�ѭ�ת 7-8 (�ѹ˹�觨��Ѻ��зҹ Show ��������Թ 7-8 �Ѿ�� �� 3 ����) ����ѧ 1 ��� corn flag 1 ���µǧ (�����ء ���觶��� ���� 1 �Ѿ�� ���� ������ 1 �� ���͢���չ 1 �Ѻ) ����ѧ whole wheat, cereals crackers, pop corn (���� ������ ����չ ������) ����������ѧ�ҹ ���������� �ѡ 4-5�ѡʴ 1 ���� �ѡ�ء ���觶��� ��Ӽѡ 240 ��. �������, �ѹ����, ��ͷ (�����������ѡ��Դ��ҧ�) �����������������, ���������,������� ����� 4-5��Ӽ���� 180 �ի� ����颹Ҵ��ҧ 1 �� �������� 1/4 ���� ������л�ͧ 1/2 ���� ����骹Դ��ҧ � �����������������, ���������,������� ����ѹ��� 2-3 �� 240 �ի� ��ࡵ�� 1 ����cheese 11/2 oz �����ͧ�ѹ��, �����������ѹ ����������������� ����õչ �����ѵ�� ���¡��� 2 ��ǹ �����ѵ����¡��� 3 oz���͡���ͷ��������ѹ �������ѹ�͡ ���ͺ ��᷹��÷ʹ ��˹ѧ�͡�ҡ���� ������������õչ ������������ ���� 4-5��ǹ����ѻ���� ���� 1/3 ���� ���紾ת 2 ����ж���ѹ�� 1/2 ���� ���almond ������ʧ ����ǧ����ҹ�� ���紷ҹ���ѹ �����觾�ѧ�ҹ ��������� �õչ ������� ����ѹ 2-3����ѹ�ת 1 �� ��Ѵ��Ӣ� 1 �� ��Ѵ����� 2 �� �ҡ��չ 1 �� ����ѹ�ת���� ����ѹ�С͡ ����ѹ�͡�ҹ���ѹ ����ѹ����⾴ ��ӵ�� 5 ��ǹ����ѻ������� 1 �� ����й�� 240 �ի� ��� 1 �� ��ӹ�ӵ�� ��� ��ʤ��� ความดันโลหิตสูง หมายถึง แรงดันที่อยู่ในระบบหลอดเลือด เกิดจากการที่หัวใจต้องสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย การวัดความดันโลหิต จึงเป็นการวัดการทำงานของหัวใจและแรงดันในหลอดเลือด ค่าที่วัดได้จะมี 2 ค่า คือ ค่าความดันสูงสุด เป็นค่าที่เกิดขณะที่หัวใจห้องซ้ายมายังหลอดเลือดแดงใหญ่เรียกว่า “ความดันโลหิตตัวบน” ค่าความดันต่ำสุด เป็นค่าที่เกิดขณะที่หัวใจคลายตัว ให้เลือดที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่หัวใจห้องขวา เรียกว่า “ค่าความดันโลหิต ตัวล่าง” ค่าความดันทั้งสองตัวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามเพศ, ภาวะการเจ็บป่วย, อายุ, ความเครียด, เชื้อชาติ, น้ำหนัก ค่าความดันที่ถือว่าเป็นปกติ 120 / 180 มิลลิเมตร / ปรอท ถ้าความดันสูงกว่า 160 / 95 มิลลิเมตร / ปรอท จัดว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง การรักษาโรคความดันโลหิตสูง 1. จำกัดปริมาณเกลือที่รับประทาน 2. จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกิน 30 มิลลิลิตร ในผู้ชาย และไม่เกิน 15 มิลลิลิตรในผู้หญิง - เบียร์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 360 มิลลิลิตร - ไวน์ มีปริมาณแอลกอฮอล์ 120 มิลลิลิตร - วิสกี้ (80%) มีปริมาณแอลกอฮอล์ 45 มิลลิลิตร 3. ควบคุมน้ำหนักตัวโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารโดยเพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้และอาหารไขมันต่ำ โรคสะเก็ดเงิน โรคเกล็ดเงิน โรคเรื้อนกวาง หรือโซริอาซิส (Psoriasis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อและไม่ใช่โรคติดต่อ รอยโรคมีลักษณะขึ้นเป็นผื่นหรือปื้นและมีเกล็ดสีเงินปกคลุม สามารถพบเกิดกับผิวหนังได้ทุกส่วน แต่ที่พบได้บ่อยคือ ผิวหนังส่วนข้อศอกและเข่าด้านนอก ผิวหนังส่วนด้านหลัง หลังมือ หลังเท้า หนังศีรษะ และใบหน้า ผู้ป่วยมักมีอาการแบบเป็น ๆ หาย ๆ นานแรมปีหรือตลอดชีวิต ทำให้ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โรคสะเก็ดเงินจัดเป็นโรคผิวหนังที่พบได้เรื่อย ๆ แต่ไม่ถึงกับบ่อยมาก (ประมาณ 1-3% ของคนทั่วไป) สามารถพบได้ในคนทุกวัยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่พบได้มากในผู้ใหญ่ เพราะปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคในเด็กยังมีไม่มาก เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โอกาสที่พบในผู้หญิงและในผู้ชายมีใกล้เคียงกัน ผู้ป่วยมักจะเริ่มมีอาการครั้งแรกในช่วงอายุ 10-40 ปี ผู้ป่วยประมาณ 1 ใน 3 พบว่ามีประวัติโรคนี้ในครอบครัว และอาการมักจะกำเริบเมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น (ที่พบบ่อยคือ ความเครียด) ผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินเพราะมีความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐานแล้วมีสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการและอาการแสดงทางผิวหนัง เล็บ และข้อร่วมด้วย แต่ความผิดปกติทางพันธุกรรมไม่จำเป็นที่บิดา มารดา หรือญาติพี่น้องจะต้องเป็นโรคนี้กันทุกคน