เป็นประจำทุกปี หรือตามระยะที่กำหนด เช่น เมื่อครบ 10,000 กม. ให้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง เช็คระบบเบรกทั้งดิสก์เบรกและดรัมเบรก ตรวจสอบระบบหล่อเย็น รวมถึงเช็คสภาพยางว่าเสื่อมสภาพหรือยัง ซึ่งการตรวจสอบและทำการเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ โดยเฉพาะยางรถยนต์ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด และวันนี้ Hugs Insurance มีความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์มาฝาก ทั้งอายุยางรถยนต์ว่าสามารถใช้งานนานสุดกี่ปี ไปจนถึงสัญญาณเตือนถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ตัวเลขบนยางรถยนต์ มีความสำคัญอย่างไรตรวจเช็คตัวเลขและตัวอักษรบนแก้มยาง เชื่อว่าผู้ใช้รถหลายคนสังเกตเห็นตัวเลขและตัวอักษรมากมายอยู่บนแก้มยาง ทั้งตั้งข้อสงสัยว่าสิ่งที่เห็นนั้นมีความหมายหรือความสำคัญอย่างไร โดยตัวเลขและตัวอักษรเหล่านั้น คือ ขนาดยาง ขอบเขตในการใช้งาน หากทำความเข้าใจชุดตัวเลขได้อย่างครบถ้วน นอกจากได้ความรู้แล้วยังทำให้คุณสามารถใช้งานยางรถได้อย่างถูกต้อง เช่น 185/50R15 88H มีความหมายดังนี้
นอกจากนี้ถ้าสังเกตดี ๆ พบว่ามีตัวเลข 4 ตัวอยู่บนแก้มยางรถยนต์ นั่นคือสัปดาห์และปีที่ผลิตยาง โดยเวลาอ่านต้องดูเป็นคู่ ซึ่งเลขคู่หน้าหมายถึงสัปดาห์ที่ผลิต (ในหนึ่งปีมี 52 สัปดาห์) ส่วนเลขคู่หลังหมายถึง ปี ค.ศ. ที่ผลิต เช่น "3818" แปลความหมายได้ว่า ยางผลิตในสัปดาห์ที่ 38 ปี 2018 ต้องยอมรับว่าการอ่านขนาดของยางรถยนต์ รวมถึงสัปดาห์และปีที่ผลิตยางนั้น ช่วยให้ง่ายต่อการเลือกซื้อยางรถยนต์ใหม่ให้ตรงกับขนาดยางเดิมที่ใช้อยู่ ทั้งยังทราบว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง อายุการใช้งานยางรถยนต์ที่เหมาะสมตามปกติแล้วหากยางรถยนต์ที่ใช้งานอยู่ผลิตในสัปดาห์ที่ 38 ปี 2018 มีอายุรับประกันการใช้งานอยู่ระหว่าง 4-5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน) เช่น เริ่มใช้งานต้นปี 2019 ถ้าต้องการใช้งานยางเต็มลิมิตคือ 6 ปี เท่ากับว่าคุณควรเปลี่ยนยางรถใหม่ภายในปี 2023 หรือปี 2024 เพื่อใช้รถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางรถยนต์นี่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะถึงมีการระบุในทิศทางเดียวกันว่า ควรเปลี่ยนยางรถชุดใหม่ทุก ๆ 3-5 ปี หรือเมื่อรถวิ่งครบ 50,000 กิโลเมตร แต่บางครั้งอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยางก่อนถึงอายุการใช้งาน หากตรวจพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ 1. สภาพดอกยาง ความลึกของร่องดอกยางบอกอายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้ คุณสมบัติของดอกยางคือการช่วยรีดน้ำเวลาต้องขับบนถนนที่มีน้ำขัง เพื่อให้หน้ายางยังคงสัมผัสผิวถนนได้ปกติ หากดอกยางไม่ดีโอกาสที่รถจะลื่นไถลมีสูง ตามปกติความลึกของดอกยางใหม่จะอยู่ประมาณ 8-9 มิลลิเมตร ถ้าดอกยางลึกไม่ถึง 3 มิลลิเมตร แนะนำให้เปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ โดยมีวิธีวัดความลึกของร่องดอกยางดังนี้
2. แก้มยางแตกหรือแยกส่วน ยางรถยนต์บางรุ่นอาจมีหน้ายางที่แข็งแรงทนทาน ทำให้ดอกยางสึกหรอน้อยแม้ผ่านการใช้งานมาเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้นอกจากตรวจเช็คความลึกของดอกยาง ผู้ใช้รถควรสังเกตแก้มยางว่ามีรอยย่น รอยแตกลายงาหรือไม่ เพราะนี่คือสัญญาณเตือนว่ายางกำลังเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที ถ้าฝืนใช้งานต่ออาจก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนนเนื่องจากยางระเบิดหรือแตกขณะขับขี่ได้ นอกจากได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังต้องเสียค่าซ่อมรถอีกด้วย ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 คลิกสมัครที่นี่
