราว์เซอร์บน Samsung Galaxy J7 Core ก็ถือว่า ใช้งานได้อย่างสะดวกเช่นกัน Samsung Galaxy J7 Core มาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 7870 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิก Mali-T830 MP2 GPU และหน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB รองรับการเล่นเกมยอดฮิตอย่าง ROV ได้สบาย ๆ ปิดท้ายด้วยการทดสอบ Benchmark กันบ้าง โดยผลการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ 42,311 คะแนน, Geekbench 4 ทำได้ 728 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Single-Core และ 3,586 คะแนนสำหรับการทดสอบแบบ Multi-Core ส่วนระบบมัลติทัช รองรับที่ 10 จุด รีวิว Samsung Galaxy J7 Core : ทดสอบกล้องถ่ายรูป จุดเด่นของ Samsung Galaxy J7 Core รุ่นนี้ นั่นก็คือ กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/2.2 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับโหมด Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้า ซึ่งปรับได้ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ สีผิว, หน้าเพรียว และตาโต โดยปรับได้สูงสุด 8 ระดับ สำหรับกล้องด้านหน้า มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ ถ่ายภาพตนเอง, ถ่ายภาพตนเองแบบกว้าง และเสียง & ช็อต นอกจากนี้ ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ให้กับภาพถ่ายอีกด้วย ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 โดยมีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อัตโนมัติ, โปร, พาโนรามา, ถ่ายต่อเนื่อง, HDR, กลางคืน, กีฬา และเสียง & ช็อต นอกจากนี้ ยังสามารถใส่เอฟเฟกต์ให้กับภาพถ่ายได้เช่นเดียวกับกล้องด้านหน้า สำหรับการตั้งค่ากล้องถ่ายภาพ สามารถตั้งค่าได้ทั้งกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง, สามารถตั้งเวลาถ่ายภาพได้, แท็กสถานที่, ฟังก์ชันเปิดกล้องด่วน ส่วนวีดีโอรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหน้า ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหน้า ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (กลางแจ้ง) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (กลางแจ้ง) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (กลางแจ้ง) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (ในร่ม) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (ในร่ม) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (ในร่ม) ทดสอบถ่ายภาพด้วยกล้องด้านหลัง (ในร่ม) สำหรับ Samsung Galaxy J7 Core เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหามือถือรุ่นคุ้มค่า แต่มีงบประมาณจำกัด โดย Samsung Galaxy J7 Core รุ่นนี้ มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 7,290 บาทเท่านั้น แต่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ใช้งานบนรุ่นเรือธงอย่าง Samsung Galaxy S8 ด้วย ซึ่งได้แก่ ระบบ Dual Messenger รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชัน 2 แอปฯ พร้อมกันได้โดยไม่ต้องผ่าน Secure Folder ไม่ว่าจะเป็น Facebook, LINE, Instagram, WhatsApp หรือ Messenger รวมไปถึงฟีเจอร์ Multi-Window รองรับการใช้งาน 2 แอปพลิเคชันพร้อมกันในหน้าจอเดียว นอกจากนี้ Samsung Galaxy J7 Core ยังมีจุดเด่นในเรื่องของ กล้องถ่ายรูปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้า ความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED หมดปัญหาเรื่องการถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย ส่วนกล้องด้านหลัง ความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช และรูรับแสงขนาดกว้างสูงสุด F/1.9 ซึ่งจากการทดสอบถ่ายรูปเซลฟี่ ให้ภาพที่คมชัด อีกทั้งยังมาพร้อมโหมด Beauty ปรับใบหน้าเนียน ซึ่งถือว่า เป็นฟีเจอร์ที่ถูกใจสาว ๆ เป็นพิเศษ ด้านสเปกของ Samsung Galaxy J7 Core นั้น ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลกว้าง 5.5 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 7870 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 1.6 GHz, หน่วยความจำ RAM ขนาด 2 GB, หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) ขนาด 16 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB, , แบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด, รองรับเครือข่าย 4G LTE และทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 (Nougat) แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ ไม่รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home สำหรับผู้ที่สนใจ Samsung Galaxy J7 Core สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม และทดลองใช้งานได้ที่ซัมซุงช้อป หรือตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ จุดเด่นของ Samsung Galaxy J7 Core
จุดที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม
ข้อควรทราบ: “เครื่อง Samsung Galaxy J7 Core ที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทาง ซัมซุง เท่านั้น ยังไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตัวเครื่อง หรือฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจจะยังไม่สมบูรณ์ 100% เหมือนกับเครื่องที่วางจำหน่ายจริง” --------------------------------------- Update : 27/07/2017 Samsung Galaxy J7 Core รีวิว Samsung Galaxy J7 Core |
วิธี ใส่ เม ม โม รี่ การ์ด Samsung J7
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
ลิขสิทธิ์ © 2024 moicapnhap Inc.