เพียงแต่ว่าผู้ป่วยโรคนี้จะมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคนี้อยู่ สาเหตุของโรคสะเก็ดเงินโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุในการเกิดที่แน่ชัด แต่จากการศึกษาเชื่อว่า เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน (ไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงสาเหตุเดียว) เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน และปัจจัยกระตุ้นจากภายนอก ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังส่วนนั้นแบ่งตัวเร็วกว่าปกติร่วมกับเกิดการอักเสบจึงเกิดเป็นปื้น (Plaque) หรือเป็นแผ่นหนา แดง คันและตกสะเก็ด ในคนปกตินั้น เซลล์ผิวหนังในชั้นหนังกำพร้าจะมีการงอกใหม่จากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังบนชั้นนอกสุดที่แก่ตัวตายและหลุดออกไปเป็นวัฏจักร โดยเซลล์ผิวหนังที่งอกใหม่จะใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุดประมาณ 26 วัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินนี้ บริเวณรอยโรคจะมีการแบ่งตัวหรือการงอกของเซลล์ผิวหนังใหม่เร็วกว่าปกติ และใช้เวลาเคลื่อนตัวจากชั้นใต้ผิวหนังขึ้นมาชั้นนอกสุดของผิวหนังเพียงประมาณแค่ 4 วัน ทำให้เซลล์ผิวหนังที่แก่ตัวหลุดออกในอัตราความเร็วที่ไม่ทันกับการงอกของเซลล์ใหม่ จึงทำให้เกิดการหนาตัวของผิวหนังกลายเป็นตุ่มหรือปื้น และมีเกล็ดสีเงินปกคลุมซึ่งหลุดลอกออกง่าย มีการสันนิษฐานว่าความผิดปกติดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของระบบภูมิคุ้มกัน กล่าวคือ ลิมโฟไซต์ ชนิด T cells (ปกติจะทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรค) ถูกกระตุ้นให้ทำงานมากเกินไป เมื่อเคลื่อนตัวมาที่ชั้นใต้ผิวหนัง ก็จะทำงานร่วมกับสารอื่น ๆ กระตุ้นให้เซลล์หนังกำพร้าเกิดการแบ่งตัวและเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วผิดปกติ และก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหนังทั้งในชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่มีแบบแผนการถ่ายทอดทางพันธุกรรมไม่ชัดเจน โดยพบว่าถ้าบิดาและมารดาเป็นโรคนี้ บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงถึง 65-83% ถ้าบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นโรค บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้ลดลงเหลือ 28-50% หรือถ้ามีพี่น้องในครอบครัวเป็นโรคนี้โดยที่บิดาและมารดาไม่ได้เป็นโรค บุตรคนถัดไปที่เกิดมาก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้สูงถึง 24% แต่ถ้าทั้งบิดาและมารดาไม่เป็นโรคนี้เลย บุตรที่เกิดมาจะมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อยลงไปเหลือเพียง 4% โดยลักษณะทางพันธุกรรมนี้เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานของการเกิดโรค และการเกิดอาการของโรคก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แม้ผู้ป่วยจะมีลักษณะทางพันธุกรรมของโรคสะเก็ดเงินอยู่ก็ตาม แต่ถ้าไม่มีปัจจัยอื่น ๆ มากระตุ้นหรือส่งเสริมมากระทบ ผู้ป่วยก็จะไม่เกิดอาการของโรค ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละรายจึงควรสังเกตและพยายามหาให้ได้ว่ามีปัจจัยแวดล้อมอะไรบ้างที่ทำให้โรคกำเริบ แล้วพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้โรคกำเริบ เพราะปัจจัยที่ทำให้โรคกำเริบในผู้ป่วยแต่ละรายนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันแต่อย่างใด ปัจจุบันพบว่ามียีนผิดปกติของโรคนี้อยู่มากกว่า 8 ชนิด ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายจะมียีนผิดปกติที่ไม่เหมือนกัน จึงทำให้มีอาการแสดงได้หลากหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าผู้ที่มียีนของโรคนี้แฝงอยู่ในร่างกายมีจำนวนถึง 1 ใน 3 ที่ไม่มีอาการ ซึ่งแสดงว่าน่าจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการ ปัจจัยกระตุ้นหรือส่งเสริมให้เกิดโรคสะเก็ดเงิน
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยจำนวนมากอาจไม่พบว่ามีสาเหตุอะไรเป็นตัวกระตุ้นก็ได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินกำเริบหรือรุนแรงมากขึ้น
