วิจารณญาณในการอ่าน คือการรับสารจากการอ่านให้เข้าใจเนื้อหาสาระแล้วใช้สติปัญญาใคร่ครวญหรือไตร่ตรอง โดยอาศัยความรู้ ความคิด ประสบการณ์มาเป็นเหตุผลประกอบและสามารถนำไปใช้ในชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม Show การใช้วิจารณญาณในการอ่าน จะเริ่มต้นที่การอ่านด้วยความตั้งใจและพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่อ่านแล้วใช้ความรู้ ความคิด เหตุผลและประสบการณ์ประกอบการคิด ใคร่ครวญให้สามารถรับสารได้ถูกต้อง ถ่องแท้ การอ่านโดยใช้วิจารณญาณประกอบด้วยการเข้าใจของเรื่อง การรู้จักเขียน การเข้าใจความสัมพันธ์ของสารและการนำไปใช้ การอ่านอย่างมีวิจารณญาณจะต้องใช้ความคิด วิเคราะห์ ใคร่ครวญและตัดสินใจว่า ข้อความที่ได้อ่านนั้น สิ่งใดเป็นความสำคัญ สิ่งใดเป็นใจความประกอบหรือพลความ สามารถแยกข้อเท็จจริงจากข้อคิดเห็นได้ ตลอดจนวินิจฉัยได้ว่าข้อความที่อ่านนั้นควรเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใด และการอ่านประเมินค่าว่าข้อความที่ได้อ่านมีเนื้อหาสาระหรือมีแง่คิดที่ดีหรือไม่ อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียงไร รวมทั้งการประเมินค่างานเขียนในด้านต่างๆ เช่น ความรู้ ความสามารถ ความจริงใจและกลวิธีในการเขียน https://www.youtube.com/watch?v=XYjZSMFfb1Q การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ (critical reading): สมรรถนะสำคัญของคนทุกศตวรรษเฉลิมลาภ ทองอาจโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยมคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทักษะการอ่านเป็นทักษะการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพราะการอ่านคือการเปิดประตูสู่โลกของความรู้และจินตนาการ แต่ด้วยปริมาณของข้อมูลข่าวสารที่มีมากมายหลายรูปแบบและหลายแหล่งที่มาในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้สิ่งที่อ่านนั้น มีคุณภาพแตกต่างกันไปด้วย ผู้อ่านจึงจะต้องมีความสามารถในการพิจารณาและวินิจฉัยได้ว่า สื่อหรือสิ่งกำลังอ่านอยู่นั้น มีคุณภาพอยู่ในระดับใด ซึ่งความสามารถดังกล่าวนั้น ก็คือการอ่านอย่างมีวิจารณญาณนั่นเองวิจารณญาณ คือ ปัญญาอันรู้ได้ด้วยเหตุและผลที่ถูกต้อง ผู้ที่มีความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ จึงต้องสามารถพิจารณาสิ่งที่อ่านด้วยเหตุและผลได้ ด้วยเหตุนี้ การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ (critical reading) จึงหมายถึง การอ่านที่ผู้อ่านใช้เหตุและผลในการพิจารณาเหตุและผลที่ผู้เขียนนำเสนอไว้ในงานเขียน การใช้เหตุและผลในการพิจารณาเหตุและผล หมายถึง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างความคิดของผู้อ่าน กับความคิดของผู้เขียน ซึ่งฝ่ายผู้เขียนนั้น เป็นที่แน่นอนว่า จะต้องพยายามที่จะนำเสนอข้อมูล ประเด็นความคิด แนวคิด หรือสารบางอย่างมาสู่ผู้อ่าน และกลวิธีที่จะทำให้ประเด็นต่างๆ ดังกล่าวมีน้ำหนักหรือโน้มน้าวให้ผู้อ่านเชื่อถือ ก็คือการให้เหตุผล ประจักษ์หลักฐาน หรือข้อมูลสนับสนุนในลักษณะอื่นๆ อันจะทำให้ผู้อ่านเกิดความเชื่อว่า สิ่งที่เขียนนั้นเป็นจริงหรือควรเชื่อ ฝ่ายผู้อ่านจำเป็นจะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบว่า การให้เหตุผลของผู้เขียนดังกล่าว เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร เช่นนี้ จึงจะเรียกได้ว่า เป็นผู้อ่านอย่างมีวิจารณญาณอย่างแท้จริง จากที่กล่าวมา ผู้ที่ใช้วิจารณญาณในการอ่าน คือ ผู้ที่สามารถ1. บอกได้ว่า สารหรือแก่นเรื่อง (theme) ที่ผู้เขียนต้องการเสนอมายังผู้อ่านคืออะไร และผู้เขียนใช้กลวิธีการใดในการนำเสนอ2. กลวิธีการนำเสนอสารหรือแก่นเรื่องข้างต้นนั้น มีความถูกต้องหรือสมเหตุสมผลมากน้อยเพียงใด3. อะไรคือปัจจัยที่จะทำให้งานเขียนเรื่องนั้นถูกต้อง/น่าเชื่อถือ หรือไม่ถูกต้อง/ไม่น่าเชื่อถือ4. ข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาประกอบการสนับสนุนแก่นเรื่องหรือประเด็นความคิดของตนนั้น มีความถูกต้อง/น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด5. ข้อมูลที่นำเสนอในงานเขียน ข้อมูลใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อมูลใดเป็นข้อคิดเห็น และข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงหรือข้อคิดเห็นนั้น น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ เป็นสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนในทุกสาขาวิชาและในทุกวิชาชีพ เพราะเป็นความสามารถพื้นฐานของการดำเนินชีวิตและการประกอบวิชาชีพ ทุกวิชาจึงมีเป้าหมายสำคัญที่จะต้องพัฒนาความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ แต่ปัญหาที่พบคือ ครูผู้สอนในหลายวิชา รวมทั้งภาษาไทยเองอาจมองข้ามไป คือ การให้ผู้เขียนอ่านเอาเรื่องหรืออ่าน จับใจความนั้น คือ การอ่านเพื่อความเข้าใจ (reading comprehension) ไม่ใช่การอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ซึ่งเป็นความสามารถทางปัญญาในระดับที่สูงกว่า และครูก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีการเรียน การสอนที่มีความซับซ้อนมากกว่าการจัดการเรียนการสอนการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ครูควรเริ่มจากการให้ความรู้เกี่ยวกับความหมายและหลักการของการอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นเบื้องต้นก่อนซึ่งหลักการสำคัญที่ผู้เรียนควรทราบก่อนอ่านข้อมูล เช่น1. เหตุผลเพียงเหตุผลเดียว ไม่อาจนำไปสรุปได้ทุกเรื่อง ตัวอย่างข้อความเช่น “เพราะฝนตก รถจึงติด” “เนื่องจากเขาไม่ตั้งใจเรียน ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนไม่ดี” เพราะข้อสรุปที่ขีดเส้นใต้ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ด้วย2. สิ่งหนึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นสาเหตุให้กับสิ่งหนึ่ง ตัวอย่างข้อความเช่น “เขาชอบร้องเพลง และเขาชอบอยู่กับครอบครัว ดังนั้น ทั้งครอบครัวของเขาชอบร้องเพลง” ข้อสรุปที่ขีดเส้นใต้ไม่ถูกต้อง เพราะการชอบร้องเพลง และการชอบอยู่กับครอบครัว ไม่ได้เป็นสาเหตุที่สัมพันธ์กัน และเพียงพอที่จะนำมาสรุปได้ว่า ทั้งครอบครัวของเขาชอบร้องเพลงเมื่อผู้เรียนทราบหลักการแล้ว ครูควรฝึกปฏิบัติให้ผู้เรียนเริ่มพิจารณาประโยคที่แสดงเหตุผล จากในเอกสาร ตำรา หรือสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน เพื่อพิจารณาความสมเหตุสมผล จากนั้นจึงเริ่มนำข้อความขนาดยาว เช่น ความเรียง เรียงความ เรื่องสั้น หรือนวนิยาย ที่เกี่ยวกับสาขาที่ผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่มาให้ผู้เรียนอ่าน ประกอบกับการใช้คำถาม 4 ข้อ ที่ได้กล่าวแล้วในตอนต้น เพื่อที่จะค่อยๆ พัฒนาให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการให้เหตุผลและตรวจสอบการให้เหตุผลของผู้เขียนไปในขณะเดียวกันวิจารณญาณจะเกิดขึ้นได้จากการใช้หลักเหตุและผลของผู้อ่าน และย่อมจะเกิดขึ้นได้จาก การเรียนการสอนอ่านที่เป็นเหตุและผลด้วย ชั้นเรียนที่มีบรรยากาศของการถกเถียงกันด้วยเหตุและผล ลดอารมณ์และอัตตาส่วนตัว ย่อมขยายกลายเป็นหน่วยสังคมแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริงในที่สุด___________________________________อ่านอย่างไรจึงเรียกว่า อ่านอย่างมีวิจารณญาณการอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นการอ่านระดับสูงที่ต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญ พิจารณาสิ่งที่อ่านอย่างรอบคอบ สรุปสาระส าคัญ ทั้งเข้าใจความหมายโดยนัยของถ้อยค า อารมณ์ จุดประสงค์ของผู้เขียน สามารถแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น เพื่อตัดสินประเมินค่า สิ่งที่อ่านได้อย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ทักษะดังกล่าวจึงจ าเป็นต้องได้รับการฝึกฝนและพัฒนา ...
วิธีการอ่านอย่างมีวิจารณญาณมีอะไรบ้างหลักปฏิบัติในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ. นั่งในท่าสบาย ลำตัวตรง. กะระยะสายตาห่างจากหนังสือประมาณ ๑ ฟุต. ไม่เอียงคอ หรี่ตา หรือส่ายหน้าตามบรรทัด. ไม่ทำปากขมุบขมิบ หรือออกเสียงขณะอ่าน. กวาดสายตาตลอดบรรทัด ไม่มองย้อนกลับ. ไม่ใช้นิ้วชี้ตามตัวอักษร. มีสมาธิและปฏิบัติตามลำดับขั้นการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ. การอ่านอย่างมีวิจารณญาณมีความสำคัญอย่างไรการอ่านอย่างมีวิจารณญาณเป็นการอ่านระดับสูงที่ต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญ พิจารณาสิ่งที่อ่านอย่างรอบคอบ สรุปสาระส าคัญ ทั้งเข้าใจความหมายโดยนัยของถ้อยค า อารมณ์ จุดประสงค์ของผู้เขียน สามารถแยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น เพื่อตัดสินประเมินค่า สิ่งที่อ่านได้อย่างถูกต้อง ด้วยเหตุนี้ทักษะดังกล่าวจึงจ าเป็นต้องได้รับการฝึกฝนและพัฒนา ...
ข้อใดเป็นกระบวนการอ่านที่สร้างวิจารณญาณให้แก่ผู้อ่านลำดับขั้นการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ
๑. จำความหมายของคำ ข้อความ หรือประโยค ๒. เข้าใจเนื้อเรื่องที่อ่าน สรุปมโนทัศน์ของเรื่อง เรียงลำดับเหตุการณ์ หรือ เล่าเรื่องได้ ๓. นำเหตุการณ์และถ้อยคำ หรือ ประโยคที่ได้จากการอ่านไปเทียบเคียงหรือแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
|