ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

Show

ปัจจุบันการมี Sex เป็นเรื่องธรรมชาติและเปิดเผยมากขึ้นในสังคมไทย การเรียนรู้ที่จะป้องกันเอาไว้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี บางคนอาจไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็น หรือเข้าใจวิธีใช้แบบผิดๆ เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งที่เห็นกันทั่วไปคือยาคุมฉุกเฉินแบบสองเม็ด และจะยิ่งงงมากขึ้นไปอีกกับ ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียว หรือ ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด จนบางคนอาจไม่เชื่อเลยว่ามันสามารถคุมกำเนิดได้จริง ในวันนี้เรามาทำความรู้จักกับยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ว่าคืออะไร มีกลไกการทำงานอย่างไร และมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ไปดูกันเลย


ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว ควรรับประทานให้ทันที หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่เกิน 72 ชั่วโมง จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 84% หากรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ได้อย่างถูกต้อง แต่จะไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อจากทางเพศสัมพันธ์ได้ ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวจะเป็นตัวยาชนิด Levonorgestrel ขนาด 1.5 มิลลิกรัม การรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง หากมีอาการผิดปกติติดต่อกันหลายวัน ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที


กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียว

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด จะมีชนิดตัวยาที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือ  Levonorgestrel ซึ่งเป็นตัวยาในกลุ่มของโปรเจสติน (Progestins) เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์เลียนแบบฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน(Progesterone) ที่เป็นฮอร์โมนสำคัญในการควบคุมภาวะไข่ตกและมีประจำเดือน สามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีกว่า 

โดยจะออกฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการตกไข่ และลดปริมาณของ Glycodelin ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ จนไปถึงช่วยยับยังการปฏิสนธิของอสุจิกับรังไข่ ภายหลังจากการรับประทานยาอาจทำให้มีเลือดออกแบบกะปริบกะปรอย อาจเป็นตกขาวสีน้ำตาล และอาจทำให้รอบเดือนคลาดเคลื่อนได้


ข้อบ่งใช้สำหรับยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด

หลายๆคนคงสงสัยว่ายาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด กินตอนไหนดี ต้องบอกก่อนเลยว่ายาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น

  • ถุงยางอนามัยขาด / ใช้ถุงยางผิดวิธีอย่างการถอดถุงยางอนามัยหลังอวัยวะเพศอ่อนตัว ซึ่งอาจทำให้อสุจิไหลเข้าช่องคลอดได้
  • ลืมกินยาคุมกำเนิดนชนิดรายเดือนตั้งแต่ 2-3 เม็ด ติดต่อกัน
  • นับระยะปลอดภัย หน้า 7 หลัง 7 ผิด (วิธีนี้ไม่แนะนำเนื่องจากอาจเกิดการคลาดเคลื่อนแล้วสามารถตั้งครรภ์ได้)
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • มีเพศสัมพันธ์แล้วเสร็จใน
  • ถูกข่มขืน ถูกล่วงละเมิดทางเพศ


ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวกับ 2 เม็ดต่างกันอย่างไร

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียว

ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวจะมีตัวยาฮอร์โมน Levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม ควรรับประทานเเค่ 1 เม็ด ทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมง

ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด ประกอบด้วยฮอร์โมน Levonorgestrel เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม ควรรับประทานเม็ดแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ทันที หรืออย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 ให้ห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตามยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวกับ 2 เม็ด อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งถ้ามีอาการอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง หลังรับประทานยา จะจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาใหม่อีกครั้ง เพราะร่างกายยังไม่สามารถดูดซึมยาได้อย่างเต็มที่ และอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้


ใครที่ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว

ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียว


  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม และอวัยวะภายในของเพศหญิง
  • ผู้ที่เป็นโรคตับเฉียบพลันหรือตับแข็ง
  • ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่เป็นโรคลมชัก
  • ผู้ที่เป็นโรคลิ่มเลือดอุดตัน
  • ผู้ที่เป็นไมเกรนชนิดมีอาการเตือน
  • ผู้ที่มีครรภ์

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดแบบถูกต้อง

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดที่ถูกต้อง คือควรกินทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือไม่เกินภายใน 72 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์  และหากรับประทานอย่างถูกวิธีก็อาจจะสามารถป้องกันได้ถึง 84% เมื่อเทียบกับการกินยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ด


ข้อดีและข้อจำกัดของยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด

ข้อดีของการใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว

  • หากรับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ได้อย่างถูกต้องอาจป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 84% เมื่อเทียบกับการกินยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ที่อาจป้องกันการตั้งครรภ์ได้แค่ 79%
  • ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวที่กินแค่เพียง 1 เม็ด ก็สามารถคุมกำเนิดได้ สะดวกกว่ายาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดเป็นอย่างมากเนื่องจากต้องรับประทานเม็ดแรกและเม็ดที่ 2 ห่างกัน 12 ชั่วโมง อาจทำให้เกิดการลืมได้