อาการของโรคสะเก็ดเงินอาการของโรคนี้มีหลายรูปแบบ ที่พบได้บ่อยคือ การเกิดผื่นเป็นปื้นผิดปกติบนผิวหนัง อาจเกิดเพียงจุดเดียวหรือหลายจุดพร้อม ๆ กันทั่วตัวก็ได้ โดยทั่วไปรอยโรคจะมีลักษณะเป็นปื้นหนา แห้ง แดง คัน และตกสะเก็ดเป็นสีเงิน เมื่อเกิดที่แขนหรือขาก็มักจะเกิดพร้อมกันทั้งข้างซ้ายและข้างขวา ซึ่งถ้าเป็นมากผู้ป่วยอาจมีเลือดออกในปื้นนี้ได้ และ/หรือลุกลามเข้าไปในเล็บ หรือมีการอักเสบของข้อต่าง ๆ ร่วมด้วย อาการแสดงของโรคนี้มีหลายชนิด ซึ่งผู้ป่วยอาจเป็นเพียงชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ ดังนี้
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ) คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ) คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ)
คลิกเพื่อดูรูป (รูปมีลักษณะสร้างความสะเทือนใจ) ภาวะแทรกซ้อนของโรคสะเก็ดเงิน
การวินิจฉัยโรคสะเก็ดเงินแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้จากประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการใช้ยาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประวัติในครอบครัว การตรวจร่างกาย ตรวจความผิดปกติของผิวหนัง ส่วนในรายที่มีอาการไม่ชัดเจน อาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) โดยการตัดเนื้อเยื่อผิวหนังส่งพิสูจน์ และอาจมีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ วิธีรักษาโรคสะเก็ดเงินหากสงสัยว่าเป็นโรคสะเก็ดเงินควรปรึกษาแพทย์ โดยแพทย์จะให้การรักษาไปตามชนิดและความรุนแรงของโรคสะเก็ดเงิน ตามแนวทางดังต่อไปนี้
เนื่องจากโรคสะเก็ดเงินเป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในปัจจุบัน และยังไม่มีการรักษาใดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด หลักการรักษาโดยรวมจึงเป็นการรักษาแบบผสมผสานกันไป (Combination therapy) เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้น สามารถลดขนาดของยาและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาได้ นอกจากนี้ การรักษาก็ไม่ควรใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ แต่ควรใช้วิธีหมุนเวียนการรักษา (Rotation therapy) เพื่อลดขนาดยาโดยรวม ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงของการรักษา และเพื่อให้โรคสงบได้นานขึ้น ยารักษาโรคสะเก็ดเงินการรักษาด้วยการใช้ยาทา (Topical therapy) ได้แก่
การรักษาด้วยการฉายแสง (Phototherapy) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ได้ผลดีในการรักษาสะเก็ดเงิน ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ รังสีอัลตราไวโอเลตเอและบี ซึ่งผู้ป่วยต้องมารับการรักษา 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน โดยจะให้ผลการรักษาดีประมาณ 70-80% ขึ้นไป ผลข้างเคียงโดยรวมพบได้น้อย การกลับมาเป็นซ้ำของโรคจะน้อยกว่ายาทาหรือยากิน
การรักษาด้วยการใช้ยาแบบ Systemic therapy
การรักษาด้วยยาชีวบำบัด (Biological therapy) ได้แก่
คำแนะนำเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงิน
วิธีป้องกันโรคสะเก็ดเงินเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด จึงยังไม่มีวิธีป้องกัน แต่ที่พอทำได้คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่พอเลี่ยงได้ (เช่น ภาวะความเครียด ความอ้วน) และรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่าง ๆ เอกสารอ้างอิง
ภาพประกอบ : dylansteinacupuncture.com, qsota.com, www.galdermabenelux.com, www.mayoclinic.org, ww.stelarainfo.com, www.healthline.com, www.minnesotaskin.com, www.papaa.org, www.health24.com, byebyedoctor.com, www.pcds.org.uk, www.health.auckland.ac.nz, www.torontopsoriasiscentre.com, www.onlinedermclinic.com, www.clevelandclinicmeded.com, noskinproblems.com, www.dermquest.com, hickeysolution.com, www.psoriasisexpert.org, www.psoriasis.com, escholarship.org, www.hometreatmentcure.com, healthh.com, www.onlinedermclinic.com., conditions.healthguru.com, noskinproblems.com, psoriasisfreetips.com, mddk.com, www.danderm-pdv.is.kkh.dk, www.clinicaladvisor.com, www.physio-pedia.com, www.prnewswire.com, emedicine.medscape.com เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) เมดไทย เมดไทย (Medthai) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นอิสระเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค การใช้ยา สมุนไพร แม่และเด็ก ฯลฯ เราร่วมมือกับแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุด |