Galaxy Watch4 คือการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกก้าวของ Samsung สำหรับสินค้าในกลุ่มสมาร์ทวอทช์เพราะรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ค่ายทำงานกับ Google และยังมีการนำเสนอฟีเจอร์อัจฉริยะเพื่อการดูแลสุขภาพส่วนจะดีเยี่ยมแค่ไหนมาอ่านรีวิวกัน Show
สารบัญ
ดีไซน์คลาสสิค หน้าปัดทรงกลมSamsung Galaxy Watch4 ที่เราได้มาเป็นรุ่นพื้นฐานที่หน้าปัดแบบมาเป็นทรงกลม รูปทรงคลาสสิก และมีความเป็นมินิมอล โดยตัวขนาดหน้าปัดที่เข้ามาขายในไทยมี 2 ขนาด พร้อมตัวเลือกสีดังนี้
หน้าจอแน่นอนว่าเป็นจอสีสัมผัสพาแนล Super AMOLED รุ่นหน้าปัด 44mm. มีจอขนาด 1.36 นิ้ว ความละเอียด 450×450 พิกเซล ส่วนรุ่นหน้าปัด 40mm. มีจอ 1.19 นิ้ว ความละเอียด 396×396 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซลเท่ากันที่ 330ppi และมีฟีเจอร์ Always On Display ให้ใช้งาน วัสดุด้านหน้าของตัวเรือนคลุมด้วยกระจก Corning Gorilla Glass DX+ ขณะที่วัสดุบอดี้เป็นอะลูมิเนียม มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น 5ATM+IP68 และรองรับแรงกระแทกระดับมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-810G เรื่องสัดส่วนของนาฬิการุ่นนี้มีความบาง และเบากว่ารุ่นก่อน บริเวณตัวเรือนฝั่งขวาจะมีปุ่มกด 2 ปุ่ม ซึ่งปุ่มบนจะเป็นปุ่ม “หน้าหลัก” ส่วนปุ่มล่างเป็นปุ่ม “ย้อนกลับ” ที่เราสามารถตั้งค่าการทำงานของแต่ละปุ่มให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ และถ้าสังเกตดีๆ ที่บริเวณกึ่งกลางถัดลงมาจากพื้นที่ปุ่มเล็กน้อยจะเป็นไมโครโฟนที่ Samsung ติดตั้งมาให้ ทางด้านฝั่งซ้ายของตัวเรือนจะไม่มีปุ่มอะไร แต่จะมีส่วนที่เป็นลำโพง ขณะที่ด้านหลังนาฬิกาก็เป็นพื้นที่ของเซ็นเซอร์ BiOActive Sensor ขณะที่วัสดุสายที่ติดกับนาฬิกามาจะเป็นสายยางซิลิโคน แข็งแรง ขนาดสาย 20มม. สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายๆ ส่วนขนาดสายที่มีขายคือ S/M ความยาว 130-190มม. กับ M/L ความยาว 145-205มม. สำหรับการลักษณะการสวมใส่ของตัวสายที่เราได้มาจะไม่มีห่วงรัดสาย แต่ใช้การสอดเก็บปลายสายเข้าด้านในแทนเหมาะสำหรับการใส่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะๆ ฟีลการสวมใส่โดยรวมของ Galaxy Watch4 ถือว่าดีมากๆ ทั้งตัวนาฬิกามีความเบา สายที่ติดกับนาฬิกามาก็จัดว่าดีใช้วัสดุที่ระบายอากาศไม่อับ ไม่ระคายสามารถใส่ติดข้อมือได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกรำคาญ แต่ก็มีจุดสังเกตเล็กน้อยตรงดีไซน์หน้าปัดของรุ่นพื้นฐานจะไม่มีส่วนนูนของขอบหน้าปัดมาช่วยเป็นตัวรับแรงกระแทกที่เข้ามาตรงหน้าจอแบบรุ่น Classic ซึ่งคนใส่ก็อาจจะต้องระวังเวลาเหวี่ยงแขน เหวี่ยงมือกันสักหน่อย ครบเครื่องเรื่องการดูแลสุขภาพด้วย BiOActive SensorGalaxy Watch4 Series ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่โฟกัสเรื่องการดูแลสุขภาพ โดยที่มาพร้อมนวัตกรรมเซ็นเซอร์ BioActive ซึ่งเป็นการรวมเอาเซ็นเซอร์ 3 ตัวให้เป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย
สมาร์ทวอทช์รุ่นนี้มาพร้อมฟีเจอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และความดันโลหิต แต่น่าเสียดายที่ตอนที่เราเขียนรีวิวเป็นช่วงที่ Samsung เพิ่งยื่นเรื่องเพื่อขอการรับรองฟีเจอร์ดังกล่าวกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยทำให้ยังไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งถ้าผ่านการรับรองเมื่อไรทางแบรนด์จะอัพเดตซอฟต์แวร์ปลดล็อคให้ใช้งานกันได้ทันที แต่สำหรับฟีเจอร์อีกหนึ่งตัวที่ใช้ได้ทันทีตั้งแต่วันที่ได้เครื่องมาคือการวัดองค์ประกอบร่างกายด้วยระบบ BIA ซึ่งใช้หลักการปล่อยกระแสไฟฟ้าระดับต่ำที่ไม่เป็นอันตรายเข้าสู่ร่างกายจากตำแหน่งเซ็นเซอร์ที่อยู่ใต้นาฬิกา และตรงปุ่มกดทั้งสองปุ่ม เพื่อวัดองค์ประกอบในร่างกายทั้ง
วิธีวัดก็ง่ายๆ หลังจากข้อมูลส่วนตัวเข้าไป ตัวระบบก็จะแนะนำให้เราขยับนาฬิกาให้อยู่เหนือข้อมือขึ้นมือนิดหนึง แล้วให้ใช้นิ้วนางและนิ้วกลางของมืออีกข้างแตะที่ปุ่มทั้งสองปุ่ม ซึ่งขณะวัดจะต้องยกแขนให้อยู่ห่างจากลำตัว จากนั้นนาฬิกาก็จะทำการปล่อยคลื่นไฟฟ้าระดับต่ำเข้าสู่ร่างกายจำนวน 2,400 รอบและใช้เวลาในการวัดเพียงแค่ 15 วินาทีเท่านั้น ฟีเจอร์ตัวนี้มีประโยชน์มากๆ สำหรับการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักเพราะตัวข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้ประกอบกับการค้นหาวิธีการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวเองได้ แต่ไม่ถึงขั้นใช้อ้างอิงทางการแพทย์นะ เรื่องการวัดระดับออกซิเจนในเลือด SpO2 ในสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้ก็มีมาให้แถมยังมีการประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบตรวจวัดการนอนหลับแบบ Advanced ในระบบตรวจจับการนอนหลับของ Galaxy Watch4 นอกจากจะมีเรื่องประเมินคะแนนการนอนหลับโดยวัดจาก Sleep Stage แล้ว ตัวนาฬิกาก็ยังเพิ่มการประเมินให้ละเอียดมากขึ้นโดยใช้การวัดระดับออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับเข้ามาคำนวนด้วย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “Snoring Detection” หรือการตรวจจับว่าเรานอนกรนหรือไม่ โดยหลักการทำงานคือเมื่อเราเข้านอนจะต้องวางมือถือไว้ข้างเตียงในระบบที่แนวราบ และสวมใส่นาฬิกาเอาไว้บนข้อมือ ซึ่งเมื่อเรานอนแล้วมีการกรนตัวนาฬิกาก็จะบันทึกเสียงใส่ไว้ในแอป Samsung Health แล้วนำมาคำนวนว่าเรากรนเป็นกี่เปอร์เซนต์ของเวลานอนทั้งหมด