การหารูปแบบ (pattern recognition)การหารูปแบบเป็นทักษะการหาความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง แนวโน้ม และลักษณะ ทั่วไปของสิ่งต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วนักเรียนจะเริ่มพิจารณาปัญหาหรือสิ่งที่สนใจ จากนั้นอาจใช้ทักษะการแยกส่วนประกอบทำให้ได้องค์ประกอบภายในอื่น ๆ แล้วจึง ใช้ทักษะการหารูปแบบเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้น Show
การพิจารณารูปแบบของปัญหาหรือวิธีการแก้ปัญหา (pattern recognition) เป็นการพิจารณารูป แบบ แนวโน้ม และลักษณะทั่วไปของข้อมูล โดยพิจารณาว่าเคยพบปัญหาลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ หากมี รูปแบบของปัญหาที่คล้ายกันสามารถนำวิธีการแก้ปัญหานั้นมาประยุกต์ใช้ และพิจารณารูปแบบปัญหา ย่อยซึ่งอยู่ภายในปัญหาเดียวกันว่ามีส่วนใดที่เหมือนกัน เพื่อใช้วิธีการแก้ปัญหาเดียวกันได้ ทำให้จัดการกับ ปัญหาได้ง่ายขึ้น และการทำงานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แบบรูป (Pattern) แบบรูปเป็นการแสดงความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆที่มีลักษณะสำคัญบางอย่างร่วมกันอย่างมีเงื่อนไข
ซึ่งสามารถอธิบายความสัมพันธ์เหล่านั้นได้โดยใช้การสังเกต การวิเคราะห์ หาเหตุผลสนับสนุนจนได้บทสรุปอันเป็นที่ยอมรับได้ วิทยาการคำนวณ ป.2 หน่วย 1 เรื่อง แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความระดับชั้น : ประถมศึกษาปีที่ 2 *เนื้อหาและรูปภาพการ์ตูนลิปดาโพล่านี้คือตัวอย่างหนังสือวิทยาการคำนวณ เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัทอิมเมจิเนียริ่ง เอ็ดดูเคชั่น จำกัด ไม่อนุญาตให้นำภาพประกอบไปใช้ในเชิงธุรกิจหรือแสวงหาผลกำไรต่าง ๆ หากต้องการนำเนื้อหาและรูปภาพไปใช้รบกวนติดต่อทีมงานก่อนทุกครั้ง เพื่อส่งเรื่องให้ทางผู้บริหารพิจารณาอนุมัติ
เป็นการแก้ไขปัญหาโดยใช้วิธีการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งผู้เรียนต้องเรียนรู้การแบ่งแยกปัญหา การคิดเชิงนามธรรมหรือเข้าใจความสำคัญของปัญหา หารูปแบบของปัญหา และนำมาแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ไขปัญหา
แนวคิดเชิงคำนวณประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วนดังต่อไปนี้การแยกส่วนประกอบของปัญหา การหารูปแบบของปัญหา การคิดเชิงนามธรรม การออกแบบขั้นตอนการแก้ปัญหา คือ การคิดแบ่งแยกปัญหาเป็นส่วนย่อยๆ ซึ่งจะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาไปที่ละส่วน ไม่เกิดความสับสน เช่น การแบ่งภาพปัญหาออกเป็นส่วนๆ และทำการจัดเรียงปัญหาใหม่ เมื่อแบ่งแยกส่วนของปัญหาได้ จะทำให้สามารถหาวิธีการแก้ไขปัญหา ตัวอย่างการแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหาเด็กชายเคนมักจะไปโรงเรียนสายเป็นประจำ คุณครูจึงให้เด็กชายเคนบอกกิจกรรมในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ตั้งแต่ตื่นนอนว่า มีกิจกรรมอะไรบ้าง ซึ่งนักเรียนสามารถแยกส่วนประกอบปัญหาได้ดังนี้
ปัญหาในชีวิตประจำวันบางครั้งจะมีรูปแบบหรือความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันต่อเนื่องกัน การหารูปแบบของปัญหาจะช่วยให้สามารถ เข้าใจได้ว่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น การหารูปแบบของปัญหาสามารถทำได้โดยการเปรียบเทียบ จัดกลุ่ม การเรียงลำดับ หรือ ลักษณะเฉพาะตัวของสิ่งนั้น ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างใช้รูปแบบของปัญหาในการแก้ไขปัญหาคุณแม่ให้เงินลิปดาค่าขนมอาทิตย์ละ 50 บาท ทุกวันลิปดาจะต้องซื้อขนมที่ชอบทาน วันจันทร์ซื้อลูกอม 5 บาท วันอังคารซื้อขนมถุง 15 บาท วันพุธซื้อขนมปังเนยสด 8 บาท วันพฤหัสบดีซื้อกล้วยบวชชี 10 บาท วันศุกร์ซื้อไอศกรีม 10 บาท ปัญหาคือถ้าเดือนหน้ามีวันเกิดคุณแม่ และลิปดาอยากซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ ลิปดาควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
