แนวปฏิบัติทางทันตกรรม ในการรักษาผู้ป่วยโรคทางระบบ ในการให้การบำบัดทางทันตกรรม หรือศัลยกรรมช่องปากแก่ผู้ป่วยโดยทั่วไปนั้น ทันตแพทย์ไม่สามารถที่จะเลือกปฏิบัติกับคนปกติที่ไม่มีโรคประจำตัว ขณะเดียวกันผู้ป่วยเหล่านี้และยาต่างๆ ที่ผู้ป่วยได้รับมีผลต่อการให้การบำบัดทางทันตกรรมมีความซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น ทันตแพทย์ควรสามารถวางแผนการรักษาให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อป้องกันอันตรายและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นแก่ผู้ป่วย ซึ่งโรคทางระบบที่พบบ่อยและการวางแผนการรักษาทางทันตกรรม มีดังนี้ · โรคความดันโลหิตสูง (Hypertensive disease) · โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus) · โรคต่อมธัยรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) · โรคลิ้นหัวใจพิการ (Valvular heart disease) · ฮีโมฟิเลีย (Hemophilia) · โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) · โรคหัวใจวายจากเลือดคั่ง (Congestive heart failure) แนวปฏิบัติทางทันตกรรม ในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ( Diabetes mellitus)เบาหวาน เป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือมีการขัดขวางการจับอินซูลินในอวัยวะต่างๆ ทำให้มีความผิดปกติของคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน ทำให้เกิดความผิดปกติของผนังหลอดเลือด เส้นประสาทส่วนปลาย ไตและเรตินา การวางแผนการรักษาทางทันตกรรม
1.1 ถ้าไม่มีประวัติมาก่อน ให้ซักประวัติ อาการและอาการแสดงทางคลินิกแล้ว ส่งปรึกษาแพทย์ 1.2 ถ้าได้รับการควบคุมโรคเบาหวานเป็นอย่างดีมาตลอดให้การบำบัดทางทันตกรรมถอนฟันหรือผ่าตัดเล็กได้ปกติ แต่ระวังการติดเชื้อง่ายและแผลหายช้า 1.3 ควรนัดผู้ป่วยมารักษาในตอนเช้า 1.4 ถ้าเกิดอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้ผู้ป่วยรีบบอกก่อนจะมีอาการมากขึ้นจะได้ให้ผู้ป่วยกินน้ำหวานหรือกลูโคสทันที 1.5 แม้ว่าจะมีประวัติได้รับการรักษาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเสมอ แต่ถ้ามาพบทันตแพทย์เนื่องจากโรคปริทันต์ที่มีเหงือกอักเสบมาก ฟันผุลุกลามมากขึ้น มี candidiasis หรือ symptomatic erosive lichen planus เป็นๆ หายๆ อยู่เรื่อยๆ ผู้ป่วยลักษณะนี้ควรได้รับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเพราะมักจะเกิดสภาพระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติขึ้นได้อีก
2.1 ระวังการเกิดระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ จากยาควบคุมระดับน้ำตาล ป้องกันโดยให้ผู้ป่วยกินอาหารตามปกติให้ตรงเวลา เตรียมน้ำหวานหรือน้ำตาลให้ผู้ป่วยกินก่อนหรือหลังการรักษา 2.2 เมื่อผู้ป่วยสามารถกินอาหารได้ให้ใช้ยาได้ตามปกติ 2.3 ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยอินซูลิน แล้วมีอาการติดเชื้อเป็นหนองควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาเพิ่มปริมาณอินซูลินและเตรียมการรักษาการติดเชื้อให้หายขาดโดยเร็ว
3.1 ไม่ควรใช้ยาบีบหลอดเลือดที่ให้ผลต่อหัวใจและหลอดเลือดมากกว่า epinephrine ที่มีความเข้มข้น 1: 100,000 หรือไม่ใช้ยาบีบหลอดเลือดผสมในยาชาเลยในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานรุนแรง จนมีลักษณะแผลหายช้า มีแผลเรื้อรังหรือมีเนื้อตายอยู่แล้ว 3.2 การถอนฟันและการผ่าตัดควรทำด้วยความระมัดระวัง ถ้ากระดูกรองรับฟันนูนยื่นออกมาจากเบ้าฟันควรตัดแต่งให้เรียบร้อย เพราะจะนำไปสู่การติดเชื้อและกระดูกตายได้ง่ายกว่าคนปกติ |