EDI ย่อมาจาก Electronic Data Interchange คือ ระบบการเปลี่ยนข้อมูลที่ผ่านด้วยระบบคอมพิวเตอร์ระหว่างองค์กร 2 องค์กรขึ้นไป สามามารถนำไปใช้ได้ทั้งองค์กรภายในและองค์กรภายนอก ทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เช่น ใบกำกับสินค้า (invoices) , ใบขนของ (Bill Of Lading) , และใบสั่งซื้อสินค้า (Purchase Orders) และปัจจุบันนี้เริ่มมีหลายบริษัทหลายองค์กรที่นำเอาระบบเข้าไปใช้ ตัวอย่างเช่น Customs Declaration (กรมศุลกากร – การนำเข้าส่งออกสินค้า) , Purchase Order , Invoice (ธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง – การซื้อสินค้า , รายการสินค้า) Payments (ธนาคาร – การชำระเงินระหว่างองค์กร) Manifest , Bill of Lading , Airway Bill (ธุรกิจขนส่ง – การไหลเวียนของสินค้าระหว่างท่าเรือ และ รวบรวมระบบท่าเรือกับผู้ขนสินค้าในประเทศ และระหว่างประเทศ) Letter of Credit (ผู้นำเข้า – ส่งออก – กระบวนการนำเข้าส่งออก) ประโยชน์ที่นำ EDI ไปใช้ :
ส่วน EDI มาทดแทน ??? หรือไม่
กรณีศึกษา CAT-EDI กับการบริการลูกค้า ที่ทำให้ลูกค้าลดต้นทุน เป็นข้อมูลบ้างส่วน CAT-EDI เป็นบริการที่ กสทจัดให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเอกสารทางอิเลคทรอนิกส์ที่มีรูปแบบเอกสาร เป็นมาตรฐาน ที่แน่นอนระหว่างคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือ รวดเร็ว ประหยัด และมีความปลอดภัยในการรับ-ส่ง ข้อมูล ทั้งนี้ในปัจจุบัน กสท ได้นำ CAT-EDI มาให้บริการสำหรับการรับ-ส่งเอกสารสำหรับพิธีการศุลกากร โดยได้มีการพัฒนา ระบบการให้บริการ บนโปรโตคอล ebXML รองรับการรับ-ส่งเอกสารแบบ Paperless Customs ของกรมศุลกากร โดยการใช้งาน บนโปรโตคอล ebXML ของ กสท มีจุดเด่น ประกอบด้วย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ ลดต้นทุนขององค์กร จะเห็นได้ว่าระบบมีประโยชน์และลดต้นทุนทางธุรกิจ แถมประหยัดขั้นตอนในดำเนินงานยุ่งยากออกไป และระบบเป็นรากฐานในพัฒนาไปสู่ E-commerceในการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ และในเนื้อหาตอนต่อไปจะำนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ EPR Related Posts |