ข้อจำกัดของการใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว

ไม่ว่าจะเป็นยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวหรือแบบ 2 เม็ด ก็ไม่สามารถคุมกำเนิดได้ 100% และไม่สามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมกำเนิดแบบปกติได้ เนื่องจากหากกินบ่อยเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้


ข้อควรระวังการใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว

สำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียว รอบเดือนอาจเกิดการคลาดเคลื่อนได้ แต่ถ้าหากว่ามาช้ากว่าปกติเกิน 7 วัน ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อตรวจครรภ์ หรือความผิดปกติอื่นๆ เพราะหากเกิดการตั้งครรภ์ภายหลังการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วนั้น จะมีความเสี่ยงในการท้องนอกมดลูก นอกจากนี้ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดไม่ควรใช้แทนการคุมกำเนิดแบบปกติ เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกายได้


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดสำหรับผู้ที่รับประทานยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด จะมีอาการดังนี้


  • ปวดท้อง
  • เหนื่อยล้า เวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • เจ็บบริเวณเต้านม
  • เลือดออกทางช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอย

และอาจจะมีอาการแพ้ยาคุมที่อาจเกิดขึ้นได้ ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอากาเหล่านี้


  • ผื่น
  • หายใจลำบาก
  • ใบหน้า ลำคอ และลิ้น คันและบวม
  • วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง

การใช้ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวกับสตรีให้นมบุตร

ยาคุมฉุกเฉินกินห่างกันกี่เดือน

ไม่ควรที่จะใช้ยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวหรือยาคุมฉุกเฉินชนิด2 เม็ด ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เพื่อป้องกันผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หากสตรีที่ให้นมบุตรรับประทานยาคุมฉุกเฉินควรหลีกเลี่ยงหรือเว้นการให้นมบุตรก่อนประมาณ 8 ชั่วโมง


การเก็บรักษายาคุมฉุกเฉิน 1

โดยทั่วไปการเก็บรักษายาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ควรเก็บไว้ที่ อุณหภูมิระหว่าง 15-30 องศา และไม่ควรให้ยาคุมฉุกเฉินสัมผัสแสงแดดหรืออยู่ในที่ที่มีความร้อนสูง หรือความชื้นสูง เพราะอาจส่งผลให้ตัวยาเสื่อมประสิทธิภาพลง เเละเป็นสาเหตุที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้


ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ราคาเท่าไหร่

หากถามว่าควรกินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ยี่ห้อไหนดี? หรือ ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด ราคาเท่าไหร่? ราคาาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ราคาจะอยู่ที่หลักสิบปลายๆ ไปจนถึงหลักร้อยต้นๆ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปที่มีเภสัชกรคอยให้คำแนะนำก่อนใช้ยา


คำถามที่พบบ่อย

ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด กินตอนไหน

ควรรับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย หรือภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ตัวยามีประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่

กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด มีโอกาสท้องไหม

ไม่ว่าจะเป็นยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด หรือยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด ก็ไม่มียาคุมฉุกเฉินชนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ยาคุมฉุกเฉินแบบเม็ดเดียวจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 84% เมื่อเทียบกับยาคุมฉุกเฉินชนิด 2 เม็ดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 79%

ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด กินบ่อยจะเป็นอันตรายไหม

อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นว่าผลข้างเคียงยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ดนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งไม่ควรนำมาเป็นวิธีคุมกำเนิดระยะยาว เพราะเมื่อกินบ่อยครั้งจะทำให้ยาคุมฉุกเฉินประสิทธิภาพลดลง และทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงขึ้น รวมไปถึงปริมาณของฮอร์โมเพศหญิงที่อยู่ในยาคุมฉุกเฉินจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติถึง 2 เท่า จึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งเต้านมได้

กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด แล้วประจำเดือนไม่มา เกิดจากอะไร

การที่กินยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด แล้วประจำเดือนไม่มา อาจเกิดจากผลข้างเคียงเนื่องจากยาคุมฉุกเฉินจะมีฮอร์โมนปริมาณสูงที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกายระหว่างที่กินยาคุม หรืออาจเกิดจากการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถสังเกตุได้จากอาการอื่นๆ ที่เกิดร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะบ่อย หรือง่วงนอนตลอดเวลา

หากพบอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ หรือสามารถทดสอบด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง


