Show ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ว่าจะลาออกจากงาน หรือถูกเลิกจ้าง ก็มีสิทธิรับเงินชดเชยว่างงานได้ เพียงแค่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบประกันสังคมมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ใน 15 เดือนย้อนหลังก่อนวันว่างงาน และจะต้องลงทะเบียนว่างงานกับประกันสังคม ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคม ดังนี้
ส่วนขั้นตอนการลงทะเบียนว่างงานกับสำนักงานประกันสังคม สามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://e-service.doe.go.th หรืออยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.sso.go.th หรือ และ Line Official Account @ssothai ของสำนักงานประกันสังคม หรือ สายด่วนประกันสังคม โทร.1506 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาที่สะดวกได้ทุกแห่งในวันและเวลาราชการ
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
หากต้องออกจากงาน ทำอย่างไรกับประกันสังคม เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากโรคระบาด covid-19 และ ปัญหา disruption ต่างๆ ทำให้ บางกิจการต้องปิดตัวลง อาชีพและตำแหน่งงานบางอย่างต้องยุบตัวไปและมีทักษะอาชีพใหม่ๆเข้ามาแทนที่ ส่งผลกระทบให้คนวัยทำงาน ถูกเลิกจ้าง หรือ จำเป็นต้องลาออก อยู่ในภาวะตกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนวัยทำงานส่วนใหญ่ จะมีสวัสดิการขั้นพื้นฐานตามข้อบังคับของกฏหมาย คือ ประกันสังคม ซึ่งมีจำนวนสมาชิกถึง 16 ล้านคน บทความนี้จึงนำข้อมูลสำคัญควรทราบมาประกอบการพิจารณาการวางแผนการเงินของผู้ประสบปัญหาการถูกให้ออกจากงานค่ะ คำถามยอดฮิตตอนนี้จึงเป็น เมื่อต้องออกจากงานเราควรทำอย่างไรกับประกันสังคม
การสมัครเข้ามาตรา 39 จะต้องตัดสินใจสมัครภายใน 6 เดือน หลังจากพ้นสภาพจากมาตรา 33 แล้วเท่านั้น แต่ก็มีข้อสงสัยว่า จะมีผลอย่างไรต่อกองทุนชราภาพของเรา เมื่อครบอายุ 55 ปี และ คำนวณเงินบำนาญ จะทำให้เงินบำนาญที่ได้รับลดลงกว่าที่ควรจะเป็น หากหยุดไว้ที่มาตรา 33 หรือเปล่า ทางเลือกไหนเหมาะกับเรา บทความนี้จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้คุณใช้ประกอบการตัดสินใจค่ะ ทบทวนกันก่อนสักนิดนะคะ ประกันสังคมแบ่งผู้เอาประกันตนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ มาตรา 33, มาตรา 39 และ มาตรา 40 มาตรา 33 เป็นภาคบังคับสำหรับผู้ทำงานแบบมีนายจ้าง โดยจ่ายสมทบทั้งฝั่งลูกจ้างและนายจ้าง มาตรา 39 เป็นภาคสมัครใจ เป็นเราจ่ายสมทบฝ่ายเดียว โดยมีคุณสมบัติต้องเคยเป็นสมาชิกมาตรา 33 มาก่อน และส่งเงินสมทบมาไม่ต่ำกว่า 12 เดือน และสมัครในช่วงเวลาลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน มาตรา 40 เป็นภาคสมัครใจสำหรับคนทำอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ และ ค้าขาย ประเด็นสำคัญควรรู้ เงินทองต้องวางแผนรวบรวมมา 8 ข้อ ดังนี้ 1. เมื่อคุณออกจากงาน สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ไปแจ้งขึ้นทะเบียนว่างงาน ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ว่างงาน เพื่อขอรับเงินชดเชยการว่างงาน โดยไม่ต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน โดยเป็นการแสดงสิทธิ์ในเบื้องต้น รายละเอียดศึกษาได้ตามลิ้งค์นี้ https://www.sanook.com/money/397281/ 2. สำรวจกองทุนชราภาพของตนเอง ว่าเมื่อครบอายุ 55 ปี คุณจะได้รับเป็นเงินบำเหน็จ หรือ เงินบำนาญ โดยมีเส้นแบ่งที่ระยะเวลาจ่ายเงินสมทบ
สมทบไม่เกิน 180 เดือน
