การตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง Show หากร่างกายปรากฏก้อนเนื้อที่ไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัด จำเป็นต้องใช้เวลาสังเกตช่วงระยะหนึ่ง ถ้าหากก้อนเนื้อไม่หายไป แม้จะไม่รู้สึกว่าเจ็บปวดก็ต้องรีบไปตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาล เมื่อแพทย์สงสัยว่าจะเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามารถตัดชิ้นเนื้อบริเวณต่อมน้ำเหลืองหรือตัดบริเวณอวัยวะหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่มีอาการเจ็บปวด มาทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเตือนว่า การตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไม่ควรทำการตรวจโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน เนื่องจากตำแหน่งรอยโรคและขอบเขตแตกต่างกัน อาการแสดงก็ไม่เหมือนกัน การตรวจวินิจฉัยโดยไม่ไตร่ตรองจะยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ในการตรวจวินิจฉัยผิดพลาดมีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงต้องระมัดระวังในส่วนของวิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ควรทำการตรวจอย่างเป็นระบบ วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอะไรบ้าง? การตรวจโดยภาพถ่ายทางการแพทย์ 1. การตรวจอัลตราซาวด์ : การตรวจอัลตราซาวด์สามารถแสดงให้เห็นต่อมน้ำเหลืองที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 2 เซนติเมตร แต่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ขึ้นนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการรุกล้ำของเนื้องอกหรือเป็น Reactive hyperplasia หรือเกิดจากการอักเสบเรื้อรัง อีกทั้งการตรวจอัลตราซาวด์สามารถแสดงให้เห็นตับม้ามที่บวมโต รวมทั้งเนื้องอกขนาดเล็กๆ ที่อยู่ในตับม้ามได้อย่างชัดเจน 2. การตรวจ CT การตรวจ NMR และ : สามารถแสดงให้เห็นรอยโรคต่อมน้ำเหลืองภายในทรวงอก หลังเยื่อบุช่องท้องและเยื่อ mesentery รวมถึงรอยโรคที่ตับและม้าม เมื่อตรวจพบว่ามีเนื้องอกในร่างกาย แพทย์จะนำสารบ่งชี้มะเร็งจากร่างกายของผู้ป่วยไปทำการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัดว่าเป็นก้อนเนื้อชนิดดีหรือชนิดร้าย การตรวจด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่พบอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งทางพยาธิวิทยา 1. การตรวจต่อมน้ำเหลืองทางพยาธิวิทยา : โดยทั่วไปมะเร็งต่อมน้ำเหลืองควรใช้การตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อการวินิจฉัยที่แน่ชัด ซึ่งตัวอย่างการตรวจทางพยาธิวิทยานี้จะยึดต่อมน้ำเหลืองเป็นหลัก 2. การตรวจเลือด : เซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอดจ์กินส่วนใหญ่จะเป็นปกติ แต่ในระยะสุดท้ายเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์จะลดลง ส่วนผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน เมื่อทำการตรวจจะพบว่าจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวมากกว่าคนปกติ ทำให้เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์เพิ่มขึ้นไปด้วย 3. การตรวจไขกระดูกทางพยาธิวิทยา : มะเร็งต่อมน้ำเหลืองรุกล้ำเข้าไขกระดูกนั้นมีอัตราสูงถึง 40% - 90% เลยทีเดียว เนื่องด้วยความสำคัญในทางคลีนิคของการตรวจไขกระดูก จึงมักต้องทำการเจาะตรวจชิ้นเนื้อหนึ่งครั้ง หรืออาจจะมากกว่าหนึ่งครั้งขึ้นไป 4. การตรวจชิ้นเนื้อตับ : ในมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน เม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ ขนาดเล็กและ Small cleaved cell จะมีการรุกล้ำที่ตับง่ายกว่า Large cleaved cell 5. การตรวจเนื้อเยื่อทางพยาธิวิทยา : เป็นวิธีการตรวจเพื่อยืนยันผลวินิจฉัยที่ไม่สามารถขาดได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะเลือกตรวจต่อมน้ำเหลืองบริเวณใต้ลำคอหรือบริเวณรักแร้ 6. การส่องกล้องตรวจช่องอก ( mediastinoscopy ) : การส่องกล้องในช่องอกสามารถตรวจชิ้นเนื้อได้โดยผ่านด้านนอกเยื่อหุ้มปอดเข้าไปในประจันอก ซึ่งเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย สะดวกและปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจวเตือนว่า หากตรวจวินิจฉัยแน่ชัดแล้วว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก่อนอื่นต้องไม่ตื่นตระหนก จะต้องประเมินว่าควรดูแลอย่างไร โดยยึดตามสภาพโดยรวมทั้งหมด ทำการปรึกษาหลายๆ ด้าน ซึ่งโดยทั่วไปมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะไม่เหมาะกับการผ่าตัด โดยเฉพาะในภาวะที่ก้อนเนื้องอกไปกดทับเส้นประสาทหรืออยู่ใกล้หลอดเลือดใหญ่ จึงแนะนำให้ใช้เทคนิคแบบบูรณาการ ใช้เทคโนโลยีแบบบาดแผลเล็ก เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี คำหลัก: มะเร็งต่อมน้ำเหลือง,การตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง,โรงพยาบาลมะเร็งสมัยใหม่กว่างโจว มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ โรคลิมโฟม่า (Lymphoma) คือ มะเร็งหรือเนื้องอกร้ายที่เกิดกับเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง ซึ่งก็คือต่อมน้ำเหลืองที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เช่น ที่บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขน ข้อพับขา ในช่องอก และในช่องท้อง และนอกจากในต่อมน้ำเหลืองแล้ว เซลล์ต่อมน้ำเหลืองยังมีกระจายอยู่ในเยื่อบุภายในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายอีกด้วย เช่น ในสมอง โพรงจมูก ไซนัส กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผิวหนัง และกระดูก ซึ่งในอวัยวะเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ทั้งสิ้น (เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองของสมอง เป็นต้น แต่ต่อมน้ำเหลืองที่พบเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้บ่อยที่สุด คือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งของต่อมน้ำเหลืองเองและของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ต่างก็มีสาเหตุ อาการ ระยะของโรค ความรุนแรงของโรค วิธีการตรวจวินิจฉัย และแนวทางในการรักษาที่คล้ายคลึงกัน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ และพบได้ในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิงเล็กน้อย หมายเหตุ : ระบบน้ำเหลืองของร่างกายมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคโดยการขนส่งน้ำเหลืองไปตามท่อน้ำเหลืองทั่วร่างกาย ประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม หรือทำลายเชื้อโรคโดยตรง จะพบต่อมน้ำเหลืองได้ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ ฯลฯ ชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น
อาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาการที่โดดเด่นของโรคนี้ คือ มีก้อนบวม (ของต่อมน้ำเหลือง) ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ข้างลำคอนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นแรมเดือน โดยจะมีลักษณะแข็ง คลำได้ ไม่รู้สึกเจ็บ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 เซนติเมตร บางรายอาจมีก้อนที่ขึ้นรักแร้หรือที่ขาหนีบ และบางรายอาจมีก้อนขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดจากก้อนมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไปกดถูกอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายด้วย เช่น มีอาการไอ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม แขนบวม ถ้าโรคเกิดในช่องอก, มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก เบื่ออาหาร ดีซ่าน ถ้าโรคเกิดในช่องท้อง, ท้องเดิน ลำไส้ไม่ดูดซึมอาหาร มีอาการน้ำหนักตัวลดลง ถ้าโรคเกิดในลำไส้เล็ก, มีอาการขาบวมจากภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำเหลือง ถ้าโรคเกิดที่ขาหนีบ, มีอาการปวดศีรษะ แขนขาชาหรืออ่อนแรง ถ้าโรคเกิดในสมอง ไขสันหลัง หรือระบบประสาท เป็นต้น ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้เรื้อรังโดยไม่ตรวจพบสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ได้ หรืออาจมีไข้สูงอยู่หลายวันสลับกับไม่มีไข้หลายวัน อาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง เหงื่อออกชุ่มตัวในตอนกลางคืน หนาวสั่น หรือคันตามผิวหนัง