ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จ. อยุธยา

นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกอบจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยกรณีศูนย์กำจัดขยะต้นแบบจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ก่อสร้างโดยสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย และส่งมอบให้อบจ.พระนครศรีอยุธยาดูแล ว่า เป็นการออกแบบและดำเนินการ หลังพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมหนัก เมื่อ 2554

โดยออกแบบก่อสร้างเผื่อรองรับปัญหาน้ำท่วม ด้วยการถมดินสร้างแนวเขื่อน ปูพื้นด้วยแผ่น PE รอบบ่อขยะ ส่วนตลอดทั้งบ่อฝังกลบ ทุกบ่อภายในศูนย์ฯ ได้ปูพื้นด้วยแผ่น PE ที่ได้มาตรฐาน โดย อบจ. ได้ใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ปรับปรุงระบบท่อรวบรวมน้ำเสียจากขยะ และท่อรวบรวมน้ำฝน พร้อมทั้งก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน เพื่อร้องรับปริมาณน้ำฝนและน้ำเสียทั้งหมด และยังมีการตรวจคุณภาพน้ำใต้ดินโดยรอบอย่างต่อเนื่องด้วย จึงมั่นใจได้ว่า หากเกิดน้ำท่วมหนักเหมือนปี 54 ก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาด้านสุขภาพกับประชาชนอย่างแน่นอน

ด้าน นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม แสดงความกังวลต่อบ่อขยะขนาดใหญ่ ในพื้นที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า มีความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่ หากถูกน้ำท่วม เพราะจะปล่อยเชื้อโรคและสารพิษลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะได้

โดยในพื้นที่ ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งตำบล รัฐบาลได้จัดตั้งให้มีบ่อขยะขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 372-2-29 ไร่ รองรับขยะได้วันละ 540 ตัน และกำลังจะพัฒนาเป็นโรงไฟฟ้าขยะขนาด 6.5 เมกกะวัตต์ บนพื้นที่บนที่ดินราชพัสดุ ขนาดพื้นที่ 73 ไร่ 2 งานด้วย โดยจะใช้ขยะจากบ่อขยะดังกล่าว เป็นเชื้อเพลิงวันละ 350 ตัน

นายสนธิ ระบุว่า บ่อทิ้งขยะดังกล่าวเป็นบ่อขยะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากฝนตกลงมาผ่านกองขยะ จะกลายเป็นน้ำชะกากที่มีทั้งเชื้อโรค สารอินทรีย์ โลหะหนัก และสารพิษ ในปริมาณมหาศาล ไหลลงในแหล่งน้ำผิวดินและแหล่งน้ำท่วมโดยรอบ ยิ่งหากบ่อขยะดังกล่าวถูกน้ำท่วมด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้น้ำผิวดินโดยรอบถูกปนเปื้อนมากขึ้น มีอันตรายอย่างยิ่งต่อการอุปโภคบริโภคน้ำของประชาชน ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเข้าไปตรวจสอบและหามาตรการป้องกันโดยด่วน