ข้อสรุป

การรับประทาน ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด อย่างมีประสิทธิภาพสูงนั้นควรรับประทานอย่างถูกวิธีโดยรับประทานทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์หรือภายใน 72 ชั่วโมง และไม่ควรนำมาใช้เป็นวิธีการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะอาจเสี่ยงให้เกิดการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกได้ ภายหลังในการรับประทานยาอาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากมีอาการแพ้ควรรีบพบแพทย์ทันที 

นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ การมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ควรมีอย่างมีสติและรู้จักการป้องกันตนเองด้วย


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที


  • ตอนที่ 1 : ต้อกระจก ภัยคุกคามการมองเห็นที่ไม่ควรมองข้าม!
  • ตอนที่ 2 : ทำความรู้จัก PRK ทางเลือกของการผ่าตัดรักษาภาวะสายตาผิดปกติ
  • ตอนที่ 3 : รักษาสายตาสั้น เปิดโลกคมชัดด้วยหลากหลายวิธี
  • ตอนที่ 4 : อยากตรวจหัวใจ ต้องทำอย่างไรบ้าง?
  • ตอนที่ 5 : โรคข้ออักเสบ ปล่อยเอาไว้อันตรายกว่าที่คิด!
  • ตอนที่ 6 : ยากระตุ้นไข่ตก ซื้อกินเองได้ไหม? มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า?
  • ตอนที่ 7 : ผ่าตัดข้อเข่าเสื่อม เพื่อการเคลื่อนไหวอย่างไร้อุปสรรค
  • ตอนที่ 8 : ต้อเนื้อ (Pterygium) คืออะไร อันตรายไหม และรักษาอย่างไร?
  • ตอนที่ 9 : ค่าสายตา คืออะไร พร้อมวิธีอ่านค่าสายตาฉบับเข้าใจง่าย
  • ตอนที่ 10 : ผู้หญิงอายุ 40 มีลูกได้ไหม เสี่ยงต่อโรคอะไรบ้าง?
  • ตอนที่ 11 : เลสิค ต้องสายตาสั้นเท่าไหร่ถึงทำได้?
  • ตอนที่ 12 : สายตาสั้นเท่าไหร่ควรใส่แว่น แนะนำวิธีรักษาสายตาสั้น 50 75 150 200 300
  • ตอนที่ 13 : อาการก่อนเป็นประจำเดือน เป็นอย่างไร? ใช่ เหวี่ยงวีนไหม?
  • ตอนที่ 14 : มาตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานเพื่อชีวิตคู่ที่ราบรื่นกันเถอะ
  • ตอนที่ 15 : อาการตาล้า ตาเบลอ ปัญหาใกล้ตัวที่ไม่ควรปล่อยไว้
  • ตอนที่ 16 : โรคตาบอดสีที่หลาย ๆ คนเข้าใจผิดไป!
  • ตอนที่ 17 : อาการเจ็บข้อเข่า เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรได้บ้าง?
  • ตอนที่ 18 : ตรวจโครโมโซม NIPT จำเป็นไหม? ตรวจเมื่ออายุครรภ์เท่าไหร่?
  • ตอนที่ 19 : สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด สาเหตุ อาการ วิธีรักษา
  • ตอนที่ 20 : การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่า รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ตอนที่ 21 : ทำไมต้องผ่าตัดต้อหิน อันตรายหรือไม่ การดูแลตนเองหลังผ่าตัดต้อหิน
  • ตอนที่ 22 : ฮอร์โมน LH (Luteinizing Hormone) สำคัญต่อคนท้องอย่างไร
  • ตอนที่ 23 : ฮอร์โมน FSH ว่าที่แม่ตั้งครรภ์ควรรู้
  • ตอนที่ 24 : เลือดล้างหน้าเด็ก คืออะไร เป็นอันตรายหรือไม่?
  • ตอนที่ 25 : ตรวจความเข้มของเลือด มีความสำคัญอย่างไร บ่งบอกปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง ?
  • ตอนที่ 26 : ไทรอยด์ ภัยเงียบอันตรายที่สังเกตได้ยาก มีวิธีตรวจไทรอยด์อย่างไรบ้าง ?
  • ตอนที่ 27 : ฮอร์โมนคนท้อง คืออะไร? ส่งผลอย่างไรต่อร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์?
  • ตอนที่ 28 : ไมเกรนขึ้นตา อาการที่ไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยโรคไมเกรนทุกคน
  • ตอนที่ 29 : วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
  • ตอนที่ 30 : อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง รู้โรคเร็ว รักษาทัน
  • ตอนที่ 31 : รู้จัก 5 สมุนไพรรักษาไมเกรน บรรเทาอาการปวดหัวแบบไม่พึ่งยา
  • ตอนที่ 32 : ติดโควิด-19 รักษาตัวที่บ้านด้วย Home Isolation