3. ยางบวม อาการยางบวมเกิดขึ้นเมื่อยางเริ่มเสื่อมสภาพ เนื่องจากการขับตกหลุมหรือเสียดสีอย่างรุนแรง ไปจนถึงข้อบกพร่องในกระบวนการผลิตซึ่งทำให้โครงสร้างยางไม่แข็งแรง โดยบริเวณที่เกิดการบวมของยางคือแก้มยางหรือหน้ายาง นอกจากนี้ผู้ใช้รถอาจสังเกตได้ในขณะขับขี่ถ้าตัวรถมีอาการสั่นเมื่อขับเร็ว หรือพวงมาลัยสั่นแม้ตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่แล้ว แนะนำให้เปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที เพราะอาจก่อให้เกิดการระเบิดได้เมื่อขับด้วยความเร็วสูง 4. ยางฉีกขาด เมื่อยางได้รับความเสียหายจากการฉีกขาดหรือเหยียบวัสดุมีคมไม่ว่าจะเป็น หิน เหล็ก ฝาท่อน้ำ เพราะถึงสามารถซ่อมแซมให้ยางกลับมาใช้งานใหม่ได้อีกครั้ง แต่อาจเกิดปัญหาตามมา เช่น ยางรั่วซึมตรงตำแหน่งที่ปะ หรือตอนยางรั่วขับบดยางเป็นเวลานาน ทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น วิธียืดอายุการใช้งานรถยนต์ไม่บรรทุกของหนักมากเกินไป รถยนต์แต่ละรุ่นสามารถรับน้ำหนักบรรทุกแตกต่างกัน หากบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ยางเส้นนั้น ๆ รับได้ อาจทำให้เกิดความเสียหาย ดังนี้
อย่างไรก็ดีหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง แนะนำควรทำแรงดันลมให้เหมาะสม เพื่อลดความเสียหายต่อโครงสร้างของยาง หมั่นวัดระดับความดันลมยางเป็นประจำ แรงดันลมยางรถที่เหมาะสมช่วยยืดอายุยางรถยนต์ ลมยางรถยนต์ต้องไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป เพราะถ้าเติมลมยางน้อยไป อาจส่งผลให้ขอบยางหรือแก้มยางปริแตกจนทำให้ยางระเบิดได้ ขณะที่การเติมลมยางแข็งเกินไป นอกจากยางยึดเกาะถนนได้ไม่ดีจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น หากตกหลุมขณะที่ขับมาด้วยความเร็วแรงกระแทกอาจทำให้ยางระเบิดได้ ฉะนั้นควรหมั่นวัดระดับความดันลมยางเป็นประจำ ทั้งเติมแรงดันลมยางในปริมาณที่พอเหมาะขึ้นอยู่กับประเภทของรถและขนาดยาง
ความเร็วรถ หากขับเร็วบนถนนที่เรียบไม่เสมอกันอยู่เป็นประจำ หรือขับรถตกหลุมอย่างแรง อาจทำให้ยางรั่วซึมจนทำให้ยางรถยนต์แบนได้ ทั้งอาจทำให้ล้อแม็กแตกจนเสียการควบคุมรถและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ทำประกันภัยรถยนต์...คลิกที่นี่
เห็นได้ว่าอายุการใช้งานยางรถยนต์ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้ายางรถยนต์เสียหายอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ เพราะยางเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในรถ ดังนั้นผู้ใช้รถที่ต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ใหม่ และรู้ว่าควรเลือกยี่ห้อไหนดี ลองเปรียบเทียบข้อมูลแบรนด์ยางรถยนต์ เช่น Michelin Yokohama Goodyear Dunlop Bridgestone และ Nexen เพื่อให้ได้ยางที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ทั้งมีราคาที่สมเหตุสมผล ประหยัดเงินกระเป๋า นอกจากนี้การทำประกันภัยรถยนต์ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาในอนาคตก็อุ่นใจได้ว่ามีบริษัทประกันภัยเข้ามาช่วยดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และฮักส์มีแผนประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ |