ดูยังไงว่าเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อ

หากแยกสาเหตุลักษณะน่องใหญ่นั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 สาเหตุคือใหญ่เพราะไขมัน หรือใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ ซึ่งสองสาเหตุนี้ก็ลักษณะ และสาเหตุต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นวิธีการลดน่องก็ต่างกันออกไปอีกด้วย

น่องใหญ่ เพราะไขมัน

ลักษณะ เหนือข้อเท้าจะทู่ ตัน และอวบอ้วน เกิดจากสาเหตุการสะสมของไขมันส่วนเกิน ได้จากการทานอาหารที่หวานจัด หรือแคลอรี่สูงๆ และไม่หมั่นออกกำลังกาย

วิธีการลดน่อง คือการออกกำลังกาย อาจจะว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน หรือวิ่งเยาะๆ โดยใช้ปลายเท้าลงก่อนส้นเท้า เพราะจะช่วยให้เป็นการลดไขมันบริเวณข้อเท้าได้ดี นอกจากนี้การโยคะ เต้นแอโรบิคเบาๆ ก็ช่วยเบิร์นได้ดี และลดโอกาสการเกิดการบาดเจ็บข้อเท้าได้ง่าย รวมถึงการลดอาหารประเภทไขมันสูง โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต หันมาทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น

น่องใหญ่ เพราะกล้ามเนื้อ

ลักษณะ ส่วนน่องจะใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะเวลาเขย่งเท้าจะเห็นเป็นลูกๆ เป็นมัดกล้ามเนื้อแข็ง เกิดจากสาเหตุของพันธุกรรม การยืนหรือเดินนาน ชอบใส่ส้นสูง ออกกำลังกายหนักหรือผิดท่าเป็นประจำ

วิธีการลดน่อง ให้เลือกเดินหรือวิ่งเบาๆ บนพื้นเรียบ ไม่ขรุขระ โดยใช้ส้นเท้าลงก่อนปลายเท้า เพราะจะทำให้เรายิ่งต้องใช้น้ำหนักลงข้อเท้ามากขึ้น หรือต้องใช้แรง จึงอาจไปเพิ่มมัดกล้ามเนื้อได้จากการเกร็งบริเวณน่องนั่นเอง หรือถ้าวิ่งบนลู่ให้เลือกแบบไม่ชันมาก นอกจากนี้ควรจะลดพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่างๆ ที่ทำให้เกิดกล้ามเนื้อมากขึ้น เช่น พักการใส่ส้นสูง หันมาใส่ส้นเตี้ย ไม่ยืน หรือเดินมากเกินไป โดยการเปลี่ยนอริยาบถอื่นๆ แต่หากเกิดจากพันธุกรรม แนะนำให้ปรึกษาศัลยแพทย์ เพราะเป็นสาเหตุที่แก้ไขยากที่สุดจ้า

เกริ่น: ยังมีเพื่อนๆบางคน ที่เชื่อว่าการจะ “ลดไขมันในร่างกาย” ต้องทำด้วยการออกกำลังกายที่ “ใช้ไขมัน” เท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่จำเป้นต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไปครับ ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าร่างกายคนเรา มีแหล่งพลังงานอะไรเป็นตัวเลือกบ้าง

ร่างกายคนเรา ก็เปรียบเหมือนแหล่งเก็บพลังงาน เหมือนโกดัง มีแหล่งพลังงานหลักๆคือ

  • ไขมัน: เก็บในรูปแบบของเซลไขมัน – มีปริมาณเยอะสุด ใช้ง่ายสุด ใช้ทั้งวัน
  • แป้ง: เก็บในรูปแบบของ Glycogen ในตับและกล้ามเนื้อ มีปริมาณน้อย
  • Creatine Phosphate: มีน้อยสุด แต่ใช้ได้เร็วสุด
  • โปรตีน: เก็บในรูปแบบของกล้ามเนื้อ

ร่างกายของเรานั้นมักจะใช้ไขมันเป็นแหล่งพลังงานหลัก เพราะมีจำนวนมาก (เพราะไขมันใช้ Oxygen ช่วยเผาผลาญ) แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ต้องมีการใช้พลังงานมากๆเร็วๆ โดยที่ร่างกายใช้ Oxygen ไม่ทัน ก็จะมีการนำแหล่งอื่นๆมาใช้