  • ตอนที่ 33 : ภาวะมิสซี (MIS-C) อาการลองโควิดในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ต้องจับตามอง
  • ตอนที่ 34 : ข้อเข่าเสื่อม โรคที่ห้ามไม่ได้ มีวิธีรักษาอย่างไร?
  • ตอนที่ 35 : 8 อาหารโฟลิกสูง ป้องกันลูกพิการแต่กำเนิด
  • ตอนที่ 36 : อารมณ์คนท้องแปรปรวน เพราะอะไร? พร้อมวิธีรับมือ
  • ตอนที่ 37 : วิตามินแก้ไมเกรน การรักษาไมเกรนแบบธรรมชาติ
  • ตอนที่ 38 : ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาเออร์โกทามีน (Ergotamine) ทางออกของปัญหาไมเกรน
  • ตอนที่ 39 : ตรวจไขมันในเลือด (Lipid Profile) รู้ตัวเร็ว ดูแลตนเองได้ง่ายกว่า!
  • ตอนที่ 40 : ปวดหัวข้างขวา ปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง ดูแลรักษาอย่างไรให้หาย
  • ตอนที่ 41 : แสงสีฟ้า ภัยร้ายดวงตาที่หลายคนมองข้าม
  • ตอนที่ 42 : ยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด กินอย่างไรให้ปลอดภัย ข้อควรรู้ก่อนใช้จริง
  • ตอนที่ 43 : แนะนำ 10 สมุนไพรแก้ไอ ขับเสมหะ ให้ความชุ่มชื้นในลำคอ
  • ตอนที่ 44 : ปวดหัวข้างเดียว สัญญาณเตือนโรคที่ควรใส่ใจ
  • ตอนที่ 45 : ทำไมต้องตรวจหลังคลอด การตรวจหลังคลอดสำคัญอย่างไร
  • ตอนที่ 46 : คนท้อง ท้องอืด ปัญหาที่ว่าที่คุณแม่ตั้งครรภ์มักประสบพบเจอ
  • ตอนที่ 47 : ยาแก้ปวดเข่า ตัวช่วยบรรเทาอาการปวดเข่าเบื้องต้นที่แพทย์มักนิยมใช้
  • ตอนที่ 48 : นิ้วล็อค ไม่ต้องผ่า รักษาง่ายนิดเดียว
  • ตอนที่ 49 : ตรวจไมเกรน ต้องทำอะไรบ้าง รู้ก่อน รักษาก่อน
  • ตอนที่ 50 : ฉีดโบท็อกไมเกรนเพื่อรักษาสุขภาพจากอาการปวดหัวเรื้อรัง
  • ตอนที่ 51 : ประจำเดือนมาไม่ปกติอย่าละเลย อาจบอกอะไรเรามากกว่าที่คิด
  • ตอนที่ 52 : อาการเจ็บคอแบบนี้เกิดจากสาเหตุใด ?
  • ตอนที่ 53 : ยาคุมลดสิว ช่วยแก้ปัญหาสิวได้จริงหรือ?
  • ตอนที่ 54 : 7 วิธีแก้ปวดท้องเมนส์ ปวดท้องประจำเดือนทำอย่างไรดีให้บรรเทาลง
  • ตอนที่ 55 : ทำเลสิค ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เปิดค่าใช้จ่าย อธิบายทุกขั้นตอน
  • ตอนที่ 56 : ผ่าตัดต้อกระจก รักษาหายขาด พักฟื้นไม่นาน
  • ตอนที่ 57 : ลองโควิด (Long COVID) หรืออาการที่เกิดหลังจากหายเป็นโรคโควิด เป็นอย่างไร

ยาคุมฉุกเฉินกินได้เดือนละกี่เม็ด

วิธีการรับประทานที่ถูกต้องคือ รับประทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ภายหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกันภายใน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด พร้อมกันในครั้งเดียวได้ โดยที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัย ...

ยาคุมฉุกเฉินกิน2ครั้งต่อเดือนได้ไหม

โดยส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินเกิน 2 ครั้งต่อเดือน เพราะอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงกับรังไข่ในระยะยาวได้ หากยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ ควรเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด เป็นต้น

กินยาคุมฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันกี่ชั่วโมง

การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด

ยาคุมฉุกเฉินกินพร้อมกันได้ไหม

สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด พร้อมกันในครั้งเดียวได้ โดยที่ประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่แตกต่างจากการแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง ทั้งนี้ การรับประทานครั้งเดียวจะทำให้สะดวกมากกว่าการแบ่งยารับประทาน แต่บางรายอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น พบอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่ายกว่าการแบ่งรับประทานเป็น 2 ครั้ง