ด้วยการทำงานของฟีเจอร์นี้จะทำให้เราสามารถสังเกตตัวเองได้ว่ามีอาการหยุดหายใจระหว่างนอนหรือไม่ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการภาวะหายใจผิดปกติที่มีผลต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก สำหรับสายออกกำลังกายตัวนาฬิการุ่นนี้รองรับการตรวจจับได้มากกว่า 95 รูปแบบ พร้อมโหมดตรวจจับการออกกำลังกายโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังติดตั้ง GPS เพื่อแสดงเส้นทางของเราเมื่อมีการออกกำลังกายกลางแจ้งอย่าง วิ่ง, เดิน หรือ ปั่นจักรยาน นอกจากนี้ตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ยังมีระบบ Group Challenge หรือกิจกรรมการท้าทายแบบกลุ่ม ทั้งแบบที่เราสร้างชาเลนจ์เล่นการออกกำลังกายกับกลุ่มเพื่อน หรือจะทำชาเลนจ์กลุ่มที่ Samsung มีมาให้ ส่วนใครที่เป็นสายออกกำลังกายอยู่กับบ้านในนาฬิการุ่นนี้ก็มีฟีเจอร์เชื่อมต่อกับ Samsung Smart TV โดยที่เวลาเราเข้าคอร์สออกกำลังกายผ่านหน้าจอ ตัวนาฬิกาเองก็จะส่งผลการตรวจวัดต่างๆ ไปแสดงที่หน้าจอทีวีด้วย ครอบคลุมทุกการใช้งานด้วย WearOSSamsung Galaxy Watch4 ใช้ชิปประมวลผลชิป Exynos W920 ประมวลผลแบบ Dual Core 1.18GHz ซึ่งครั้งแรกของวงการนาฬิกาอัจฉริยะที่ใช้ชิปขนาด 5nm ให้ประสิทธิภาพการประมวลผล CPU เพิ่มขึ้น 20% สำหรับ RAM มีมาให้ 1.5GB พร้อมความจำเครื่อง 16GB ความพิเศษของสมาร์ทวอทช์รุ่นนี้คือการรุ่นที่ Samsung ทำงานกับ Google เพื่อเอาระบบปฏิบัติการ WearOS มาใช้กับนาฬิกาของตัวเองโดยที่ยังคงคลุมไว้ด้วย One UI Watch เรื่องการใช้งานก็ยังเหมือนรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่
นาฬิการุ่นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มี Rotating Bezel หรือการหมุนขอบหน้าปัดนาฬิกาเพื่อสั่งงานแบบโมเดล Classic แต่ Samsung ก็ไม่ได้ใจร้ายเพราะใส่ฟีเจอร์การควบคุมโดยการสัมผัสที่ขอบหน้าปัดมาให้ แถมยังมี Gesture Controls ที่เป็นการขยับมือข้างที่ใส่นาฬิกาเป็นท่าทางต่างๆ เพื่อสั่งงาน อย่างรับสาย และวางสาย ข้อดูของการเปลี่ยนมาเป็น WearOS ทำให้ Galaxy Watch4 สามารถโหลดแอปเพิ่มเติมได้ทั้งจาก Google Play Store และ Samsung Galaxy Apps Store ช่วยให้ขอบเขตการใช้งานกว้างมากขึ้นผ่านแอปที่ติดตั้งเสริมได้ทั้ง Adidas Running, Nike Run Club, Spotify, Google Maps, Google Play และอื่นๆ อีกสิ่งหนึ่งที่ Samsung ภูมิใจนำเสนอในนาฬิการุ่นนี้มากๆ คือการออกแบบการทำงานให้เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นการซิงค์ข้อมูลการตั้งค่า หรือจะเป็นตอนติดตั้งแอปที่เมื่อเราโหลดแอปบนสมาร์ทโฟน ตัวแอปดังกล่าวก็จะติดตั้งลงที่นาฬิกาด้วย สำหรับคนที่ใช้หูฟัง Galaxy Buds2 ก็สามารถควบคุมหูฟังจากตัวนาฬิกาได้เลย หรือใครที่ใช้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ก็สามารถซิงค์ภาพ Watch Face ของนาฬิกาให้เป็นภาพบนหน้าจอรอง (Cover