ในระยะต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูกจะทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการซีด มีเลือดออกง่าย (มีจุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดตามตัว) และติดเชื้อได้ง่าย IMAGE SOURCE : www.medgurus.org, www.carewhizz.com, www.merckmanuals.com, lmphomapictures.orgภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่น ๆ แต่ที่แตกต่างคือ จะแบ่งร่างกายออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่เหนือกับส่วนที่อยู่ใต้กระบังลม (Diaphragm) ซึ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้จากการซักประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกายเพื่อดูสภาพร่างกายทั่วไปและดูก้อนตามตัว ส่วนการตรวจที่ให้ผลแน่นอนคือ การตัดต่อมน้ำเหลืองเพื่อนำไปตรวจชิ้นเนื้อ (Lymph node biopsy) ซึ่งจะทำให้พบลักษณะของเซลล์ที่เป็นมะเร็ง สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินจะพบเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า “Reed-Sternberg cell” นอกจากนี้อาจทำการตรวจเลือด การตรวจไขกระดูก การถ่ายภาพทรวงอกและช่องท้องด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เจาะหลัง และทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนและระยะของโรค การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองให้พบโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการได้ ดังนั้น การดูแลตนเองที่ดีที่สุดคือ การสังเกตตนเอง หากคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตหรือมีอาการผิดปกติดังที่กล่าวไปแล้วในหัวข้ออาการ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ IMAGE SOURCE : www.eastsiderad.comการป้องกันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของการเกิดโรค จึงยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ แต่หากสงสัยว่าเป็นโรคนี้ควรปรึกษาแพทย์ เอกสารอ้างอิง
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีอาการยังไงอาการเริ่มต้นของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกมากตอนกลางคืน หรือคันทั่วร่างกาย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอเรื้อรัง หายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต ปวดศีรษะ (มักพบผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท)
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นแบบไหนอาการทั่วไปที่บ่งชี้ถึงมะเร็งต่อมน้ำเหลืองคือ เกิดการบวมที่ต่อมน้ำเหลือง ส่วนมากบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ และมักไม่มีอาการเจ็บร่วมด้วย ซึ่งอาการบวมเกิดจากการสะสมของลิมโฟไซต์ที่ผิดปกติในต่อมน้ำเหลืองบริเวณนั้น ๆ ทั้งนี้อาการบวมที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องเป็นอาการบ่งชี้ของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเสมอไป แต่อาจบ่งชี้ถึงโรคชนิดอื่น ...
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่คอ+เกิดจากอะไรสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองยังไม่ทราบแน่ชัด แต่จากการคาดการณ์เบื้องต้นพบว่ามีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ปัจจัยทางเคมี วัตถุทางเคมีที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สารเคมีปราบศัตรูพืช น้ำยาย้อมผม เป็นต้น ปัจจัยทางภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีสมรรถภาพภูมิคุ้มกันโรคลดลง เช่น โรคเอดส์ การปลูกถ่ายอวัยวะ โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองอยู่ตรงไหนมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่อยู่ใกล้ตัวเรา และไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ควรใส่ใจ และให้ความสำคัญ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถเกิดได้ในทุกอวัยวะ เพราะต่อมน้ำเหลืองมีอยู่ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น คอ รักแร้ ข้อพับแขน ข้อพับขา ช่องอก หรือช่องท้อง อีกทั้งเซลล์น้ำเหลืองก็ยังอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายด้วย ไม่ว่าจะ ...
|