ท้องแรกเป็นช่วงเวลาที่สร้างความตื่นเต้น มีความสุข และวิตกกังวลให้ว่าที่คุณแม่ เพราะต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งหาวิธีดูแลลูกน้อยให้มีสุขภาพแข็งแรงและคลอดออกมาอย่างปลอดภัย ซึ่งคุณแม่หลายคนที่ตั้งครรภ์เป็นท้องแรกคงรู้สึกสับสนไม่น้อยเมื่อหาข้อมูลการดูแลสุขภาพครรภ์และอาจใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมได้ Show
การดูแลสุขภาพครรภ์เป็นสิ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์ และช่วยให้คุณแม่และลูกมีสุขภาพแข็งแรง บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ครั้งแรกและวิธีการดูแลสุขภาพครรภ์ที่เหมาะสมสำหรับว่าที่คุณแม่ไว้ให้แล้ว คุณแม่ท้องแรกและสัญญาณของการตั้งครรภ์โดยทั่วไป อาการของผู้ที่ตั้งครรภ์แต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่คุณแม่ท้องแรกอาจสังเกตจากสัญญาณบ่งบอกอาการตั้งครรภ์ที่พบได้บ่อยต่อไปนี้
นอกจากนี้ อาจพบอาการอื่นที่อาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ เช่น ปัสสาวะบ่อย อยากอาหารมากกว่าปกติ และท้องผูก คุณแม่ที่มีอาการในข้างต้นและสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาเภสัชกรและตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ หากผลการตรวจขึ้น 2 ขีด หมายถึงผลเป็นบวกและน่าจะมีการตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติมภายหลัง การดูแลสุขภาพครรภ์ของคุณแม่ท้องแรกการดูแลสุขภาพครรภ์จะช่วยให้สุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยแข็งแรง เด็กมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตตามวัย และอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด แท้ง และความผิดปกติของทารก คุณแม่ท้องแรกสามารถดูแลตัวเองได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ฝากครรภ์การฝากครรภ์ (Prenatal Care) เป็นการดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ ติดตามการตั้งครรภ์และตรวจคัดกรองความผิดปกติตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนครบกำหนดคลอด และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องแรกจึงควรเริ่มฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์และมาตรวจตามนัดทุกครั้ง ในการฝากครรภ์ครั้งแรกจะมีการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ตรวจร่างกาย ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด และตรวจกรองความเสี่ยงโรคธาลัสซีเมียและเบาหวาน ฉีดวัคซีน ส่วนในการตรวจครั้งถัดไปจะมีการตรวจหน้าท้องเพื่อดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์และฟังเสียงหัวใจของทารกร่วมด้วย รับประทานอาหารที่เหมาะสมการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 300 กิโลแคลอรี่ต่อวัน และควรได้รับสารอาหารประเภทโปรตีนและแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก โฟเลต และไอโอดีน ซึ่งพบในเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นม ธัญพืชขัดสีน้อย และผักผลไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ คุณแม่ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว รับประทานวิตามินเสริมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ มีส่วนช่วยให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการปกติตามวัย ซึ่งวิตามินที่จำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ ได้แก่ โฟเลต แคลเซียม ธาตุเหล็ก ไอโอดีน โอเมก้า 3 และวิตามินดี อย่างไรก็ตาม การรับประทานวิตามินเสริมควรอยู่ในการแนะนำของแพทย์เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงต่อสุขภาพจากการรับประทานในปริมาณมากเกินความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คุณแม่ท้องแรกอาจกังวลว่าการออกกำลังกายจะทำให้เกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ แต่คุณแม่สามารถออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ได้ โดยให้เลือกออกกำลังกายที่ความหนักระดับปานกลางในรูปแบบแอโรบิคแรงกระแทกต่ำ (Low Impact Aerobics) เช่น โยคะ เดิน ว่ายน้ำ และปั่นจักรยานแบบอยู่กับที่ คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ตลอดช่วงระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง บรรเทาความเครียดและอาการอ่อนเพลีย ลดอาการปวดหลัง และอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีความรุนแรง และปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนออกกำลังกายเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงความเครียดคุณแม่ท้องแรกมักเครียดและกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย การดูแลทารกในครรภ์ และความผิดปกติหลังคลอด แต่การมีความเครียดสะสมอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ ดังนั้น การจัดการความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลงสบาย ๆ วาดรูป นั่งสมาธิ หรือออกกำลังกายจะช่วยลดความเครียดของคุณแม่ได้ นอกจากนี้ ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมงในเวลากลางคืน และควรหาเวลาพักผ่อนช่วงกลางวันประมาณ 1 ชั่วโมง โดยคุณแม่ควรนอนราบและใช้หมอนรองเท้าเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้ดี ลดอาการเท้าบวมและลดความเสี่ยงของการเกิดเส้นเลือดขอด งดการทำกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์คุณแม่ท้องแรกควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ ได้แก่
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะท้องแรกที่สร้างความกังวลให้ว่าที่คุณแม่หลายคน แต่การดูแลสุขภาพครรภ์ตามวิธีข้างต้นและไปฝากครรภ์ตามนัดจะช่วยลดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้ และหากพบอาการผิดปกติใด ๆ เช่น เลือดไหลออกจากช่องคลอด น้ำเดิน ปวดท้องอย่างรุนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ตาพร่า หายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย การดูแลสุขภาพของผู้หญิงก่อนการตั้งครรภ์มีหลักปฏิบัติที่สำคัญอย่างไรตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์ ... . เสริมกรดโฟลิกเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ... . ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ... . ควบคุมน้ำหนักอย่างเหมาะสม ... . กินอาหารให้หลากหลาย เพิ่มสารพัดประโยชน์ ... . งดการใช้ยาบางประเภท ... . เลิกพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อลูกน้อย. หญิงตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตนอย่างไรการปฏิบัติตนที่ดีของแม่ ท้องไตรมาสแรก
หมั่นออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว / วัน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน งดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ไม่ควรใช้ยารับประทานเอง
มารดาที่อยู่ในระยะตั้งครรภ์ควรปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ทั้งตนเองและทารกในครรภ์การปฏิบัติตัวระหว่างตั้งครรภ์ 1. การรับประทานอาหาร คุณแม่จะรับประทานอาหารได้ดีขึ้น เมื่ออาการแพ้ท้องหายไป ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ประเภทเนื้อสัตว์ ไข่ นม ผัก ผลไม้ ไม่ควรรับประทานอาหารพวก ข้าว แป้ง น้ำตาล ขนมหวาน ไขมันมาเกินไป ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารดิบ ๆ สุก ๆ ของหมักดอง ผงชูรส ชา กาแฟ เหล้า และบุหรี่
การดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ มีอะไรบ้างดูแลรักษาฟัน ขูดหินปูน ดูแลหน้าท้อง ทรวงอก ระบบขับถ่าย มีเพศสัมพันธ์ด้วยท่าที่เหมาะสม ในกรณีที่ไม่มีข้อห้าม ตามคำแนะนำของแพทย์ พักผ่อนนอนหลับวันละ 8 – 14 ชั่วโมง. ปฏิบัติงานประจำวันตามปกติ. ไม่ควรทำงานหนัก. ไม่ควรออกกำลังกายจนเหนื่อย. การออกกำลังกายควรเริ่มหลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน. |