วันที่28 กรกฎาคมขายเหล้าได้ไหม

July 29,2020

ผับดังไม่สนคำสั่งปิด 5 ปียังเปิดโจ่งครึ่ม แม้วันเฉลิมพระชนมพรรษา ร.10 ห้ามขายเหล้า

มีรายงานเมื่อช่วงก่อนเที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ถึง 00.13 น.ที่ผ่านมา เกิดความกังขาไปทั่วเมืองชัยภูมิ และอยากเรียกร้องผ่านสื่อมสวลชนให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบต่อเนื่องอีกครั้ง ขณะที่ร้านค้าทั่วเมืองชัยภูมิ ปิดงดจำหน่ายสุราเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในหลวง ร.10 ตรงกับวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 แต่ยังมีอดีตผู้พิพากษา เจ้าของผับดังกลางเมืองชัยภูมิ รายหนึ่งที่เคยถูกคำสั่ง คสช.สั่งปิด 5 ปี ระหว่างต้นปี 2562-2566 ยังไม่สนเดินหน้าอ้างขอเปิดกิจการแบบร้านค้าสวนอาหารแบบขึ้นใหม่มาแทนเท่านั้นไม่ได้ทำเป็นผับหรือย่านสถานบันนเทิงแบบเดิม แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดทำผิดเงื่อนไขประกอบกิจการเข้าข่ายสถานบันเทิงหรือผับดังเหมือนเดิม

หลังจากขอเปิดดำเนินธุรกิจใหม่เป็นสวนอาหารมาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 มีทั้งเปิดจำหน่ายสุรายันรุ่งตีหนึ่ง-ตีสอง พร้อมมีการเปิดแสดงดนตรีสด เกินเวลากว่าเที่ยงคืนโจ่งครึ่ม และปล่อยให้มีกลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่ากฏหมายกำหนด เข้าไปใช้บริการและมีการจำหน่ายสุราเด็กต่ำกว่า 20 ปี ทั้งๆ ที่ไม่มีใบอนุญาตให้จำหน่ายสุราจนถูกดำเนินคดีมาแล้ว แต่ก็ยังไม่สนฝ่าฝืนเปิดให้บริการในลักษระดังกล่าวมาต่อเนื่องไม่หยุด จนเกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุนยกพวกตีกัน หน้าย่านผับดังมาแล้วต่อเนื่อง มีทั้งคนบาดเจ็บ และมั่วสุมจับกลุ่มซิ่ง จยย.ป่วนเมืองมาต่อเนื่อง และมีการนำเสนอข่าวจากสื่อมวลชนหลายสำนักมาแล้วต่อเนื่องก็ยังอ้างเส้นใหญ่  แถมขู่ฟ้องข่าวสำนักใดใครนำเสนอข่าวจะฟ้องหมด จนล่าสุดยังไม่เว้นแม้วันมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษในหลวง ร.10 ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ยังเปิดกิจการจำหน่ายสุรา ขัดคำสั่งถูกสั่งปิด  5 ปี ไปจนถึงระหว่างปี 62-66 ปี ยังไม่ยอมหยุด จนล่าสุดเมื่อกระทั่งเวลาผ่านมาข้ามวันจนถึงล่าสุดนี้เวลาประมาณใกล้ตีหนึ่ง จากเปิดมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2563 ก็ยังเปิดให้บริการเหมือนเคยมีการเปิดจำหน่ายสุราแบบไม่เกรงกลัว กม. และในส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปดำเนินการจับกุมแต่อย่างใด ในครั้งนี้ชาวบ้านในพื้นที่จึงฝากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบดำเนืนการให้ชัดเจนเสียที แม้กระทั่งวันมหามงคลฯ ในหลวงหลวง ร.10 ก็ยังกล้าไม่เว้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ เรียกประชุมเตรียมหามาตรการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับผู้เกี่ยวข้อง หลังเมื่อช่วงเวลา 22.00–01.00 น.ของวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 สั่งระดมกำลังฝ่ายความมั่นคงโดยนายณรงค์  ชำนิพงษ์  ปลัดอำเภอเมืองชัยภูมิ นำกำลังสมาชิก อส.อ.เมือง บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับ  สวป./จนท.ตร.สภ.เมืองชัยภูมิ, สรรพสามิตพื้นที่เมืองชัยภูมิ/จนท.สรรพสามิต ออกตรวจจัดระเบียบสังคมร้านอาหารไม่ทราบชื่อ ขอเปิดกิจการประกอบเป็นร้านอาหารขึ้นใหม่มาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.63 และเกิดปัญหามีกลุ่มวัยรุ่นไปมั่วสุมและมีการยกพวกออกมาไล่ตีกันย่านถนนหน้าทางเข้าร้านบ่อยครั้งเป็นจำนวนมาก ล่าสุดมีสาววัย 32 ปี ได้รับบาดเจ็บเมื่อกลางดึกของวันที่ 19 กรกฎาคม 2563