Screen) ของสมาร์ทโฟนได้ สำหรับตัวแบตเตอรี่ รุ่นปกติ 44mm. มี 361mAh รุ่น 40mm. มี 247mAh จากที่ลองใช้งานตามปกติจะอยู่ได้ราวๆ 1-2 วัน ซึ่งอาจจะน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ในตลาด สำหรับการชาร์จไฟรุ่นนี้เป็นแบบ Wireless Charging ซึ่งจากที่ทดสอบมาชาร์จแบตจาก 12% เป็นเวลา 30 นาที ได้ 39% ก็ถือว่าพอรับได้ สรุปสเปค Samsung Galaxy Watch4
ภาพรวมการใช้งาน Samsung Galaxy Watch4 เรียกว่าดีขึ้น ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพมากขึ้น แต่ที่ชอบอย่างชัดเจนเลยคือเรื่อง UI ที่ใช้งานได้ง่าย และคล่องตัวมากขึ้น แต่มีติดเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่ค่อยอึดเท่าที่คาดหวังเอาไว้แต่จากที่ทดลองใช้มาก็ยังน่าพอใจอยู่ดี ส่วนใครที่ใช้อุปกรณ์ iOS หรือ HarmonyOS ก็อาจจะต้องสังเกตก่อนซื้อนิดหนึงเพราะจากที่ค้นข้อมูลมาในตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่ารองรับการเชื่อมต่อด้วยกันได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะจำกัดแค่บนอุปกรณ์ Android เท่านั้น หรือถ้าเชื่อมต่อได้ก็อาจจะเข้าถึงไม่ครบทุกฟีเจอร์ที่นาฬิกามี สำหรับใครที่อยากลองไปเชิญจับจองกันได้ โดยราคาในไทยมีดังนี้ Galaxy Watch 5 แบตอยู่ได้กี่วันGalaxy Watch 5 Pro ตัวกระจกหรือจอเป็น Sapphire Crystal เหมือนกัน แต่ตัวเรือนเป็น Titanium ที่ทนทานรอยขีดข่วนมากขึ้น มีไซส์เดียวคือ 45 มม. แบตเตอรี่ 590mAh ใช้งานทั่วไปได้ 80 ชม. แต่ถ้าเปิด GPS ตลอดเวลาได้ต่อเนื่อง 20 ชม. มี 2 สีคือ Black Titanium และ Gray Titanium.
Galaxy Watch 4 ดียังไงGalaxy Watch4 สามารถแสดงผลข้อมูลสุขภาพได้อย่างเหนือชั้น ด้วยเซ็นเซอร์ BioActive ที่ล้ำสมัย ช่วยให้สามารถวัดค่าความดันโลหิต[5] [6] ตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือด[7] คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) รวมถึงยังเป็นครั้งแรกกับการวัดข้อมูลร่างกาย[8] (Body Composition) ผ่านสมาร์ทวอทช์อีกด้วย
Galaxy Watch4 มีกี่รุ่นGalaxy Watch 4 มีสองรุ่นย่อย Watch 4 Classic ขอบเรือนหมุนได้ ตัวเรือนวัสดุสแตนเลสสตีล ขนาดหน้าปัด 42 และ 46 มิลลิเมตร และ Watch 4 ที่นำขอบเรือนหมุนได้ออก ใช้ระบบสัมผัส วัสดุตัวเรือนเป็นอะลูมิเนียม บางกว่าเล็กน้อย มีขนาดหน้าปัด 40 และ 44 มิลลิเมตร ทุกรุ่นกันน้ำกันฝุ่น IP68.
Galaxy Watch 4 รับสายได้ไหมรุ่นที่ใช้งานเครือข่ายโทรศัพท์ได้ สามารถรับสายได้จากทั้งเบอร์โทรศัพท์ของ Galaxy Watch และเบอร์ที่เป็นของโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อ. อย่างไรก็ตาม, เมื่อรับสายที่สองกับหมายเลขอื่นที่คุณใช้อยู่คุณจะไม่สามารถวางสายนั้น ในขณะที่รับสายที่สอง การโทรจะสิ้นสุดลง ☎ การโทรออก แตะ (โทรศัพท์) บนหน้าจอแอพส์
|