Show ตอนที่ปลูกใหม่ๆ 1 ปลูกที่เนิน ถ้าเป็นหน้าแล้ง 3 วัน รดน้ำ 1 ครั้งใด้ แต่เวลาที่รดน้ำให้รดนานๆ ประมาณชัก 5 -10 นาที ต่อครั้ง ถ้าเป็นหน้าฝนไม่ต้องรดนำ้ ถ้าฝนทิ้งช่วงให้รดน้ำบ้าง 2 ปลูกในบอซีเมนต์ อันนี้ถ้าเป็นหน้าแล้งต้องรดน้ำทุกวัน ถ้าขี้เกียจจริงๆห้ามเกิน 3 วันไม่งั้นตาย ถ้าเป็นหน้าฝนต้องรดน้ำนะครับ 3 วันครั้งก็ยังดี ดูก่อนว่าถ้าฝนตกไม่ต้องรดน้ำถ้าฝนไม่ตก 3 วันขึ้นไปต้องรดน้ำ ถ้าฝนทิ้งช่วงให้รดน้ำ 3 วันต่อครั้ง ไม่เกิน 7 วัน ไม่งั้นก็ตาย การที่เราปลูกในบ่อซีเมนต์ ทำไมต่องรดน้ำบ่อย คำตอบคือ มันระบายน้ำใด้ดี และเร็วที่เก็บความชื้นของน้ำใด้น้อย ต้องรดน้ำบ่อย ต้องใช้เวลาดูแลอย่างนี้ประมาณชัก 1-2 ปี การปลูกครั้งแรก คือ ไม่ต้องรองพื้นด้วย ปุ๋ยคอก ขี้วัว ใบไม้ และสิ่งอื่น เพราะ ปลวกมันจะมากิน ใบไม้ ปุ๋ยคอก และมันก็จะมากินรากออนของต้นไม้ของเรา ทำให้ต้นไม้ของเราตายนั่นเอง ตอนที่เราปลูกใหม่ๆไม่ต้องใส่ปุ๋ย รอประมาณชัก 2 เดือนก่อนให้รากมันแขงแรงดีก่อนแล้วค่อยใส่ใจเย็นๆอย่าใจร้อน นางพญาเสือโคร่งชอบปุ๋ย ขี้ไก่ เวลาเอาใส่ให้ใส่ที่โคลนต้นใส่พอประมาณนะครับเพราะเค็มนะครับ ถ้าใส่มากไปจะตายเอาใด้ ให้ใส่ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง การปลูกต้นเล็ก ก่อนอื่นขุดหลุมพอประมาณไม่ต้องรอง ปุ๋ย หรือดินผสม นะครับเสียเวลาแค่ดินที่เราปลูกก็พอแล้วเอาต้นเล็กใส่หลุมแล้ากลบ กดดินให้แน่นๆหน่อย แล้วเอาไม้มาใส่ เอาเชือกมัดพอหลวมๆอย่าให้แน่นถ้ามัดแน่นไปพอไม้โตจะไปติดที่เชือก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี นางพญาเสือโคร่ง (ชื่อวิทยาศาสตร์: Prunus cerasoides)[3] เป็นพืชดอกในสกุล Prunus ออกดอกช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พบทั่วไปบนภูเขาตั้งแต่ความสูง 1,200-2,400เมตรจากระดับน้ำทะเล เช่น ภูลมโล จังหวัดเลย, ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย, ดอยเวียงแหง ดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่, ขุนสถาน ดอยวาว ดอยภูคา ดอยมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน, ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์, ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก ฯลฯ โดยเป็นดอกไม้ประจำอำเภอเวียงแหง นางพญาเสือโคร่ง เป็นพรรณไม้ที่มีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศไทย ในต่างประเทศ พบในประเทศพม่า รัฐชานและรัฐกะชีน, ประเทศอินเดียพบบนเทือกเขาหิมาลัย ในรัฐอรุณาจัลประเทศยาวไปจนถึงรัฐหิมาจัลประเทศทางตอนเหนือของอินเดีย หรือที่เรียกว่าHimalayas, ประเทศภูฏาน, ประเทศเนปาล และประเทศจีนพบในมณฑลยูนนาน นางพญาเสือโคร่งถูกนิยมเรียกว่า "ซากูระเมืองไทย" เพราะมีลักษณะคล้ายซากูระในประเทศญี่ปุ่น แม้จะเป็นคนละชนิดกันก็ตาม ชื่อท้องถิ่น[แก้]ชื่อท้องถิ่นของนางพญาเสือโคร่ง เช่น ฉวีวรรณ, ชมพูภูพิงค์ (เหนือ) เส่คาแว่, เส่แผ่, แส่ลาแหล (กะเหรี่ยง เชียงใหม่) ซากูระดอย (เชียงใหม่) และได้รับฉายาว่า "ซากูระเมืองไทย" ในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกดอกไม้พันธุ์นี้ว่า ヒマラヤザクラ (หิมาลายาซากูระ) หมายถึงซากูระจากหิมาลัย ลักษณะทางพฤกษศาสตร์[แก้]นางพญาเสือโคร่งเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว ลักษณะรูปรีแบบไข่ หรือไข่กลับ ออกสลับกัน ใบมีความกว้าง 3-5 เซนติเมตร ยาว 5 -12 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบกลมหรือสอบแคบ ขอบจักปลายก้านใบมีต่อม 2-4 ต่อม หูใบแตกแขนงคล้ายเขากวาง ใบร่วงง่าย ดอก สีขาว ชมพู หรือแดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย กลีบดอกมี 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร ผล รูปไข่หรือกลม ยาว 1-1.5 เซนติเมตร เมื่อสุกสีแดง ระยะเวลาออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก ผลของนางพญาเสือโคร่งสามารถนำมารับประทานได้ มีรสเปรี้ยว ส่วนเนื้อไม้และการใช้ประโยชน์ ด้านอื่นยังไม่มีการบันทึกข้อมูลไว้ นอกจากการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ เนื่องจากมีดอกสวยงาม การปลูกเลี้ยง ได้มีการปลูกนางพญาเสือโคร่งบนพื้นที่ต้นน้ำลำธารมาเป็นเวลา 10 ปี แล้วปรากฏว่าได้ผลดี เป็นไม้ที่มีความเหมาะสมในการที่จะขึ้นอยู่ในพื้นที่ผ่านการทำไร่เลื่อนลอย บนพื้นที่สูงแต่ไม่ควรปลูกบนพื้นที่ซึ่งมีลมพัดจะทำให้กิ่งก้านหักได้ง่าย ขยายพันธุ์โดยเมล็ด[4] นางพญาเสือโคร่งและซากูระ[แก้]คำว่า ซากูระกล่าวถึงพืชที่อยู่ในสกุล Prunus โดยนางพญาเสือโคร่งเป็นหนึ่งในสกุลนั้น โดยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus cerasoides[3] ขณะที่ในประเทศญี่ปุ่นมีซากูระอยู่หลากหลายพันธุ์ โดยพันธุ์ที่พบมากสุดคือ โซะเมโยะชิโนะ (ญี่ปุ่น: 染井吉野; โรมาจิ: somei-yoshino) ในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Prunus × yedoensis นางพญาเสือโคร่งแตกต่างจากซะกุระญี่ปุ่นคือมีช่วงเวลาการออกดอกต่างกันคือ นางพญาเสือโคร่งออกดอกในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ส่วนซากูระในญี่ปุ่นออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น และมีการสันนิษฐานว่า นางพญาเสือโคร่งและซากูระมีบรรพบุรุษร่วมกันทางตอนใต้ของจีน และวิวัฒนาการออกไปจนมีสายพันธุ์มากมาย มีสีที่หลากหลาย การจำแนกสายพันธุ์อย่างกว้าง นางพญาเสือโคร่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Wild Himalayan Cherry หมายถึงPrunusที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนใต้ ตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย ส่วนซากูระถูกจำแนกเป็น Cherry blossom หมายถึง Prunusที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนเหนือ ตั้งแต่ประเทศจีน, เกาหลี ไปจนถึงประเทศญี่ปุ่นและรัสเซียในเขตไซบีเรีย รูปภาพ[แก้]
อ้างอิง[แก้]
ดอกพญาเสือโคร่งบานนานแค่ไหนระยะเวลาการบานของดอกพญาเสือโคร่ง : สิ้นเดือนธันวาคม – มกราคม
อีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ก็คือ “สถานีเกษตรหลวงขุนวาง” อีกหนึ่งโครงการหลวงที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในฤดูหนาว ที่จะมาเดินเพลินๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ชมอุโมงค์ดอกพญาเสือโคร่งตลอดเส้นทางภายในโครงการ
ดอกพญาเสือโคร่ง บานช่วงไหนช่วงเดือนมกราคมของทุกปี มีลมหนาวพัดมาให้เย็นสบาย ถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่หลายคนเฝ้ารอคอย รวมถึงเจ้าดอกไม้สีชมพูแสนสวยอย่าง ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่รอลมหนาวมากระตุ้นให้แทงช่อออกดอกบานสะพรั่งไปในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน และเลย ซึ่งแต่ละที่ก็จะบานในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงและไล่เลี่ยกัน เพื่อเป็นไกด์ ...
ดอกซากุระกับดอกพญาเสือโคร่งแตกต่างกันอย่างไรนางพญาเสือโคร่งแตกต่างจากซากุระญี่ปุ่น คือ มีช่วงเวลาการออกดอกต่างกันคือ นางพญาเสือโคร่งออกดอกในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ส่วนซากุระในญี่ปุ่นออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น
ดอกซากุระเมืองไทย บานช่วง ไหนทกปีช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เราจะมีนัดกับ ดอกไม้สีชมพู ซากุระเมืองไทย หรือ นางพญาเสือโคร่ง นั่นเองค่ะ และในช่วงนี้ มกราคม 2565 นางพญาเสือโคร่ง ก็กำลังบานสะพรั่งสวยงามแล้ว เพราะฉะนั้นตามเราไปเดินเที่ยวพร้อมๆ กับบรรยากาศแห่งสีชมพูกันกับ 11 ที่ชม ดอกพญาเสือโคร่ง 2565 รับลมหนาว ตามที่ต่างๆ ไปดูดอกไม้ที่ไหนดี ช่วงหน้า ...
|