เงินสมทบของตนเอง + เงินสมทบของนายจ้าง ในส่วนของกองทุนชราภาพ + ผลประโยชน์ตอบแทนตามประกาศของประกันสังคม ณ.ปีที่จ่ายเงินสมทบ ตรวจสอบยอดเงินได้ที่นี่ https://www.sso.go.th/wpr/main/login [หลักเกณฑ์และเงื่อนไขกรณีชราภาพ https://bit.ly/3vLgkZu] สมทบตั้งแต่ 180 เดือนเป็นต้นไป จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนทุกเดือน ตั้งแต่อายุ 55 ปี ไปตลอดชีพ เงินบำนาญ = [20%+ 1.5%เพิ่มทุก 12 เดือนที่เกินจาก 180 เดือน] × ฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
ตัวอย่างของการคิดบำนาญชราภาพ ตามจำนวนเดือนที่สมทบ
3.เมื่อออกจากมาตรา 33 ผู้ประกันตนจะยังได้รับสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาลไปอีก 6 เดือน ถ้าภายใน 6 เดือน ไม่สมัครมาตรา 39 ต่อ ก็จะหมดสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล และ ไปรอรับเงินชราภาพตอนอายุ 55 ปี 4.หากเสียชีวิตระหว่างที่ รอรับกองทุนชราภาพ ณ.อายุ 55 ปี เงินบำเหน็จที่คำนวณได้จะถูกจ่ายให้ทายาทโดยธรรม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 แบ่งเป็นสัดส่วนที่ประกันสังคมกำหนด ระหว่าง บิดา(โดยชอบด้วยกฎหมาย) มารดา คู่สมรส (จดทะเบียนสมรส) บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย หากไม่มีบุคคลกลุ่มที่ 1 จะจ่าย กลุ่มที่ 2 โดยจ่ายเป็นลำดับ คือ
5. หากเราอยู่ในกลุ่มผู้รับบำเหน็จเพราะสมทบไม่ถึง 180 เดือน แล้วอยากรับบำนาญจากประกันสังคม เราสามารถสมัครกลับมาเป็นผู้เอาประกันตนมาตรา 33 อีกครั้งได้ โดยกลับมาสมัครงานแบบมีนายจ้าง (ต้องภายในอายุ 60 ปี) ประกันสังคมจะนับจำนวนเดือนของการจ่ายเงินสมทบต่อเนื่องจากเดือนสุดท้ายที่หยุดจ่ายเงินสมทบไป เช่น จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 170 เดือน แล้วออกจากงานตอนอายุ 45 ปี กลับมาสมทบใหม่ตอนอายุ 50 ปี ก็จะนับต่อเป็นเดือนที่ 171 ไปจนถึงอายุ 55 ปี ทำให้จากเดิมอยู่ในเกณฑ์รับบำเหน็จ สามารถเปลี่ยนเป็นเกณฑ์ของการรับบำนาญ เพราะสมทบเกิน 180 เดือน 6. กรณีผ่านเกณฑ์ 180 เดือนของการรับบำนาญในขณะที่อยู่มาตรา 33 แล้ว และไม่คิดว่าจะกลับเข้าระบบประกันสังคมอีกเลยจนเกษียณ รวมถึงไม่สนใจสิทธิ์รักษาพยาบาลของประกันสังคม เนื่องจากอาจจะไปใช้บัตรทอง หรือ มีประกันสุขภาพส่วนบุคคล ทดแทน ก็ไม่ควรสมัครมาตรา 39 ต่อ เพราะจะทำให้เมื่อคิดค่าเฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย คือ ช่วงอายุ 51-55 ปีหากอยู่ใน ม.39 จะคิดที่ฐาน 4,800 บาท แทนที่จะเป็น 15,000 บาท ทำให้เมื่อคำนวณเป็นเงินบำนาญแล้วจะน้อยกว่ามาก ตัวอย่างเช่น กรณี 1 - ลาออกตอนอายุ 40 ปี จ่ายสมทบมาแล้ว 180 เดือน ฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายสูงสุดอยู่ที่ 15,000 บาท อายุ 55 ปี จะได้รับบำนาญ ดังนี้ 20% × 15,000 = 3,000 บาท ต่อเดือน กรณี 2 - สมัครมาตรา 39 ต่อ และส่งเงินสมทบในมาตรา 39 ตั้งแต่อายุ 41 ปี จนถึงอายุ 55 ปี (สมทบต่ออีก 15×12= 180 เดือน) จะได้รับบำนาญ ดังนี้ [20%+ (1.5%×15)] × 4,800 = 2,040 บาท ต่อเดือน ข้อพิจารณานี้ เราก็คงต้องชั่งใจเลือก โดยพิจารณาสุขภาพของตนเองประกอบไปด้วย ว่าจะเลือกรับสิทธิ์ค่ารักษาพยาบาล หรือ เงินบำนาญที่จำนวนมากกว่า 7. หากเราอยู่ในมาตรา 39 แต่อยากได้ฐานคิดเงินบำนาญเป็น 15,000 บาท ไม่ใช่ 4,800 บาท เราต้องกลับไปทำงานในระบบที่มีนายจ้างและสมัครกลับเข้ามาตรา 33 ใหม่ สำคัญที่ 60 เดือนสุดท้าย หากเราอยู่ในมาตรา 33 ค่าเฉลี่ยเงินเดือนที่นำมาคิดบำนาญ จะเป็น 15,000 บาท ถึงแม้ว่าเราจะเคยอยู่มาตรา 39 มาหลายปีแล้วก็ตาม ส่งผลให้เรามีโอกาสที่จะรับเงินบำนาญชราภาพในจำนวนที่สูงขึ้นได้นั่นเอง 8. กรณีที่อยู่ในเกณฑ์รับบำนาญชราภาพแล้ว เมื่อครบอายุ 55 ปี ยังมีความประสงค์จะรับสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลต่อ จึงสมัครมาตรา 39 แต่เกรงว่าวันที่ลาออกจากมาตรา 39 แล้วขอรับเงินบำนาญชราภาพ จะได้เงินบำนาญจำนวนน้อยเพราะคิดที่ฐาน 4,800 บาท ให้เลือกขอรับเงินบำนาญ ณ.