ซึ่งร้านดังกล่าวเคยเป็นอดีตผับดังที่เคยมีคำสั่งจังหวัดชัยภูมิ ให้ปิดกิจการเป็นเวลา 5 ปี ระหว่างปี 2562-2566 ตั้งอยู่ย่านถนนชัยภูมิ-บ้านเขว้า ต.ในเมือง อ.เมืองชัยภูมิ  ซึ่งหลังจากกรณีเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 มีกลุ่มวัยรุ่นที่ไปรับประทานอาหารร้านดังกล่าวแล้วได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันหลังจากร้านปิดให้บริการนั้น

ซึ่งจากการขอเข้าตรวจสอบภายในการดำเนินกิจการของร้านอาหารดังกล่าว ล่าสุดมาจนถึงช่วง 00.30 น. จนท.พบพนักงานของร้านนำเครื่องดื่มสุรามาจำหน่ายให้กับลูกค้าที่โต๊ะ 45 และจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุราแสดงให้ดูได้  และตรวจสอบที่เคาน์เตอร์ของร้านพบผู้จัดการร้านดังกล่าว  จนท.ชุดตรวจสอบฯ  จึงได้แจ้งให้ทราบว่าจะต้องถูกจับกุมเนื่องจากจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต  พร้อมกับได้นำตัวส่ง พงส.สภ.เมืองชัยภูมิ เพื่อทำการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.สุราฯ เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท  พร้อมทั้งได้แนะนำให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายที่มีระเบียบตามคำสั่งห้ามที่ถูกสั่งปิดเป็นเวลา 5 ปี อยู่ 

อีกทั้งยังมีการเล่นดนตรีสด แสดงโชว์นักร้อง ที่ผิดระเบียบในการขอใช้พื้นที่ในการขอกลับเข้ามาดำเนินการเป็นสวนอาหาร แต่ยังเข้าข่ายที่กระทำผิกระเบียบคำสั่งปิดที่มีในปัจจุบันที่ไม่ให้ประกอบการเป็นลักษณะสถานบันเทิง หรือผับเช่นเดิม ซึ่งหากดำเนินการเป็นอาหารร้านอาหารแบบธรรมดาก็สามารถทำได้ จนท.ไม่ห้าม ซึ่งในการเข้าตรวจครั้งนี้ก็ยังกลับมาขอใช้พื้นที่สั่งห้ามทำคล้ายลักษณะสถานบันเทิงเหมือนเดิมอยู่

นายอนุชา เจริญรักษ์ นายอำเภอเมืองชัยภูมิ กล่าวว่า ได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตามกฎหมายหมายที่พบทั้งหมดต่อไป และหากมีการตรวจพบว่ายังเปิดในลักษณะที่เข้าข่ายสถานบันเทิงดังกล่าวอีก จะต้องถูกสั่งปิดและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทันที 

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวเอง ก็ได้รับพยายามติดต่อ เจ้าของผับดังกล่าวว่า  เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงให้ความเป็นธรรมทุกด้านในครั้งนี้ด้วยแล้ว แต่หลังมีการนำเสนอข่าวไปที่ผู้ประกอบการรายนี้ได้ออกมาชี้แจงออกไปแล้วว่า วอนขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ด้วย แต่ล่าสุดก็กลับกลายเป็นกระแสสังคมที่ยังไม่พอใจขึ้นมาอีก และกลับมาต่อว่าสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวทำให้ตนเองเสียหายหนัก และใครที่นำเสนอข่าวอีกจะฟ้องร้องในครั้งนี้ทั้งหมด

604 1111