คือ การมองภาพปัญหาโดยการตัดรายละเอียดที่ไม่สำคัญออกไป ให้คงเหลือไว้แต่ส่วนที่สำคัญของปัญหา เพื่อจะได้หาวิธีการแก้ไขปัญหาที่ตรงเป้าหมายมากที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่มีปัญหาหลายๆปัญหา ให้แบ่งแยกปัญหาและควรเลือกที่จะแก้ไขปัญหาที่สำคัญ หรือเลือกปัญหาที่เป็นต้นเหตุของปัญหาอื่นๆ ก่อนเป็นอันดับแรก
ตัวอย่างการใช้การคิดเชิงนามธรรมในการแก้ปัญหาที่โรงเรียนมีงานวันอาเซียน คุณครูกำหนดให้เด็กๆ จับคู่หญิงชายแต่งกายในชุดประจำชาติ ลิปดาต้องการแต่งกายชุดที่มี การสวมหมวก และโพล่าต้องการแต่งกายชุดที่มี ชุดคลุม ซึ่งชุดแต่งกายแต่ละประเทศ มีความคล้ายกัน การคิดเชิงนามธรรมสามารถแก้ปัญหาได้ดังต่อไปนี้
เป็นการออกแบบวางแผนหรือแสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหา ก่อน ลงมือปฏิบัติจริง ซึ่งผู้แก้ปัญหาจะได้ ตรวจสอบลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาได้ก่อนลงมือปฏิบัติจริง โดยหากไม่แสดงลำดับขั้นตอนไว้ตรวจสอบก่อน ก็อาจไม่พบ ข้อผิดพลาด ที่จะเกิดขึ้นได้เป็นผลให้การแก้ปัญหาอาจไม่ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
ตัวอย่างปัญหา : ลิปดาและโพล่าอยากจะปลูกต้นไม้ ควรทำอย่างไรดี ถ้าไม่ออกแบบแสดงลำดับขั้นตอน ถ้าออกแบบแสดงลำดับขั้นตอน การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหานั้นจำเป็นต้อง เรียงลำดับขั้นตอนให้ถูกต้อง จึงจะได้ผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาหรือการทำงานที่ถูกต้อง ปัญหา : ลิปดามักจะแปรงฟันไม่ค่อยสะอาด คุณแม่จึงบอกให้ลิปดาเรียงลำดับขั้นตอนการแปรงฟันใหม่เพื่อให้สามารถแปรงได้ครบทุกส่วนของฟัน ลิปดาจึงเรียงลำดับการแปรงฟันใหม่ได้ดังต่อไปนี้
การเรียงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาหรือทำงานได้ถูกต้องและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้1. การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วยการเขียนบอกเล่า ตัวอย่างปัญหา : ลิปดาและโพล่าแสดงลำดับขั้นตอนการปลูกต้นไม้โดยการเขียนบอกเล่า
2.
การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาด้วยการวาดภาพ การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาหรือการทำงานด้วยการใช้รูปภาพจึงเป็นวิธีการที่คล้ายกันเพียงแต่จะเขียนออกมาเป็นภาพซึ่งสามารถทำให้จดจำได้ง่ายกว่าการเขียนเป็นข้อความ
ตัวอย่างปัญหา : ลิปดาและโพล่าแสดงลำดับขั้นตอนการปลูกต้นไม้โดยการวาดภาพ
3. การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ไขปัญหาด้วยการใช้สัญลักษณ์ ตัวอย่างการเขียนผังงาน (Flowchart) โดยจะมีสัญลักษณ์ที่เป็นมาตรฐานในการเขียนผังงาน และแต่ละลำดับขั้นตอนจะต้องมีลูกศรกำหนดทิศทางการทำงานในแต่ละขั้นตอน ตัวอย่างเช่น การแสดงลำดับขั้นตอนการปลูกต้นไม้ของลิปดา
การแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ไขปัญหาจากภาพคือขั้นตอนการล้างมือ ให้นักเรียนเขียนหมายเลข 1-6 ในวงกลมเพื่อลำดับขั้นตอนการล้างมือและแสดงลำดับขั้นตอนการล้างมือด้วยการเขียนข้อความ
ปัญหา : เกมตัวต่อ 6 ชิ้น ให้นักเรียนแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหานี้ด้วยการใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
ปัญหา : การแต่งตัวมาโรงเรียน คุณครูให้ตารางสอนลิปดามา คุณแม่บอกว่าให้ลิปดาเตรียมจัดชุดให้ตรงกับกิจกรรมในแต่ละวันตามตารางสอน ให้นักเรียนแสดงลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหานี้ด้วยการใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
|