อายุ 55 ปีก่อนไปอีกสัก 5 เดือน แล้วค่อยสมัครกลับไปที่มาตรา 39 ระบบจะหยุดจ่ายเงินบำนาญ แต่จะจดจำเงินบำนาญที่ถูกคำนวณไว้ล่าสุดให้ (คิดที่ฐาน 15,000 บาท) ยกตัวอย่างเช่น ไปยื่นลาออกจากมาตรา 39 ณ.อายุ 62 ปี วิธีคิดเงินบำนาญชราภาพ จะคำนวณที่ยอดฐานการคิดเดิมของเงินเดือน 15,000 บาท และ นับอายุงานต่อ คือเพิ่มตัวคูณ 1.5% ทุกๆ 12 เดือนที่เพิ่มขึ้นในขณะที่อยู่ที่ มาตรา 39 อีกด้วย ----- ทั้ง 8 ข้อ ที่เงินทองต้องวางแผน ได้รวบรวมมาฝาก น่าจะพอเป็นแนวทางให้ท่านตัดสินใจได้ว่า ควรจะเลือกจัดการอย่างไรกับสิทธิ์ประกันสังคมของท่าน ซึ่งจุดเด่นของประกันสังคมไม่ใช่เพียงสิทธิ์ประกันสุขภาพเท่านั้น แต่สิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือ กองทุนชราภาพ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการใช้เป็นรายได้หลังเกษียณ แต่ในบ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก และการเก็บเงินจำนวนเท่านี้ยังไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างปลอดภัยในวัยเกษียณ หากท่านใดยังมีกำลังทรัพย์ที่มากพอ นอกจากการออมเงินผ่านการลงทุนรูปแบบต่างๆแล้ว แอดมินขอนำเสนอให้ใช้อีกเครื่องมือหนึ่งคือ ประกันบำนาญ เข้าช่วยสร้างรายได้ประจำในวัยเกษียณเพิ่มอีกตัวหนึ่งด้วย แล้ววัยเกษียณของท่านจะมีความสุข สบายใจ ปลอดภัย มั่นคงค่ะ วางแผนเกษียณ
ลาออกจากงานประกันสังคมอยู่ได้กี่เดือนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม แนะว่า หากผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ลาออกจากงานหรือถูกเลิกจ้าง ต้องการรักษาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมให้คุ้มครองต่อเนื่อง ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังลาออกจากงาน สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยจ่ายเงินสมทบเพียงเดือนละ 432 บาท และยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เหมือนลูกจ้างผู้ประกันตน มาตรา 33 ...
ลาออกจากงาน ประกันสังคม ทำยังไงหลังลาออกจากงานแล้วต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th ของสำนักงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออก จากนั้นต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ในเว็บไซต์ https://empui.doe.go.th ของสำนักงานจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง
ลาออกจากงานประกันสังคมคุ้มครองกี่เดือน 25651️.เคยเป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 และส่งเงินสมทบครบก่อนสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน จะได้รับความคุ้มครองในระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน 2️.ผู้ประกันตน มาตรา 38 ไม่สามารถยกเลิกสิทธิความคุ้มครองก่อนระยะเวลา 6 เดือน *ยกเว้น ผู้ประกันตนมีเงินสมทบไม่ครบตามหลักเกณฑ์*
ประกันสังคมจ่ายกี่เปอร์เซ็นต์ปี2565ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ปรับลดอัตราเงินสมทบ จากอัตราเดือนละ 432 บาท เหลือในอัตราเดือนละ 240 บาท เริ่มตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2565 สำหรับฝ่ายรัฐบาล ยังส่งเงินสมทบในอัตราเดิมคือร้อยละ 2.75 ของค่าจ้างผู้ประกันตน
|