มาดูตัวอย่างกัน

  • เดิน ทำงานบ้าน เล่นกีฬาเบาๆ วิ่งเหยาะๆ ใช้ไขมัน เพราะหายใจทัน และไม่ได้ใช้พลังงานเยอะๆในเวลาอันสั้นกิจกรรมเหล่านี้จึงเผาผลาญไขมันได้ดี แต่เผาผลาญพลังงานน้อย (200-300 kcal ต่อชั่วโมง)
  • ยกเวท วิ่งเร็วหน่อย เป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานเยอะในเวลาสั้นๆ พูดง่ายๆคือทำให้เรา “หายใจไม่ทัน” จึงไม่สามารถทำติดต่อกันนานๆได้ กิจกรรมเหล่านี้ ใช้แป้ง เป็นแหล่งพลังงานหลัก (ไขมันก็ใช้) กิจกรรมเหล่านี้ใช้พลังงาน 600-700 ต่อชั่วโมง หรือมากกว่านั้น และยังมี Afterburn effect (อย่างที่อธิบายไปเมื่อบทความก่อนหน้านี้)
    แต่ต้องเข้าใจนิดนึงว่าหลายคนอาจจะไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องตลอด เช่น ยกเวท ก็ต้องมีพักเซ็ท และการวิ่งเร็วๆ หลายๆคนอาจจะทำได้ไม่นาน ทำให้ไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องครบ 1 ชั่วโมงตลอดครับ
  • และสุดท้าย คือกิจกรรมที่ใช้พลังเยอะมากๆ ในเวลาอันสั้น เช่น ยกน้ำหนักเยอะๆ เป็นร้อยกิโล แน่นอนว่ายกได้แค่ไม่กี่ครั้งก็ต้องวาง แบบนี้จะใช้ Creatine Phosphate เป็นหลัก เพราะไขมัน หรือแป้ง “ไม่ทันใจ”

เราจะเห็นได้ว่าร่างกายมีการใช้พลังงานหลากหลาย ขึ้นอยู่กับกิจกรรม และความเร็วในการต้องการพลังงานนั้นๆ ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ

“กิจกรรมที่ทำ รวมเวลาทั้งหมดแล้ว เผาผลาญพลังงานได้เท่าไหร่?”


คำถามต่อไปคือ ในเมื่อ ไขมัน เป็นสิ่งที่เราใช้อยู่ตลอดเวลา ทำไมบางคนลดไขมันไม่ได้เสียที?

คำตอบอยู่ที่การใช้พลังงานให้สมดุลกับที่เรากินเข้าไปครับ คำว่าสมดุล หมายถึง กินให้พอดีกับที่ใช้ และใช้พลังงานให้สม่ำเสมอ

ข้าวหน้าหมูราดแกงกะหรี่ชามนี้ ประมาณ 1500 kcal ถ้ากินแบบนี้ 2-3 ชามต่อวัน ต่อให้ไปเดินเร็วๆ ใช้ไขมันแค่ไหน ก็มิอาจต่อกรได้

มาดูตัวอย่างกัน

A: กินวันละ 1000 kcal ออกกำลังเยอะมาก ใช้วันละ 2500 kcal วิ่งวันละ 2 ชั่วโมง

ตามทฤษฎีแล้ว คุณ A ควรลดไขมันได้เยอะมากๆ แต่ปัญหาที่เคสนี้มักเจอ คือช่วงแรกน้ำหนักลงเร็วมาก แต่สักพักร่างกายรับรู้ว่า กำลังขาดพลังงานจึงทำให้ไม่ยอมนำไขมันมาใช้ ผลคือ กล้ามเนื้อหาย และทำไปสักพักไขมันจะไม่ลดครับ เคสนี้ส่วนใหญ่กลับมาอ้วนใหม่ตลอด เป็นวงจร เพราะฝืนธรรมชาติมากไป

B: กินวันละ 3500 kcal ออกกำลังกายเยอะมาก เน้นวิ่งวันละ 2 ชั่วโมงเหมือนกัน ใช้ 2500 kcal

ปัญหาของเคสนี้ คือเหมือนกิน เพื่อไปออกกำลังชดใช้กรรม แต่ด้วยความที่กินเยอะมาก ทำให้ถึงจะวิ่งเหยาะๆ ใช้ไขมันยังไง ก็ลดไขมันไม่ได้

C: กินวันละ 2000 kcal ออกกำลังพอดีๆ มี weight นิดๆหน่อยๆ และมีวิ่งบ้าง สลับๆกัน ใช้วันละ 2200

แบบนี้เหมาะสุด ถึงแม้จะไม่ได้ “ใช้ไขมัน” จากการวิ่งเยอะเหมือนเคส B แต่ด้วยการกินที่น้อยกว่า และมี weight training ทำให้กล้ามเนื้อพัฒนา และร่างกายสมดุล แบบนี้จะค่อยๆลดไขมันได้ ในระยะยาวครับ

D: กินวันละ 1800 kcal ไม่ออกกำลังเลย แต่เดินไปเดินมาทั้งวัน ทำงานบ้าน และ active เสมอ ใช้วันละ 1800 kcal

แบบนี้ ก็มีโอกาสผอมได้ สุขภาพดีได้ เพราะมีการขยับตัวบ่อยๆ แม้จะไม่ได้ออกกำลัง แต่ก็ต้องระลึกเสมอ ว่าหัวใจ และกล้ามเนื้อ อาจจะไม่ได้แข็งแรงมาก และคาดหวังหุ่นแบบฟิตมากๆได้ยากครับ