กรณีที่ผู้ทำงานมีรายได้ประจำและส่งเงินสมทบประกันสังคมมาตลอด แต่มีอายุยังไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์ อยากจะขอเงินชดเชยเบี้ยชราภาพก่อนได้หรือไม่ เป็นคำถามที่หลายคนอยากทราบ ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับภาพรวมและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนประกันสังคมก่อนว่าทำขึ้นเพื่ออะไร กองทุนประกันสังคมมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกองทุนที่เป็นหลักประกันให้กับผู้มีรายได้ที่ส่งเงินสมทบต่อเนื่อง ให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายทดแทนได้ ในกรณีเกิดเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ที่จำเป็นต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล กรณีคลอดบุตรและต้องเลี้ยงดูบุตร รวมถึงกรณีเบิกค่าใช้จ่ายหากเกิดการว่างงานขึ้นและถือเป็นเงินออมไว้ใช้ในยามเกษียณอีกด้วยดังนั้นในส่วนของเงินชดเชยค่าเบี้ยชราภาพที่ทางประกันสังคมมีข้อกำหนดไว้ว่า จะสามารถใช้สิทธิเบิกเงินชดเชยได้ในกรณีที่ผู้ประกันตนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เท่านั้น จึงเป็นข้อกำหนดที่จำเป็นเพื่อให้ได้วัตถุประสงค์ของเงินสมทบที่ออมไว้ใช้ในยามเกษียณ หากผู้ประกันตนมีอายุไม่ถึง 55 ปีบริบูรณ์ จึงไม่สามารถขอเบิกค่าชดเชยกรณีชราภาพได้ ยกเว้นกรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตก่อนอายุ 55 ปีเท่านั้น ประกันสังคมถึงจะจ่ายเงินชดเชยให้กับทายาทผู้มีสิทธิรับผลประโยชน์
อย่าลืมว่าเงินสมทบที่เราจ่ายให้กับประกันสังคมทุกเดือนนั้น จะคิดที่ฐานเงินเดือนสูงสุดแค่ 15,000 บาท เท่านั้น ไม่ว่าเงินเดือนของเราจะเป็นกี่หมื่น หรือกี่แสน เราก็จ่ายเงินสมทบเพียงแค่เดือนละ 750 บาท นอกจากนี้นายจ้างยังจ่ายเงินสมทบเบี้ยชราภาพให้อีก 100% หรือ 750 บาททุกเดือนดังนั้นหากเราส่งเงินสมทบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง เราจะได้รับเงินบำนาญชราภาพไว้ใช้ในยามเกษียณ เพื่อเป็นหลักประกันในวัยที่เราไม่มีรายได้แล้ว เรามาลองดูกันในรายละเอียดว่าสิทธิและเงื่อนไขในการเบิกค่าชดเชยกรณีชราภาพนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง เงินบำเหน็จชราภาพ รับค่าชดเชยกรณีชราภาพเป็นเงินก้อน
เงินบำนาญชราภาพ รับค่าชดเชยกรณีชราภาพเป็นเงินรายเดือนจนกว่าจะเสียชีวิต
กรณีส่งเงินสมทบครบ 180 งวด เมื่อมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จะได้รับเงินชดเชยเป็นเงินรายเดือนหรือเงินบำนาญชราภาพ โดยเงินบำนาญที่จะได้รับแต่ละเดือน คิดเป็น 20% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ปกติอัตราเงินเดือนสูงสุดที่ประกันสังคมคิดจะอยู่ที่ 15,000 บาทต่อเดือน) ส่วนที่ส่งเงินสมทบเกิน 180 งวด ทุก ๆ 12 งวดที่สมทบเพิ่มทางประกันสังคมยังคิดโบนัสเพิ่มให้อีก 1.5% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายให้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากส่งเงินสมทบมาเป็นเวลา 20 ปี คือ 240 งวด มีวิธีคิดเงินบำนาญรายเดือนดังนี้
{[20+(1.5*(15-15))]*15,000}/100 = 20% x 15,000 = 3,000 บาท
{[20+(1.5*3)]*15,000}/100 = 24.5% x 15,000 = 3,675 บาท เป็นต้น ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเป็นจำนวน 3,675 บาททุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิตหรือหากเสียชีวิตก่อน คือ ภายใน 5 ปี ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเป็นเงินก้อนเป็นจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพที่จะได้รับ หากเป็นกรณีตามตัวอย่างทายาทก็จะได้รับเงิน 3,675 x 10 = 36,750 บาท |